สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 202 ชายชุดดำลึกลับ (2)
แต่ว่าความสงสัยในใจกลับทวีมากขึ้น
ภายในโรงเตี๊ยมไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนต่างมีคนทำงานอยู่ตลอด หากกระทั่งเสี่ยวเอ้อร์ยังไม่แน่ใจ หรือคนที่ช่วยพวกเธอกลับมาผู้นั้นไม่อยากให้คนรู้ว่าเขาคือผู้ใด ดังนั้นจึงแอบพาพวกเธอกลับมาทางหน้าต่าง!
แต่ห้องพักของเธออยู่บนชั้นสอง หากต้องกระโดดพาเด็กและผู้ใหญ่ขึ้นมาบนชั้นสอง คนผู้นั้นต้องมีวิชาตัวเบาไม่เลวแน่นอน
แต่คนผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่!
เหตุใดถึงช่วยเหลือพวกเธอ ทว่ากลับไม่อยากให้รู้ว่าเขาคือผู้ใด!
เธอคล้ายจำได้ว่าก่อนหน้า ที่จะหมดสติ เห็นเงาร่างแสนคุ้นเคยร่างหนึ่ง เงาร่างนั้นคล้ายกับเป็น…
“อวี๋”
เป็นเขาหรือ!
หรือเขายังไม่ตายจริงๆ!
แต่หากอวี๋ช่วยเธอไว้จริง เขาคงไม่หลบหน้าเธอแน่นอน แต่เหตุใดเงาร่างของผู้นั้นถึงคล้ายอวี๋เช่นนั้น
และพักนี้เธอมักรู้สึกตลอดว่าความจริงแล้วอวี๋ยังไม่ตาย เขาตอนนี้อยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกสับสนมึนงงขึ้นมา
แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังคิดในใจ พลันได้ยินเสียงพูดคุยของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นมา
เดิมทีเล่อเหยาเหยาไร้ความสนใจที่จะรับฟัง ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น ฝีเท้าอดหยุดชะงักลงไม่ได้
“พวกเจ้ารู้หรือยัง เหล่ากลุ่มคุณชายหลี่และคุณชายจงที่ร่ำรวย เมื่อวานช่วงพลบค่ำ ถูกคนตัดแขนขาอยู่แถวเนินเขา กระทั่งลิ้นและท่อนล่างต่างถูกเฉือนออกไป!”
“อะไรนะ น่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ พวกเขาไปล่วงเกินผู้ใดกัน”
“เรื่องนี้จะรู้ได้เช่นไร แต่พวกคุณชายหลี่ที่อวดเบ่งว่าบิดาร่ำรวย ทำเรื่องตามอำเภอใจอยู่ด้านนอกทั้งวัน และยังเป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ ไม่รู้ว่าทำเรื่องเสียหายมาหลายปีเพียงใด ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องเกิดเรื่อง!”
“นั่นก็ใช่ ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยได้ยินว่าชายในหอนายโลมถูกพวกเขารุมข่มขืน อายุยังน้อยแต่เพื่อเลี้ยงชีพจึงยอมเป็นนายโลม ทว่ากลับถูกคนทำร้ายเช่นนี้ น่าสงสารจริงๆ”
“ถูกต้อง ข้ายังได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาไม่น้อย ว่ากันว่าเหล่าอันธพาลนี้ เพียงเห็นชายที่หน้าตางดงาม ไม่สนใจว่าเขายินยอมหรือไม่เข้าไปหยอกล้อ บางคนถูกพวกเขาทำร้ายจนตายทั้งเป็น บางคนไม่ยินยอมถูกดูหมิ่นจนฆ่าตัวตาย ญาติพี่น้องของคนพวกนั้นร้องเรียนต่อทางการ ยังถูกพวกคนมีเงินทำร้ายกลับมา น่าสงสารเสียจริง”
“ใช่แล้วๆ เรื่องพวกนี้ข้าเคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นคนพวกนี้ถูกตัดแขนขา เฉือนลิ้นและท่อนล่าง ตอนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ช่างทำให้ผู้คนสุขใจยิ่งนัก!”
