สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 190 เจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการ (2)
“เอ่อ ไม่ใช่เช่นนั้น!”
ทราบดีว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจเย้าแหย่เธอ แต่เล่อเหยาเหยาด้านการพูดจาถือว่ายังสู้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้ ดังนั้นจึงเสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายถูกเขากินจนหมดตัว
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกว่าตนช่างไร้เกียรติ ครั้งนี้จึงคิดยืนกรานไม่ยินยอม มิฉะนั้นวันหน้าจะถูกเขาเอาเปรียบ!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก่อนจะดิ้นไม่หยุดดุจมดสู้กับช้าง เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนี้
แต่เธอดิ้นอยู่เพียงชั่วขณะ กลับพลันได้ยินเสียงอู้อี้ราวเจ็บปวดจากเหนือศีรษะ
เล่อเหยาเหยาได้ยิน พลันตกใจ ก่อนจะนึกได้ว่าบนกายเหลิ่งจวิ้นอวี๋มีบาดแผล
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตกใจจนไม่กล้าขยับ เงยใบหน้าเล็กมองไปยังชายหนุ่มอย่างกังวล ก่อนเอ่ยถามอย่างวิตกว่า
“อวี๋ ข้าดิ้นถูกบาดแผลท่านหรือ รีบปล่อยข้าลงเร็วเข้า ข้าจะได้ดูแผลให้ท่าน!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างร้อนใจ สองแก้มที่แดงก่ำค่อยๆ จางหายไปไม่น้อย
แววตาเปี่ยมไปด้วยความกังวล
แต่หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เพียงขมวดคิ้วมุ่น พลันเอ่ยปากว่า
“อืม เจ้าโดนบาดแผลของเปิ่นหวาง ดังนั้นห้ามขยับเด็ดขาด”
“อืม เช่นนั้นท่านปล่อยข้าลงเถิด ข้า…”
“ชู่ว เด็กดีอย่าพูดมาก”
ไม่คิดให้เล่อเหยาเหยาเอ่ยจนจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเอ่ยตัดบทคำพูดของเธอ จากนั้นอุ้มเล่อเหยาเหยาก้าวเข้าไปในห้อง
เขาดูเดินอย่างมั่นคง ไม่มีท่าทางบาดเจ็บใดเลย!
แต่หลังจากเล่อเหยาเหยารู้ว่าตนอาจถูกหลอก ก็สายไปเสียแล้ว
เพราะเธอถูกพาเข้ามาในห้องแล้ว ร่างกายถูกอุ้มมายังเตียงใหญ่ที่คุ้นเคยและอ่อนนุ่มนั้น จากนั้นภาพตรงหน้ามืดมิด เพราะชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำลังคร่อมอยู่ด้านบน
“เอ่อ”
เมื่อเห็นเดิมทีชายหนุ่มไม่มีท่าทางเช่นนั้น และแววตาแฝงไปด้วยการหยอกล้อและไฟปรารถนา เล่อเหยาเหยามั่นใจว่าตนถูกหลอกอีกครั้ง
แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยประท้วง จุมพิตของชายหนุ่มพลันประกบปากเล็กงดงามของเธออย่างแม่นยำ
จุมพิตของชายหนุ่ม ดุดันทว่าแฝงด้วยความอ่อนโยนดังเช่นตัวเขา
ริมฝีปากกระจับงดงามนั้นประกบปากเล็กอ่อนช้อยนั้นไว้ ทำให้คำพูดที่เล่อเหยาเหยาจะพูดถูกกลืนลงไปทั้งหมด
ลิ้นชุ่มชื้นนั้น อ้อยอิ่งบนริมฝีปากอมชมพูดของเธออย่างคุ้นเคยจากนั้นค่อยๆ แยกฟันเธอออก ก่อนสอดลิ้นเข้าไปดูดกลืนน้ำหวานในปากเธอไม่หยุด พร้อมพัวพันอยู่กับลิ้นเล็กของเธอ
จุมพิตของชายหนุ่ม คล้ายยาพิษที่กลั่นจากฝิ่น ทำให้เล่อเหยาเหยายิ่งดำดิ่งจนมิอาจถอนตัว
สุดท้ายเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงสมองตนเริ่มคิดไม่ออก ร่างกายก็เบาหวิว ดุจตนกำลังล่องลอยอยู่ปุยเมฆสีขาว แสนผ่อนคลายสบายใจ
สายลมเย็นที่จู่ๆ พัดเข้ามา ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายหนาวเหน็บ
