สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 191 กลืนกินเจ้า (1)
เมื่อรออยู่ครู่หนึ่ง เห็นเล่อเหยาเหยาดุจกวางน้อยแสนดื้อรั้น ปากแข็งไม่ยอมเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการออกมา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็น รู้สึกจนใจและสงสารในใจ
สุดท้ายเขามิอาจต้านทานดวงตาคู่งามน่าสงสาร เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างนี้ได้ จึงคำรามขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ก่อนริมฝีปากกระจับจะจุมพิตลงบนริมฝีปากงดงามชุ่มฉ่ำของเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง
และนิ้วของตนทำการสำรวจถ้ำอันลึกลับบนท่อนล่างด้วยความชำนาญไม่หยุด
จนกระทั่งนิ้วเปียกชุ่ม คนใต้ล่างอดส่งเสียงฮึดฮัดออกมาราวอยู่บนยอดเขาสูงไม่ได้
“เด็กน้อย พอใจหรือไม่ หากพอใจถึงคราวเจ้าปรนนิบัติเปิ่นหวางแล้ว”
น้ำเสียงแหบพร่าแฝงความต้องการ ทำให้ร่างของเล่อเหยาเหยาที่เพิ่งถูกสูบเรี่ยวแรงบนกายไปอดขดตัวไม่ได้
ก่อนแนบใบหน้าเล็กลงไปในหมอนที่อ่อนนุ่ม
แต่ขณะเดียวกันชายหนุ่มยื่นมือใหญ่ออกมากุมมือเล็กของเธอแน่น ก่อนดึงไปที่สิ่งมหึมาใต้สะโพกของเขา
เมื่อมือเล็กสัมผัสกับนกใหญ่ขนาดมหึมานั้น เล่อเหยาเหยาอดร้องตกใจไม่ได้ พลันกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่สัมผัสนกใหญ่ตัวนี้ แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับมัน มักทำให้เล่อเหยาเหยาหวาดกลัวในใจ
โชคดีตอนนี้ใช้เพียงมือและปาก เธอไม่อยากคิดว่าวันหน้าต้องใช้สิ่งนั้นของเธอจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหน้าแดง หัวใจเต้นระรัว
และภาพนี้ตกอยู่ในดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งหมด
เมื่อเห็นท่าทางขวยเขิน หวาดกลัวของเล่อเหยาเหยา สายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดมองหน้าท้องที่นูนเล็กน้อยของเล่อเหยาเหยานั้นไม่ได้
ก่อนถอนหายใจเบาๆ ว่า
“หากเป็นไปได้ เปิ่นหวางอย่างกินเจ้าเสียจริง”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าแฝงความรุกราน ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจจนสั่นเทิ้ม สองมือจึงไม่ลังเลอีก เริ่มชักหัวไชเท้าอย่างขยันขันแข็ง เพื่อกำจัดความคิดที่มิควรของชายหนุ่ม
เห็นชัดว่าเคล็ดลับนี้ของเธอไม่เลว ไม่นานใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งทั้งปีของชายหนุ่ม ค่อยๆ ปรากฎสีแดงก่ำขึ้น ดวงตาเย็นชาหรี่ลง เต็มไปด้วยความสุข
และเล่อเหยาเหยาพยายามชักหัวไชเท้าอย่างสุดชีวิต
เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงวัน แสงอาทิตย์ร้อนแรงด้านนอก หมื่นลี้ไร้เมฆ สายลมฤดูร้อนพัดผ่าน
ภายในม่านผ้าไหมอ่อนช้อยในห้อง เสียงหายใจติดขัดของชายหนุ่ม และเสียงครวญครางของหญิงสาวผสมผสานร้อยรัดกัน ทำให้คนจินตนาการออกไปไกล
…
เมื่อผ่านสงครามอันดุเดือดไป ภายในห้องกลับมาสงบเป็นปกติ
เล่อเหยาเหยารู้สึกแสบที่มือและปากเล็ก ไม่อยากพูดจาและขยับเขยื้อน
เพียงคว่ำตัวอยู่บนอกกว้างของชายหนุ่มอย่างอ่อนเพลีย พร้อมหลับตาลงพักผ่อน
ตรงข้ามกับความเกียจคร้านของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มกลับยังคงกระปรี้กระเปร่าเช่นเดิม
แต่เขาไม่อยากทำให้คนตัวเล็กเหน็ดเหนื่อยเกินไป จึงข่มกลั้นความปรารถนาที่อยากจะปลดปล่อยออกมาบนท่อนล่างของตนไว้
จึงนอนอยู่บนเตียงใหญ่อย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งโอบกอดคนตัวเล็ก อีกมือลูบไล้แผ่นหลังที่เกลี้ยงเกลานุ่มนิ่มกว่าทารกของคนตัวเล็กอย่างเบามือ
