สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 206 รักเจ้า (2)
แม้จะประหลาดในใจอย่างมาก แต่เมื่อเขาไม่ยอมให้ผู้อื่นเห็นหน้าตาของเขา เล่อเหยาเหยาก็ไม่เซ้าซี้
เพียงอยู่ด้านข้างป้อนปลาให้แก่เหลิ่งอวี้เซวียน และตนก็ทานบางส่วน
จนกระทั่งหลังจากปลาตัวใหญ่สามตัวและปลาตัวเล็กหนึ่งตัวเข้าไปอยู่ในท้องของพวกเขาสามคนจนหมด พระอาทิตย์ก็คล้อยลงทางทิศตะวันตก
เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาอดถอนหายใจไม่ได้ คิดไม่ถึงเวลาหนึ่งวันจะผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
เวลานี้เห็นพระอาทิตย์ทางตะวันตก ดูคล้ายไข่แดงสีส้ม ค่อยๆ หายลับไปในเมฆก้อนหนา
แสงสีทองนั้นทำให้ด้านข้างเมฆบนท้องฟ้าเป็นสีแดงอมม่วง ดุจสายริบบิ้นหลากหลายสีสัน น่ามองยิ่งนัก!
ส่วนทางทิศตะวันออกกลับเป็นสีน้ำเงิน พระจันทร์ยิ่งสว่างใส ดวงดาวเล็กๆ นั้นก็ค่อยๆ เผยโฉมออกมาเปล่งประกายระยิบระยับ คล้ายปีศาจน้อยซุกซนกำลังกระพริบตา ช่างน่ารักยิ่งนัก
ผ่านมานานแล้วที่ไม่ได้มองท้องฟ้าอันสวยงามอย่างสบายใจเช่นนี้ โดยเฉพาะตอนนี้เมื่อทานอิ่ม ดังนั้นเล่อเหยาเหยาไม่สนใจสิ่งใด นอนอย่างเกียจคร้านลงบนพื้นหญ้า ใช้สองมือรองเป็นหมอนอยู่ด้านหลังมองท้องฟ้าอันสวยงาม
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนก็เลียนแบบมารดา ใช้สองมือรองเป็นหมอนอยู่ด้านหลัง มุมปากยังคาบต้นหญ้าเขียวชอุ่มไว้
ใบหน้าเล็กขาวผ่องดุจหยกและต้นหญ้าเขียวชอุ่มที่มุมปากเขา ท่าทางนั้นดูเอ้อระเหยลอยชายและน่ารักยิ่งนัก
หลังเห็นผู้ใหญ่และเด็กหน้าตาดุจหยกแกะสลักนอนลงบนพื้นหญ้า มุมปากชายชุดดำซ่อนในหมวกคลุมสีดำที่นั่งอยู่ด้านข้างอดยิ้มออกมาไม่ได้
สายลมเย็นพัดโชยเอื่อยๆ ทำให้ผิวทะเลสาบแวววาวกลายเป็นระลอกคลื่น
แสงจันทร์สวยงาม ดวงดาวเป็นประกาย ข้างกายมีสาวงาม และคนแสนน่ารักผู้หนึ่ง
เวลาเช่นนี้สวยงามยิ่งนัก นานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับวันเวลาที่งดงามเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ขณะอยู่ในก้นเหวลึกเขาดิ้นรนมีชีวิตรอดออกมาไม่หยุด ยามใกล้ที่จะฝืนทนไม่ไหว ทุกครั้งที่นึกถึงคือต้องออกไปมีชีวิตอยู่และอยู่ข้างกายพวกเขาต่อไป
ตอนนี้ในที่สุดเขาทำได้แล้ว แม้เวลาจะจำกัดก็ตาม
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ เล่อเหยาเหยาที่กำลังสัมผัสกับทิวทัศน์อันสวยงามด้านข้าง ดวงตาคู่งามอดหมุนไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายไม่ได้
เมื่อมองจากตำแหน่งของเธอ เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างใหญ่ของชายหนุ่ม
สายลมเย็นพัดโชยจนเสื้อเขาปลิวไสว กลิ่นอายความเย็นชาบนกายเขาเวลานี้อันตรธานหายไป มีเพียงความเป็นธรรมชาติและไร้ตัวตน
เขาเวลานี้คล้ายสายลม เพียงวินาทีเดียวจะไม่อยู่ตรงนี้
เห็นเช่นนั้น คิ้วเข้มของเล่อเหยาเหยาขมวดมุ่น ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากขึ้น
“ท่านพี่ตูกู๋จะไปเมื่อใดหรือ”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กำลังชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงาม พลันได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยถามเช่นนี้จึงตะลึงงัน ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“วันมะรืน!”
“วันมะรืนหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยากังวลใจ เพียงนึกถึงว่าวันมะรืนชายหนุ่มนี้จะจากไป ในใจเธอตัดใจปล่อยไม่ได้ และเกิดความคิดรุนแรงประเภทหนึ่งขึ้น นั่นคือ
ต้องยั้งเขาไว้!
มิฉะนั้น ชั่วชีวิตนี้เธอต้องเสียใจภายหลัง!
แต่เมื่อเขาต้องการจากไป เธอจะยั้งเขาไว้อย่างไร นี่คือการบังคับจิตใจเขาชัดๆ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหดหู่ในใจ
สุดท้ายเล่อเหยาเหยาเพียงก้มหน้าลงไม่พูดจา
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น อดคล้ายเจ็บปวดในใจไม่ได้
เขาไม่ใช่ไม่รู้ถึงการทำใจไม่ได้ของเล่อเหยาเหยา แต่ในตอนนี้ที่สามารถนั่งอยู่กับเธอ พูดคุยสนทนากัน ถือเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงแล้ว เขาจะกล้าหวังมากเกินไปเช่นไร
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็หลุบตาลงเช่นกัน แววตาแปรเปลี่ยนไปอย่างที่สุด
เวลานี้ทั้งสองคนต่างไม่พูดจา บรรยากาศจึงคล้ายเศร้าโศกและยากจากลาขึ้นมา
หลังผ่านไปนาน เล่อเหยาเหยาคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“จริงสิ เมื่อวานข้าได้ยินมาว่าทางฝั่งตะวันตกของต้าหลี่ มีชนเผ่าหนึ่งเลี้ยงแกะยังชีพ ที่นั่นมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สวยงามและฝูงแกะมีนมแสนอร่อย เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปที่นั่นกันดีหรือไม่”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยเสนอขึ้น
เธอเพียงคิดว่าก่อนชายตรงหน้าจะจากไป ต้องมีความทรงจำมากมายร่วมกัน
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน หลังเม้มริมฝีปากก็ไม่ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าเอ่ยขึ้น
“ได้”
พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ หลังจากพรุ่งนี้พวกเขาจะไม่พบหน้ากันอีกแล้ว
…
ตกดึก
หลังกลับมาที่โรงเตี๊ยม เล่อเหยาเหยาให้เสี่ยวเอ้อร์จัดเตรียมน้ำร้อน หลังตนและเซวียนเอ๋อร์อาบน้ำเสร็จ จึงเข้านอนพักผ่อน
แต่เพียงนึกถึงวันพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายที่ได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกตัดใจไม่ได้และไม่สบายใจ
เมื่อนอนพลิกตัวไม่หลับอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน หลังเที่ยงคืนเล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ เข้าสู่ห้วงฝัน
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าหลังเธอเพิ่งหลับไปไม่นาน มีร่างสูงใหญ่คล้ายรอคอยอยู่นาน หลังมั่นใจว่าในที่สุดเธอหลับสนิท จึงค่อยๆ กระโดดเข้ามาผ่านบานหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้าไว้อย่างไร้สุ้มเสียง
กลางดึกเงียบสงัดไร้ผู้คน เหลือเพียงเสียงตีเกราะเคาะไม้อยู่ไม่ไกลดังเข้ามา
ภายในห้องดับไฟแล้ว จึงเหลือเพียงแสงขาวใสจากพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานสลักที่เปิดอ้าไว้ ภายในห้องจึงพร่ามัว และดึงเงาร่างของชายหนุ่มให้ยาวขึ้น
เห็นเพียงชายหนุ่มหลังเข้ามาในห้อง เดินเข้ามายืนข้างเตียงอย่างช้าๆ
และสายตาของเขา หลังเข้ามาในห้องไม่ละไปจากสองคนบนเตียงแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายสายตาของเขาตกอยู่บนใบหน้างดงามของคนบนเตียง
เห็นเพียงคนงามนี้ สวมเพียงเสื้อชั้นในสีขาวบางเบาตัวหนึ่ง ผมยาวดำลื่นสยายอยู่ทางด้านหลัง ทำให้ใบหน้าเล็กขาวหมดจดดุจหยก และอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าประณีตและงามอ่อนช้อยมากขึ้น
เห็นเช่นนั้น ในใจของชายหนุ่มอดหวั่นไหวไม่ได้
ห้าปีมานี้ ไม่มีเวลาใดที่เขาไม่คิดถึงใบหน้าเล็กงดงามนี้ แม้ยามนอนก็ยังฝันถึงเธอ
และห้าปีมานี้เธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย หากเอ่ยว่าเธอเปลี่ยนแปลงไป คงมีเพียงเปลี่ยนไปงดงามและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่เพราะเหตุใดสีหน้าเธอจึงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า หรือเป็นเพราะเขา!
