สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 192 ท่านอ๋องเขา...ตกเหวตาย (4)
ดังนั้นตอนนี้เล่อเหยาเหยาจึงไม่ต้องยุ่งยากกับการลองชุดพิธีการเหล่านั้น รอเพียงวันที่ต้องอภิเษกออกไป
เมื่อนึกถึงวันอภิเษกกับอวี๋ เล่อเหยาเหยาอยากให้เวลามาถึงเร็วๆ
ไม่ได้เจอหน้าอวี๋มาสิบเอ็ดวันแล้ว ช่างคิดถึงเขามากเหลือเกิน!
“อวี๋ ท่านรีบมาเถิด ข้าคิดถึงท่าน”
เล่อเหยาเหยามองฟ้าอย่างคิดถึง เซี่ยลี่และเซี่ยผิงที่เดินตามอยู่ด้านหลังกลับมองหน้ากัน ก่อนยิ้มออกมา
…
เมื่อรอวันเวลา มักทำให้คนจิตใจว้าวุ่น
เวลานี้เล่อเหยาเหยาจึงรอคอยอย่างกระวนกระวายใจ
ไม่รู้หลายวันนี้ เขาจะคิดถึงเธอเช่นเดียวกันหรือไม่
ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งคาดหวังและร้อนรน
หลายวันนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่เธอดีใจที่สุด ความรู้สึกไม่สบายใจจะทะลักขึ้นมาในใจ
คล้ายดุจมีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ความไม่สบายใจเช่นนี้ คล้ายหนามแหลมที่ฝังลึกอยู่ในใจเธอ คิดหยิบมันออกมากลับทำไม่ได้
ขอเพียงครั้งนี้ อย่าให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นอีกเลย
เล่อเหยาเหยาอ้อนวอนในใจ เวลาผ่านไปท่ามกลางการรอคอยอย่างร้อนใจของเธออย่างช้าๆ
ในที่สุด ก็มาถึงวันที่เล่อเหยาเหยาต้องอภิเษกแล้ว
เพราะเธอเป็นบุตรสาวกำพร้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเซี่ย และเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮาแห่งต้าเซี่ย ดังนั้นงานอภิเษกระหว่างเธอและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ครั้งนี้ ฮ่องเต้ต้าเซี่ยทรงใช้รูปแบบพิธีการขององค์หญิงจัดการให้เธอ
ประทินโฉมแต่งกายงดงามเต็มยศ และยังมีมงกุฎแสดงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ตกแต่งด้วยอัญมณีล้ำค่าล่มเมือง
และยังมีคฑาหยกที่เธอถืออยู่ในมือ รังสรรค์มาจากหยกขาวอันล้ำค่า หาได้ยากบนโลกใบนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผ้าไหมผ้าแพร เงินทองเครื่องประดับที่ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงมอบให้
ขบวนรถหรูหรานั้น ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ยิ่งใหญ่กว่าองค์หญิงที่อภิเษกออกไป จนคนรอบข้างต่างอิจฉา!