“ถูกต้อง คนพวกนี้ดูสิว่าต่อไปจะทำเรื่องชั่วร้ายได้เช่นไร นี่ทุกข์ทรมานกว่าการใช้ดาบปลิดชีพพวกเขาเสียอีก!”
“ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินข้อถกเถียงของผู้คนรอบด้าน เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วมุ่น
ก่อนนึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อวาน ลองคิดดูแล้วบุตรชายของตระกูลร่ำรวยที่พวกเขาเอ่ยถึงต้องเป็นเหล่าอันธพาลที่หยอกล้อตนเมื่อคืนวานแน่นอน
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาไม่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหล่าอันธพาลพวกนั้นเพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี ตอนนี้ถูกผู้คนปฏิบัติเช่นนี้ สำหรับพวกเขาช่างเป็นเรื่องที่ตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ยิ่งนัก
คิดไม่ถึงว่าคนที่ช่วยเธอผู้นั้น จะแก้แค้นให้เธออีกด้วย แม้จะลงมือโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนผู้นั้นกำจัดภัยให้แก่ราษฎร
คิดดูแล้ว เล่อเหยาเหยายิ่งอยากรู้ว่าคนที่ช่วยเธอนั้นคือผู้ใด
เธอรู้สึกมาตลอดว่ามีคนคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายเธอ หรือเขาคือคนลึกลับผู้นั้น!
หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันเดินย้อนกลับไปให้เสี่ยวเอ้อร์เพียงส่งน้ำร้อนขึ้นไป ส่วนอาหารนั้นให้วางไว้ที่ห้องโถง เธอลงมาแล้วค่อยทาน
เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินพลันรีบจัดการทันที
หลังเล่อเหยาเหยากลับมาที่ห้อง เสี่ยวเอ้อร์ส่งน้ำร้อนขึ้นมาให้เธออย่างกระตือรือร้น
เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียนต่างเป็นคนรักความสะอาด หลังทั้งสองอาบน้ำด้วยกันเสร็จ จึงสวมใส่เสื้อผ้าก่อนเดินลงไปด้านล่างเพื่อทานอาหารอย่างสดชื่น
เวลานี้เป็นช่วงทานอาหารกลางวัน
ภายในโรงเตี๊ยม จึงมีคนพลุกพล่าน ไร้ที่ว่าง โชคดีเสี่ยวเอ้อร์เตรียมที่นั่งให้ไว้แก่พวกเล่อเหยาเหยาแล้ว และยังอยู่ติดริมหน้าต่าง
สำหรับตำแหน่งนี้ เล่อเหยาเหยาพอใจยิ่งนัก จึงตกรางวัลให้เสี่ยวเอ้อร์หนึ่งตำลึง
เสี่ยวเอ้อร์เห็นเช่นนั้นพลันยิ้มกว้าง ก่อนรีบร้อนนำอาหารร้อนกรุ่นขึ้นมาให้แก่พวกเล่อเหยาเหยา
เมื่อคืนผ่านการต่อสู้มาและหมดสติไปทั้งคืน ตอนเช้าตื่นขึ้นมายังวิงเวียน เวลานี้หลังอาบจึงสดชื่น เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียนมารดาและบุตรจึงหิวจนไส้กิ่ว
ดังนั้นเมื่อเห็นอาหารร้อนกรุ่น ทั้งสองคนจึงหยิบตะเกียบคีบทานทันที
ทว่าเพิ่งทานเข้าไปเพียงไม่กี่คำ ภายในโรงเตี๊ยมผู้คนขวักไขว่ พลันมีเสียงดัง ‘ปัง’ คล้ายเสียงฟาดมือลงบนโต๊ะดังขึ้นมา