เห็นเพียงเวลานี้ พระอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตก แสงสีทองที่สาดเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดอ้านั้น ทำให้บรรยากาศสิ่งมีชีวิตรอบด้านมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นหลายส่วน
เล่อเหยาเหยาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ก่อนมองแสงพระอาทิตย์นอกหน้าต่าง ทำให้อดรู้สึกราวอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งไม่ได้
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ตอนเที่ยงเมื่อครู่แสงอาทิตย์ยังเจิดจ้า เพียงพริบตาเดียว ยามราตรีเข้ามาเยือนแล้ว
อาจเพราะทำเรื่องอย่างว่าอยู่ร่วมกับคนรักของตน เวลาจึงผ่านไปเร็วเป็นพิเศษ!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ รู้สึกเพียงถูกรัดแน่นด้วยมือใหญ่ จากนั้นเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำดังขึ้นจากเหนือศีรษะเธอ
“ตื่นแล้วหรือ”
“อืม” เล่อเหยาเหยาตอบรับเสียงเบา
“หิวหรือไม่”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้ง
และครั้งนี้สิ่งที่ตอบกลับมา คือเสียงร้อง ‘จ๊อกๆ’ ดังออกมาจากท้องของเล่อเหยาเหยา
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋หัวเราะเบาๆ ทว่าเล่อเหยาเหยากลับมีสีหน้าขวยเขิน
ดวงตาคู่งามเงยขึ้น ก่อนถลึงตาให้กับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กำลังหัวเราะเยาะอย่างโกรธเคือง
“ห้ามหัวเราะ ข้าหิวยิ่งนัก”
“ได้ๆ เปิ่นหวางไม่หัวเราะแล้ว ตอนนี้เปิ่นหวางสั่งให้คนไปจัดเตรียมอาหาร เจ้าหวีผมล้างหน้าสักหน่อยแล้วจึงออกไป ดีหรือไม่”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยื่นมือลูบผมยาวนุ่มลื่นของเล่อเหยาเหยาอย่างช้าๆ ราวตัดใจลุกจากเตียงไม่ได้
ก่อนเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยืดตัวขึ้น เล่อเหยาเหยาก็ลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว คิดเก็บเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นสวม
คิดไม่ถึง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังเธอคล้ายพบเรื่องน่าแปลกประหลาดบางอย่างขึ้นมา จึงเอ่ยว่า
“บนก้นของเจ้ามีปานแดง เจ้ารู้หรือไม่”
“หา หรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงงัน พลันกลายเป็นเขินอาย ก่อนรีบสวมเสื้อผ้า เพื่อไม่ให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองก้นของตนอีก
เพราะแม้พวกเขาต่างมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นตอนนี้แล้ว เล่อเหยาเหยายังคงไม่คุ้นชินกับการถูกชายหนุ่มมองร่างกายของตนตรงๆ อยู่ดี เพราะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เล่อเหยาเหยาคิดอย่างเขินอายในใจ หลังสวมเสื้อผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว จึงหมุนกายกลับไปมองชายหนุ่มด้านหลัง
เห็นเพียงเวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังใช้มือข้างหนึ่งกอดอก อีกข้างถูคางสะอาดหมดจดของตนนั้น ขมวดคิ้วคล้ายคิดบางอย่าง
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น แววตาอดปรากฎความแปลกใจไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า
“อวี๋ ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ”
“อืม ไม่เป็นไร เพียงเห็นปานแดงบนก้นของเจ้า พลันฉุกคิดคล้ายเคยได้ยินผู้ใดเอ่ยขึ้นมาก่อน ว่าก้นของผู้ใดก็มีปานแดงเช่นกัน”
“เอ๋ ปานแดงบนก้นหรือ บนโลกนี้ไม่ได้มีเพียงข้าคนเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดเดียว”
เล่อเหยาเหยาหมดคำพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลันรีบเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อขึ้นว่า
“อวี๋ ข้าหิวมากแล้ว!”