ดวงตาคู่งามแฝงด้วยความมึนงงก้มมองลงไป จึงพบว่าเสื้อผ้าที่เคยอยู่บนกายตนถูกถอดทิ้งจนหมด ก่อนเผยเอี๊ยมสีแดงอมชมพูลายดอกโบตั๋นนั้นของตนออกมา
คิดดูแล้ว ความเร็วในการถอดเสื้อผ้าของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ นับวันยิ่งรวดเร็วมากขึ้น
และไม่เพียงเสื้อผ้าบนกายของเธอถูกถอดออกไปจนเหลือเพียงเอี๊ยมตัวบาง เสื้อผ้าบนกายของชายหนุ่มก็ถูกถอดออกจนหมดเช่นกัน สุดท้ายเหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาวตัวบางเท่านั้น
ด้านนอกแสงอาทิตย์เจิดจ้า หมื่นลี้ไร้เมฆ ลมฤดูร้อนพัดเอื่อย
แสงอาทิตย์เรืองรองจับตาดุจทองนั้น สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้า ทำให้ทั่วห้องสว่างไสว และสาดลงอย่างอ่อนโยนลงบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่มนี้ และรูปร่างสูงใหญ่ โดดเด่นเหนือผู้ใดของชายหนุ่ม
แสงอาทิตย์สีทองนั้น ดุจแฝงไปด้วยชีวิต เผยเค้าโครงส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบของชายหนุ่มออกมาจนหมด
ผิวสีน้ำตาลทรงเสน่ห์และแข็งแรง ไหล่กว้างเอวคอด แขนทรงพลัง ดุจสามารถต้านทานแผ่นฟ้าให้เธอได้
กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง เกิดจากการฝึกฝนมานานหลายปีนั้น แบ่งลายกล้ามเนื้อออกอย่างเด่นชัด ดุจซ่อนพลังไร้ขีดจำกัดเอาไว้
และเมื่อมองจากหน้าอกแข็งแกร่งนั้นลงไป คือบริเวณหน้าท้องแกร่งที่ถูกพันแผลเอาไว้
และเมื่อมองต่ำลงไปอีก จะเป็นต้นขาเรียวยาว และสิ่งที่ชูชันอยู่ตรงกลางต้นขาดุจกระโจมนั้น คือบริเวณที่ชายหนุ่มภาคภูมิใจที่สุด
เมื่อเห็นกระโจมที่ชูชันนั้น สองแก้มเล่อเหยาเหยาร้อนผ่าว รู้สึกเพียงไอร้อนพุ่งจากปลายเท้าคืบคลานสู่เหนือศีรษะลอยล่องออกไป
ทำให้ใบหน้าเล็กอ่อนช้อยดูมีสีสัน
แต่เธอไม่รู้ว่าความจริงสิ่งที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋หลงรักคือ ท่าทางขวยเขินของเธอ
ไม่ว่าพวกเขาจะแนบชิดอย่าง ‘ตรงไปตรงมา’ ด้วยกันหลายครั้ง ทุกครั้งเธอดุจสาวน้อยไร้เดียงสา สองแก้มแดงก่ำ ดวงตาคู่งามแฝงด้วยไอน้ำชุ่มฉ่ำ ทำให้คนมองทั้งสงสารและปรารถนา จนอยากแปลงกายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ กลืนกินเธอลงไปในท้องไม่ให้เหลือซาก!
เห็นเช่นนั้น ไฟปรารถนาในดวงตาเย็นชาของชายหนุ่มยิ่งลึกล้ำมากขึ้น
จุมพิตร้อนแรงนั้น ค่อยๆ ผละห่างจากริมฝีปากแดงงดงามนั้นของหญิงสาว ก่อนไล่ต่ำลงไปอย่างช้าๆ
จุมพิตเบาๆ บนหน้าผากอิ่ม ดวงตาคู่งามอ่อนละมุน จมูกโด่ง คางแหลม กระดูกไหปลาร้าน่าสัมผัส กระต่ายหยกขาวผ่อง สุดท้ายประกบลงบนเม็ดจูอวี๋สีชมพูของหญิงสาว
“อา…
เล่อเหยาเหยาเพียงรู้สึกคันบนหน้าอก ลิ้นร้อนชื้นนั้นละเลียดชิม ดูดกลืนเม็ดจูอวี๋ของเธอไม่หยุด ทำให้ในใจเธอเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
พักนี้ร่างกายเธอนับวันยิ่งไวต่อสัมผัสจากการถูกแนบชิด
“ไม่ อวี๋ ไม่ ต้องการ…”
เล่อเหยาเหยาแววตาสับสน สองแก้มแดงก่ำ น้ำเสียงอ่อนหวาน
ทำให้คนฟังจิตใจฟุ้งซ่าน ร่างกายร้อนรุ่ม
ขณะพยายามข่มไฟปรารถนาของร่างกายท่อนล่าง ริมฝีปากเหลิ่งจวิ้อวี๋พลันผละออกจากเม็ดจูอวี๋ที่ถูกเขาจุมพิตจนแข็งชูชันนั้น ดวงตาเย็นชาเปี่ยมด้วยความปรารถนาอันล้ำลึก จ้องมองบนใบหน้าเขินอายอย่างยิ่งของเล่อเหยาเหยา ริมฝีปากแดงยกขึ้น เปล่งเสียงแหบพร่าดึงดูดใจออกมา
“ฮ่า ๆ สุดท้ายเจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการกันแน่!”