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาอดวางตะเกียบในมือลงไม่ได้ ก่อนดวงตาคู่งามกวาดมองไปยังที่มาของเสียงนั้น
เพราะตอนนี้เธอนั่งอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยม และตรงกลางของชั้นสองว่างเปล่า ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นบรรยากาศและสิ่งต่างๆ ของโรงเตี๊ยมชั้นแรก
เห็นเพียงบนโต๊ะหนึ่งในห้องโถงชั้นล่าง มีกลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำแข็งแรงอยู่
กลุ่มชายฉกรรจ์นี้หน้าตาดุดัน สีหน้าดุร้าย เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
น่าสงสารหญิงสาวสองพี่น้องหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
เห็นเพียงบนมือของสองพี่น้องถือผีผาสองตัวเอาไว้ คงคิดมาเล่นดนตรีเพื่อเลี้ยงชีพ
เมื่อเห็นการแต่งกายของพวกเธอสองพี่น้องนี้น่าสงสาร ใบหน้าตกใจจนซีดขาว เล่อเหยาเหยาใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
ดูท่าเหล่าชายฉกรรจ์พวกนี้เห็นเข้าแล้วต้องตาต้องใจ แต่พี่น้องคู่นี้คงไม่ยินยอม จึงทำให้พวกคนเหล่านี้มีโทสะ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วเข้มน่ามองมุ่น ก่อนคิดในใจ
คิดไม่ถึงว่า ต้าหลี่เมืองที่สวยงามดุจบทกวีภาพวาดนี้ กลับมีพวกไร้ยางอายมากมายขนาดนี้ เมื่อวานเธอเพิ่งพบพานไป วันนี้ต้องมาพบอีกกลุ่มหนึ่ง
แม้คนที่พวกนั้นต้องตาจะไม่ใช่เธอ แต่เมื่อเห็นสองพี่น้องน่าสงสารคู่นั้น ช่างทำให้ผู้คนตื้นตันใจเสียจริง
เพราะพี่น้องคู่นี้ อายุเพิ่งจะประมาณสิบสี่สิบห้า บนกายสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ใบหน้าหมดจดทว่าบอบบาง เพียงมองดูก็รู้ว่าครอบครัวยากจน จึงออกมาเล่นดนตรีเลี้ยงชีพ
แต่ว่าคนพวกนี้ไร้อำนาจบารมี รวมทั้งหน้าตาไม่เลว จึงมักต้องพบเจอกับพวกอันธพาลนี้ได้ง่าย
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เห็นเพียงในห้องโถง กลุ่มชายหนุ่มดุร้ายบนโต๊ะตัวนั้น มีคนหนึ่งเอ่ยปากข่มขู่สองพี่น้องคู่นั้นขึ้น
“ข้า สงเทียนป้า ถูกใจพวกเจ้าสองพี่น้อง ถือเป็นโชคดีของพวกเจ้า พวกเจ้าอย่าให้ข้าใช้กำลังบังคับเลย!”
คำพูดเต็มไปด้วยการข่มขู่ ทำให้โรงเตี๊ยมที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่พลันเปลี่ยนไปเป็นเงียบงันขึ้นมา
ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยากวาดมองไป เห็นเพียงสายตาของผู้คนทั่วโรงเตี๊ยมที่มองไปยังสองพี่น้องคู่นั้น มีทั้งความสงสารเห็นใจ กังวลใจ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าหาญเข้าไปช่วยเหลือ
เพียงมองดูก็รู้ว่าชายหนุ่มชั่วร้าย ใบหน้าเปี่ยมด้วยความโหดเหี้ยมพวกนั้นคืออันธพาล
คิดดูแล้วผู้ใดจะกล้าล่วงเกินคนพวกนี้!