วันที่เล่อเหยาเหยาต้องอภิเษกออกไปนั้น ภายใต้การนำของแม่สื่อ จึงบอกลาฮองเฮาแห่งต้าเซี่ยด้วยน้ำตา
ฮองเฮาเห็นเล่อเหยาเหยาสวมชุดแต่งงาน ในใจเต็มไปด้วยความดีใจ และทำใจไม่ได้
ดังนั้นน้ำตาจึงไหลทะลักออกมาราวเขื่อนแตก คิดหยุดก็หยุดไม่ได้ ฮ่องเต้จึงทรงทอดพระเนตรอยู่ด้านข้างอย่างปวดใจ
สุดท้ายเมื่อเห็นเวลาไม่เช้าแล้ว ฮองเฮาหลังได้รับคำปลอบโยนจากฮ่องเต้ จึงหยุดน้ำตาเอาไว้ได้
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาปฎิบัติตามคำแนะนำเพื่อทำพิธีอภิเษกที่ซับซ้อนให้จบลง จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งบนเกี๊ยวภายใต้การประคองของแม่สื่อ
จากที่นี่กลับไปยังเทียนหยวน ต้องใช้เวลาสิบวัน และวันนั้นเธอจะสามารถอภิเษกกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ในวังรุ่ยอ๋อง
พอนึกถึงอีกสิบวันข้างหน้า ต้องอภิเษกให้กับเขา ชายหนุ่มที่ตนรักที่สุด คิดแล้วเล่อเหยาเหยาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
เพราะวันนี้เธอตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมประทินโฉม
เธอเวลานี้ไม่ได้ตัวคนเดียว หลังตั้งครรภ์เพียงทำงานเล็กๆ น้อยๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
และชุดแต่งงานบนกายเธอนี้ ประณีตงดงามหรูหรา เหล่าเม็ดอัญมณีล้ำค่าที่ประดับอยู่บนนั้น ไม่ต้องเอ่ยว่าน้ำหนักมากเพียงใด เพราะกดทับจนคอเธอใกล้จะหักแล้ว
เวลานี้เล่อเหยาเหยาจึงพบว่า ความจริงการอภิเษกเป็นเรื่องที่เปลืองแรงยิ่งนัก โชคดีชีวิตนี้เธออภิเษกเพียงครั้งเดียว มิฉะนั้นหากอภิเษกหลายครั้ง เธอต้องเหนื่อยจนตายแน่นอน
ต่อมาเธอเอ่ยเรื่องนี้กับเซี่ยลี่และเซี่ยผิง พลันถูกพวกเธอหัวเราะเยาะไม่หยุด
“พระชายาเพคะ วันนี้เป็นวันอภิเษกเหตุใดท่านจึงเอ่ยคำพูดไม่เป็นมงคลเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้ของท่านย่อมต้องอภิเษกกับท่านอ๋องเพียงผู้เดียว เหตุใดจึงจะอภิเษกหลายครั้ง!”
“ถูกต้องเพคะ ท่านอ๋องรับปากพระชายาว่าจะรักท่านเพียงผู้เดียว ต่อไปท่านอ๋อง นอกจากพระชายาที่เป็นนายหญิงแล้ว แมวสุนัขอื่นๆ แม้จะเป็นแมลงวัน ก็ไม่อาจบินเข้ามาได้แม้แต่ตัวเดียว ท่านคิดดูสิเพคะ บุรุษที่ยอดเยี่ยมเช่นท่านอ๋อง ไม่สนใจรับอนุภรรยา บนโลกนี้หาได้ยากจริงๆ ”
“ถูกต้อง หากเป็นบุรุษอื่นที่มีอำนาจบารมีเช่นท่านอ๋อง ต้องมีภรรยามากมาย มีสตรีเป็นกลุ่มแล้ว ดังนั้นบ่าวคิดว่าพระชายาช่างโชคดียิ่งนัก ที่สามารถพบกับบุรุษยอดเยี่ยมเช่นท่านอ๋อง เฮ้อ ไม่รู้วันหน้าบ่าวจะได้พบกับบุรุษที่ดีต่อบ่าวเช่นนี้หรือไม่”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เซี่ยลี่อดใจประสานมือ ใบหน้าเปี่ยมด้วยความรอคอยไม่ได้
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันหัวเราะขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างขบขัน
“เพียงเจ้าพยายาม ช้าเร็วซิงต้องเป็นคนของเจ้า และข้าว่าซิงก็เป็นบุรุษที่ไม่เลว ไม่เที่ยวหอนางโลม ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้ เพียงดื่มสุราเป็นบางครั้ง ไม่เลวจริงๆ”