“อือ ไม่ ไม่ต้องการ”
เมื่อได้ยินคำพูดแฝงการเย้าแหย่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาเขินอายสองแก้มแดงก่ำ เอ่ยพลางส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น
หลังเธอเอ่ยประโยคนี้จบ รู้สึกเพียงมีนิ้วที่กำลังหยั่งเชิงอยู่ท่อนล่างของเธอไม่หยุด ก่อนไฟปรารถนาจะปะทุขึ้นในใจเธอ
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายท่อนล่างร้อนผ่าว คันยุบยิบ ด้วยไฟปรารถนายากจะทนได้ อยากหลุดพ้นจากนิ้วนั้น แต่กลับต้องการมากขึ้น
“ตอนนี้ เจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการ หืม!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังคงรออย่างอดทน ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยรอยยิ้มและไฟปรารถนาหลายส่วน มองเล่อเหยาเหยาที่ถูกตนปลุกไฟปรารถนาขึ้นมา จนมีท่าทางเขินอายและทนไม่ไหว ก่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างดึงดูดใจ
ดวงตาคู่งามที่มึนงงของเล่อเหยาเหยา มองไปยังใบหน้าโดดเด่นเหนือผู้ใดนั้นของชายหนุ่ม พร้อมเม้มริมฝีปากแน่น ข่มกลั้นความสุขระลอกแล้วระลอกเล่าของร่างกายท่อนล่างไว้ โดยไม่ส่งเสียงออกมา
ทว่าสองแก้มแดงก่ำและความเงียบของเธอนั้น แสดงความหมายของเธอออกมาอย่างชัดเจน
เธอ…ต้องการ
แต่ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มกลับชักนิ้วของตนกลับไป
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายท่อนล่างว่างเปล่าเป็นที่สุด ราวกับบางอย่างขาดหายไป
“อือ”
ไฟปรารถนาที่ถูกจุดจนลุกโชน กลับพลันถูกดับลง
คล้ายกับคนที่เมื่อครู่ยังนอนอยู่บนปุยเมฆ จู่ๆ ตกลงสู่ขุมนรกที่มิอาจปีนขึ้นมาได้ ความรู้สึกนั้นไม่สบายยิ่งนัก และทำให้เล่อเหยาเหยามองชายหนุ่มที่นอนทับอยู่บนกายตนอย่างไม่พอใจ
“อวี๋”
“เพียงเจ้าเอ่ยปากว่าต้องการ เช่นนั้นเปิ่นหวางจะมอบมันให้แก่เจ้า ว่าเช่นไรหืม!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยปากปลอบใจด้วยเสียงแหบพร่า คล้ายพ่อค้ามนุษย์หยิบน้ำตาลปั้นซื้อใจเด็กน้อย
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันหมดคำพูด
ความจริงเธอตอนนี้ต้องการอย่างยิ่ง แต่เธอกลับเอ่ยปากไม่ไหว เพราะนี่ช่างน่าขายหน้าจริงๆ
ดังนั้นตีเธอให้ตาย เธอจะไม่ยอมเอ่ยออกไป
แต่ตอนนี้เธอทรมานยิ่งนัก!
เมื่อสับสนในใจ เล่อเหยาเหยาอดกัดริมฝีปากไม่ได้ ทว่าดวงตากลับจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนกายเธอ
ดวงตาคู่งามชุ่มฉ่ำนั้น แฝงไปด้วยชั้นหมอก เปียกชื้น และความแวววาวระยิบระยิบภายในนั้นชวนน่าสงสารเห็นใจ
…………………………………………………………