พอคิดถึงตรงนี้ คิ้วชายหนุ่มขมวดมุ่น ในใจไม่อาจอดกลั้นค่อยๆ ยื่นนิ้วมืออกไป หมายลูบความโศกเศร้าที่หัวคิ้วของเธอให้หายไป
แต่หญิงสาวที่กำลังหลับสนิท คล้ายกระทั่งตอนหลับไม่สงบใจ
อาจเพราะรับรู้ว่าข้างกายมีคน ดังนั้นขนตาเรียวยาวจึงค่อยๆ สั่นไหวขึ้น คล้ายกำลังจะตื่นขึ้นมา
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น มือที่หมายจะลูบบนคิ้วของหญิงสาว ประกบกันสองนิ้วอย่างรวดเร็ว ก่อนจี้ลงบนกายของหญิงสาว
หญิงสาวที่คล้ายจะตื่นขึ้นมา พลันหลับลึกไปทันที
เมื่อเห็นหญิงสาวถูกตนจี้จุดจนหลับสนิทไป ในที่สุดชายหนุ่มสามารถกล้ายื่นนิ้วตนออกไป ก่อนลูบลงบนหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของหญิงสาว
พลางลูบบนหัวคิ้วที่เผยความโศกเศร้าของหญิงสาว ก่อนเอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่าปวดใจขึ้น
“เจ้าโศกเศร้าสิ่งใดหรือ กระทั่งยามนอนล้วนไม่สบายใจ ”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แม้จะรู้ชัดว่าหญิงสาวไม่อาจให้คำตอบเขาได้ ทว่ายังคงเอ่ยเสียงเบากับตนเอง คล้ายกำลังพูดคุยกับหญิงสาว และคล้ายกำลังพูดกับตนเอง
“วันหน้า ข้าไม่อยู่ข้างกายเจ้า ขอให้เจ้าดูแลตนเองให้ดี ดูแลเซวียนเอ๋อร์ของพวกเราให้ดี ทั้งหมดนี้ต้องฝากเจ้าแล้ว”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ นิ้วของชายหนุ่มค่อยๆ ลากจากหัวคิ้วของหญิงสาวลงไปที่ดวงตา เคลื่อนผ่านจมูกเล็ก และสุดท้ายริมฝีปากอมชมพูของเธอ
เมื่อรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มใต้ปลายนิ้ว เวลานี้เขาหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถจุมพิตเธอได้ รับรู้ถึงความอ่อนนุ่ม อบอุ่นบนริมฝีปากของเธออีกครั้ง
แต่…
“ขออภัย เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ จึงทำให้เจ้าทุกข์ทรมาน แม้ข้าจะไม่ยินยอม แต่กลับจำต้องไปจากเจ้า เหยาเหยา เจ้าคงรู้ว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด”
เอ่ยจบ ชายหนุ่มสวมหมวกคลุมหน้าสีดำน้ำตาไหลรินลงมา ก่อนหยด ‘แปะ’ ลงบนพื้นอย่างไร้สุ่มเสียง
แต่ภายในหยดน้ำตานี้ กลับแฝงไปด้วยความจนปัญญาและเศร้าโศกมากมาย
ผู้ใดเอ่ยว่าบุรุษไม่ร้องไห้ นั่นเพียงไม่เคยเสียใจเท่านั้น!
แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นถึงวีรบุรุษปกป้องแคว้น พญายมเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี แต่กลับมีเรื่องที่เขาไม่สามารถทำได้
พอคิดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มอดถอนหายใจอย่างเสียใจไม่ได้ คล้ายฝืนทนบางสิ่ง ก่อนเอ่ยกับหญิงสาวหลับสนิทบนเตียงว่า
“เหยาเหยา ลืมข้าเถิด แล้วเสาะหาคนที่ดีแต่งออกไป หาบิดาที่ดีให้กับบุตรชายของเรา แม้วันหน้าจะไม่มีข้า อย่างน้อยยังมีชายหนุ่มที่รักใคร่เอ็นดูเจ้าอยู่ข้างกาย เช่นนี้ข้าจึงวางใจ”
แม้จะไม่ยินยอมนับหมื่นนับพันครั้ง แต่เขาไร้ความสามารถในเรื่องนี้ จึงต้องให้ชายอื่นที่เพียบพร้อมทำแทน
เพราะสิ่งที่เขาไม่วางใจมาโดยตลอด มีเพียงคนตรงหน้านี้เท่านั้น
ชายหนุ่มหดหู่ใจ ทอดถอนใจ ทว่ากลับจนใจ
…………………………………………………………………………………..