เฮ้อ จึงเอ่ยได้เพียงว่าพี่น้องคู่นี้ช่างเคราะห์ร้ายยิ่งนัก
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ได้ยินสองพี่น้องที่ร่างกายสั่นเทิ่มอ่อนแอด้านล่างเอ่ยตะกุกตะกักขึ้นมา
“นะ…นายท่าน พวก…พวกเราสองพี่น้อง มาเล่นดนตรีไม่ได้ขาย”
เสียงอ่อนแอที่ฟังดูดุจเสียงยุง ทำให้คนที่ได้ยินต่างปวดใจ
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของสองพี่น้องนั้น ชายหนุ่มในกลุ่มที่เรียกตนเองว่าสงเทียนป้า กลับยืดแขนออกมากอดสาวน้อยหนึ่งในนั้น โดยไม่สนใจการร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนของสาวน้อย ก่อนทำการคุกคามท่ามกลางฝูงชนด้วยการกอดจับลูบคลำบนกายสาวน้อยนั้น
ส่วนสาวน้อยอีกคนเมื่อเห็นพี่น้องของตนถูกปฏิบัติเช่นนี้ พลันพุ่งกระโจนเข้าไปคิดช่วยเหลือพี่น้องของตน แต่เธอทำเช่นนี้กลับไร้ประโยชน์ดุจไม้ซีกงัดไม้ซุง
เห็นเพียงชายผู้นั้นยืดมืออีกข้างออกมาโอบกอดสาวน้อยที่พุ่งเข้ามาผู้นั้นไว้แน่น ทันใดนั้นหัวเราะอย่างหนักขึ้น
“ฮ่าๆ ไม่เลว สุดท้ายอิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของข้า”
“ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสงเทียนป้า เหล่าชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน
“ยินดีด้วยพี่ใหญ่ ได้สาวงามกลับบ้านแล้ว!”
“ปล่อยมือ พวกท่านพวกคนเลว รีบปล่อยพวกข้าเดี๋ยวนี้!”
แม้จะรู้ว่าด้วยพละกำลังของตน ไม่สามารถหลุดพ้นจากคนเลวพวกนี้ได้ แต่สาวน้อยสองคนนั้นก็ยังดิ้นรนไม่หยุด สุดท้ายคนหนึ่งก็กัดลงบนมือของสงเทียนป้า ที่รัดแน่นที่เอวอย่างแรง
สงเทียนป้าเมื่อเจ็บปวด ใบหน้าที่หัวเราะอย่างหนักพลันเคร่งขรึมลง สายตาดุร้าย ทันใดนั้นก็ยกมือใหญ่ดุจพัดขึ้นมาฟาดลงบนใบหน้าของสาวน้อยที่กัดมือเขาอย่างหนัก
มือใหญ่ที่ดูดุจพัด ทรงพลังนั้นเพียงคิดดูก็รู้ว่าหากฝ่ามือนี้กระทบลงไป ใบหน้าของสาวน้อยคงไม่เหลือชิ้นดีแน่ เห็นเช่นนั้น ผู้คนรอบด้านต่างส่งเสียงสูดหายใจออกมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าไปยับยั้ง
ขณะฝ่ามือนั้นกำลังจะกระทบลงใบหน้าของสาวน้อย เธอจึงปิดตาลงอย่างจำยอม รอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น
และทุกคนคิดว่าสาวน้อยจะถูกตบ กลับมีเสียงโหยหวนดุจสุกรถูกเชือดของสงเทียนป้าดังขึ้น
“อ๊า เจ็บยิ่งนัก!”
เมื่อเสียงดุจถูกเชือดของสงเทียนป้าดังขึ้น ทุกคนต่างสูดหายใจอย่างไม่เชื่อสายตา
เห็นเพียงบนมือใหญ่ที่หมายตบตีผู้อื่นของสงเทียนป้า กลับมีตะเกียบด้ามหนึ่งเสียบทะลุอยู่!
เห็นเพียงตะเกียบที่เพียงมองพร้อมจะหักลง เวลานี้กลับทะลุผ่านฝ่ามือของสงเทียนป้า เลือดสดนั้นพลันไหลหยดออกมาจากฝ่ามือของเขา
เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ผู้คนรอบด้านตกใจอย่างหนักจริงๆ
ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ต่างร้องตะโกนอย่างพอใจ
เพราะสงเทียนป้าผู้นี้ มักถือว่าตนสูงใหญ่กำยำ วรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย จึงรังแกข่มเหงราษฎรที่นี่ ทุกคนแม้จะเกลียดชังเขา แต่กลับหวาดกลัวเขา