ซิงทำตามคำสั่งของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ปกป้องคุ้มครองเล่อเหยาเหยาตลอดการกลับต้าเซี่ย และช่วงเวลาที่เธออยู่ในวังหลวง ซิงก็อยู่คุ้มครองเธอในวังหลวง
ดังนั้นช่วงเวลานี้ เซี่ยลี่ไม่พลาดโอกาสนี้ เพียงมีเวลาว่างก็ไปแนบชิดกับซิงไม่หยุด
เล่อเหยาเหยาคอยมองเอาใจช่วยให้สำเร็จ ดังนั้นทุกวันจึงให้เซี่ยลี่ออกไปเล่นกับซิง ให้เพียงเซี่ยผิงปรนนิบัติตน
ไม่รู้ช่วงนี้ เซี่ยลี่และซิงจะพัฒนาไปถึงขั้นใด
เพราะตอนนี้ตนมีความสุขมากเกินไป ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงอยากให้ผู้อื่นได้รับความสุขเช่นกัน
โดยเฉพาะซิงและพวกเซี่ยลี่ ต่างเป็นคนรู้จักของเธอ แม้จะอยู่ในสถานะเจ้านายและลูกน้อง แต่ปกติที่ใช้ชีวิตกับพวกเธอ เธอคิดว่าพวกนางคือสหายของตน
ส่วยเซี่ยลี่เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ย่อมเข้าใจดีว่าเล่อเหยาเหยาคิดจับคู่ให้เธอและซิง แต่ต้องจนใจ เพราะเป็นเพียงการแอบรักข้างเดียว
“เฮ้อ ซิงยังทำตัวปกติกับบ่าวเพคะ ตอนนี้บ่าวจึงไม่คาดหวัง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถิด!”
เซี่ยลี่แม้จะคิดเช่นนี้ แต่กลับอดเลิกม่านออก มองไปยังชายหนุ่มที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุด แต่งกายรัดกุม องอาจกล้าหาญผู้นั้น
เล่อเหยาเหยาและเซี่ยผิงเห็นเช่นนั้น ต่างยิ้มให้กันไม่ได้
แต่ทันใดนั้นแตรออกเรือนพลันดังขึ้น เล่อเหยาเหยาจึงอดกุมคฑาหยกในมือไว้แน่นไม่ได้ ก่อนไม่พูดจาอีก
ขบวนรถออกเรือน เวลานี้ก็เริ่มออกเดินทาง
เล่อเหยาเหยาสวมชุดเจ้าสาว นั่งอยู่ภายในรถม้าออกเรือนอันหรูหรา จากผ้าม่านตรงหน้าต่างเห็นฮ่องเต้และฮองเฮาต้าเซี่ยยืนอยู่บนระเบียงโบกมือให้
จึงถอนหายใจออกมา
จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ เธอยังกังวลว่าตนไม่ใช่หลูลู่ตัวจริง หลังกลับมาควรเผชิญหน้ากับครอบครัวของเธอเช่นไร
แต่ตอนนี้ในใจเธอกลับทำใจจากไปไม่ได้
ไม่รู้ว่าหลังการจากลาครั้งนี้ เมื่อใดจึงจะสามารถพบหน้า ‘บิดามารดา’ ของตนได้อีกครั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาแสบจมูก น้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาอีกครั้ง
เซี่ยผิงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับให้เธอไม่หยุด
“พระชายาอย่างร้องอีกเลย วันหน้าต้องได้กลับมาแน่นอนเพคะ”
“อืม ใช่แล้ว วันหน้ายังต้องกลับมา”
และวันนี้เป็นวันมงคลของเธอ เป็นวันที่เธอจะอภิเษกกับชายหนุ่มที่ตนรัก เธอควรดีใจถึงจะถูก
และต่อไปอีกไม่กี่เดือน เธอจะเป็นมารดา มีชายที่ตนรักคอยดูแลอยู่ข้างกาย
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหยุดน้ำตาลงอย่างดีใจ มุมปากยกยิ้มอย่างมีความสุข
เพราะเวลานี้ เธอดีใจอย่างมาก
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาทั้งยิ้มและร้องไห้ เซี่ยผิงและเซี่ยลี่อดเม้มปากแอบยิ้มไม่ได้
ทั้งสองคนต่างก็อวยพรเธอให้มีความสุข
“ท่านอ๋องและพระชายาต้องมีความสุขแน่นอน”
“ขอให้ท่านอ๋องและพระชายาอยู่กันจนแก่เฒ่า รักใคร่กันไปชั่วนิรันดร์”