“ได้ ตอนนี้พวกเราออกไปทานอาหารกันเถิด”
เห็นเล่อเหยาเหยาพลางลูบหน้าท้อง พร้อมเงยใบหน้าเล็กมองตนอย่างน่าสงสาร เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใจอ่อนยวบ และไม่คิดเรื่องอื่น ก่อนวาดแขนรวบเอวเล็กของเล่อเหยาเหยา เดินเคียงกันไปทางห้องโถง
เดิมทีคิดว่า สิ่งที่พูดคุยในวันนี้ ไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ แต่พวกเขาสองคนกลับไม่รู้ตัวว่าปานแดงนี้ ซ่อนเร้นความลับบางอย่างเอาไว้
…
เพียงควบม้าขาวผ่านช่องแคบ ชั่วพริบตาเดียวเวลาผ่านปลายนิ้วหมดไป
เวลาหนึ่งเดือน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภายในเดือนนี้ อาการบาดเจ็บของเหลิ่งจวิ้อวี๋ก็ดีขึ้นกว่าเจ็ดถึงแปดส่วน
ดังนั้น เรื่องการอภิเษกระหว่างเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ต้องเลือกฤกษ์งามยามดีใหม่ ก่อนจัดขึ้นอีกครั้ง
และฤกษ์ยามใหม่ที่ได้คือ วันที่สิบห้าเดือนหน้า
นับจากตอนนี้ มีเวลาอีกครึ่งเดือน
และเล่อเหยาเหยาต้องเดินทางกลับแคว้นต้าเซี่ยอีกครั้ง
เพราะหลังข่าวคราวของเธอถูกส่งไปยังต้าเซี่ย ฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยโล่งอกไปพร้อมกัน และอยากเห็นหน้าเล่อเหยาเหยาให้เร็วที่สุด
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋บาดเจ็บเพราะเธอ เล่อเหยาเหยาจึงไม่วางใจแยกจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงอยู่ในวังรุ่ยอ๋องต่อ วางแผนหลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋หายจากอาการบาดเจ็บ จึงจะกลับต้าเซี่ย และเรื่องนี้เธอก็พูดคุยกับฮองเฮาแคว้นต้าเซี่ยแล้ว
แม้เธอไม่เคยพบหน้าฮองเฮาของแคว้นต้าเซี่ย แต่กลับได้ยินมาว่าฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเซี่ยปฏิบัติต่อเธอดังเช่นบุตรสาวแท้ๆ
หลังเล่อเหยาเหยาอธิบายรายละเอียดเรื่องระหว่างเธอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ และหนานกงจวิ้นซีให้กับฮองเฮาแคว้นต้าเซี่ย แม้ฮองเฮาจะทรงแปลกพระทัยกับความรักที่แปลกประหลาดของ ‘หลูลู่’ แต่พระเธอยังทรงเอ็นดู ‘หลูลู่’ ดังนั้นจึงตกลงเรื่องการอภิเษกระหว่างเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋
และเวลานั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ได้รับจดหมายจากหนานกงจวิ้นซี
บอกเล่าว่าถงหย่าเอ๋อร์ ตั้งครรภ์แล้ว พวกเขาจึงวางแผนว่าหนึ่งเดือนก่อนงานอภิเษกของเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะจัดขึ้น เขาและถงหย่าเอ๋อร์ ตลอดทั้งปีดุจฤดูใบไม้ผลิ ท่องเที่ยวผ่อนคลายใจอย่างมีความสุข และเมื่อถึงงานอภิเษกของเล่อเหยาเหยากับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงจะกลับมาร่วมงาน
และบนจดหมายของหนานกงจวิ้นซี สามารถคาดเดาได้ว่าเขามีใจให้กับถงหย่าเอ๋อร์แล้ว
หลังรู้เรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ต่างพากันแปลกใจ
ทว่าในใจกลับชอบใจ
แม้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างหนานกงจวิ้นซีและถงหย่าเอ๋อร์ แต่ต้องเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกเขาแน่นอน