“ฮ่า ๆ ขอบใจพวกเจ้ามาก ขอให้พวกเจ้าเจอเจ้าบ่าวในฝันของตนในเร็ววันเช่นกัน”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
เวลานี้ รถม้าเริ่มมุ่งไปด้านหน้า
เมื่อเห็นทิวทัศน์รอบด้านค่อยๆ เคลื่อนผ่านกายตนไป เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกอยากให้รถม้าเร็วกว่านี้อีก หากเป็นเช่นนั้นเธอจะกลับถึงเทียนหยวนได้รวดเร็ว กลับไปอยู่ข้างกายชายคนรักของตน
ภายในหัวของเล่อเหยาเหยาอดพรั่งพรูความคิดถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่จะสวมชุดอภิเษกสีแดงไม่ได้ ต้องหล่อเหลามากแน่นอน!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดเม้มปากแอบยิ้มไม่ได้
แต่ทันใดนั้น รถม้าที่ควรเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างอ่อนโยน เวลานี้กลับพลันหยุดลง
และด้านหน้ารถม้ามีเสียงกุบกับดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงกุบกับนั้น ในใจเล่อเหยาเหยาเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้างดงามนั้นไร้สีเลือด เพราะวิตกกังวล
เซี่ยลี่และเซี่ยผิงด้านข้างเห็นเช่นนั้น ต่างเอ่ยปลอบใจว่า
“พระชายา อย่ากังวลเลย รถม้าอาจเกิดปัญหาเท่านั้น ต้องจัดการให้เรียบร้อยได้อย่างรวดเร็วแน่”
“ใช่เพคะ พระชายา เดี๋ยวบ่าวจะออกไปดูว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”
เซี่ยลี่เห็นเช่นนั้น ลงจากรถม้าเดินไปดูว่าด้านหน้าเกิดเรื่องใดขึ้น
แต่ขณะเดียวกันพลันมีเงาร่างที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง กลับปรากฎขึ้นสู่สายตาของพวกเธอ
เห็นเพียงชายหนุ่มผู้นี้ สวมชุดสีดำรัดกุม เส้นผมดูยุ่งเหยิง ท่าทางเหน็ดเหนื่อย สีหน้าเคร่งเครียดซีดขาว
และชายผู้นี้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหม่ยที่อยู่ข้างกายเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตลอดเวลา
ครั้งนี้ก่อนเล่อเหยาเหยาจะมาที่ต้าเซี่ย เหลิ่งจวิ้นอวี๋ส่งซิงและองครักษ์อื่นมาคุ้มครองตน ส่วนเหม่ยกลับติดตามอยู่ข้างกายเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ฟังคำสั่งของเขา
เวลานี้หลังเห็นเหม่ย และดวงตาดำแฝงด้วยความเจ็บปวดของเขา ใจของเล่อเหยาเหยาพลันเต้นระรัว
ความไม่สบายในใจยิ่งรุนแรงมากขึ้น กระทั่งร่างกายก็เริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมา
“เหม่ย เจ้า เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ อวี๋สั่งให้เจ้ามาคุ้มครองข้ากลับไปหรือ!”
ถูกต้อง ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ต้องเป็นเช่นนี้!
เล่อเหยาเหยาปลอบโยนตนเองในใจ แต่หลังเหม่ยได้ยินคำพูดของเธอ พลันตกลงจากหลังม้า ทว่าไม่นานเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ศีรษะก้มต่ำลง ไม่กล้ามองใบหน้าเล่อเหยาเหยา
เพราะใบหน้าเล่อเหยาเหยาซีดขาวเกินไป สายตาคาดหวังและไม่สบายใจอย่างยิ่ง
จึงทำให้เขาทำใจไม่ได้ แต่เขาต้องบอกเรื่องจริงอันโหดร้ายนี้ออกไป นั่นคือ…
“ทูลพระชายา ท่านอ๋องทรงตกหน้าผาสิ้นชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
………………………………………………………………………………..