สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 208 ความจริง (1)
แต่สวรรค์รู้ว่าเขาเวลานี้ ต้องฝืนทนความอาลัยในใจของตนให้ได้ จึงจะจากไปอย่างสง่างาม
เพราะเขามีเวลาไม่มาก และเขารู้ว่าเหยาเหยาเกิดความสงสัยแล้ว
เวลานี้ไม่จากไป คนที่ต้องมีบาดแผลลึกที่สุดคือเธอ
ดังนั้นเจ็บปวดครั้งเดียวเพียงพอแล้ว เขาไม่อยากให้เธอต้องเจ็บอีกครั้ง
เหยาเหยาลืมเลือนเขาเถิด!
ตามหาคนที่ดีแต่งงานด้วยเถิด!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ข่มความอาลัยในใจไว้ ก่อนกัดฟันแน่น เกรงว่ามุมปากคงถูกเขากัดจนเลือดไหลออกมา
สองมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อนั้น ค่อยๆ กำแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ทว่าเขายังไม่รู้สึกเจ็บปวด
เพราะความเจ็บปวดใจของเขาเวลานี้ ได้กลบฝังทุกสิ่งทุกอย่าง
ตรงข้ามกับความเสียใจของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาเพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างโง่งม มองเขาที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจากสายตาของเธอไปอย่างตะลึงงัน
และหัวใจเวลานี้ ค่อยๆ แตกสลาย เจ็บปวดตามจังหวะฝีเท้าไกลออกไปของเขา
หรือจะให้เขาจากไปเช่นนี้จริงๆ!
วันหน้าพวกเขาจะไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้วจริงหรือ!
เธอยังไม่รู้ว่าเขาคือผู้ใดกันแน่ สุดท้ายคืออวี๋หรือไม่!
อวี๋!
เพียงนึกถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันได้สติ ก่อนคิดในใจ
ใช่ แม้เขาจะจากไป แต่ต้องให้เธอเห็นใบหน้าของเขาก่อนจึงจะจากไปได้ มิฉะนั้นเธอคงมีความสงสัยหรือความเสียใจไปตลอดชีวิต
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันพุ่งตรงไปยังทิศที่ชายหนุ่มจากไป แต่เธอเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่ไกลนั้นทั้งหมด ก่อนตกใจจนหัวใจแทบแตกสลาย
เห็นเพียงชายหนุ่มเดินตัวตรงสง่างาม กลับล้มตกลงจากเนินเขา
“ไม่”
ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาเบิกกว้าง ปวดใจดังไฟเผา ปากเล็กอ้ากว้าง ก่อนตะโกนออกมาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานดุจลูกธนูเข้าไป
เวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กำลังตกลงสู่เนินเขา ย่อมได้ยินเสียงตะโกนอย่างตกใจนั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขากลับไร้เรี่ยวแรงหยุดร่างกายตนที่กลิ้งลงเนินเขา เพราะเขาตอนนี้ทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง คล้ายพลังทั้งหมดถูกสูบออกไป ความเจ็บปวดนั้นคืบคลานขึ้นมาจากหัวใจก่อนกระจายทั่วร่างกาย
เขารู้ว่าในที่สุดพิษของตนกำเริบออกมาแล้ว
ไป๋พูดไว้ไม่มีผิด เขามีชีวิตได้อีกไม่นาน
ความตาย เขาไม่หวาดกลัว
เพราะหลายปีมานี้ เขามีชีวิตอยู่กลางคมหอกคมดาบ จะอยู่หรือตายล้วนทำใจไว้แล้ว
แต่ตั้งแต่คนตัวเล็กนี้ปรากฎตัวขึ้น เขากลับอยากมีชีวิตยืนยาว
เพราะมีเพียงเช่นนี้ เขาจึงสามารถอยู่ข้างกายเธอได้
แต่…
เรื่องราวกลับไม่เป็นดังที่หวัง เมื่อทำใจกับความเป็นความตายได้ เขากลับไม่ตาย ทว่าเมื่อเขาไม่อยากตาย กลับมิอาจฝืนสวรรค์ได้
ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋เศร้าโศกเพิ่มขึ้น แต่กลับควบคุมร่างกายที่กลิ้งลงจากเนินเขาไม่ได้ ขณะที่เขาคิดว่าตนต้องกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำอันเชี่ยวกรากนั้น มืออันหมดจดกลับจับข้อมือเขาไว้แน่นอย่างทันเวลา
“จับมือของข้าไว้ให้แน่น ห้ามตกลงไปเด็ดขาด!”
เมื่อทุ่มเทพลังทั้งหมดและวิชาตัวเบา ในที่สุดเล่อเหยาเหยาก็จับข้อมือชายหนุ่มไว้ได้อย่างทันท่วงที
แต่เนินเขานี้สูงชันเกินไป แม้เธอจะมีพลัง ทว่ากลับไม่สามารถรับน้ำหนักของชายหนุ่มไว้ได้
แม้จะเป็นเช่นนี้ เธอไม่ปล่อยมือเด็ดขาด เพราะด้านล่างคือแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ด้านล่างแม่น้ำเต็มไปด้วยกรวดหินมากมาย หากตกลงไปไม่จมน้ำตาย ก็คงถูกหินแข็งแรงพวกนั้นกระแทกจนบาดเจ็บสาหัส!
ขณะเล่อเหยาเหยากังวลร้อนรนในใจ ทันใดนั้นสายลมรุนแรงพัดโชยมา จนเสื้อผ้าพวกเธอปลิวไสว เส้นผมปลิวสยาย ประจวบกับสายลมพัดหมวกคลุมหน้าสีดำบนศีรษะของชายหนุ่มเลิกขึ้นมา
เพียงเห็นใบหน้าแท้จริงของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
เห็นเพียงใต้แสงจันทร์อันกระจ่างใส ดุจแพรไหมสาดส่องลงมาบนพื้น ทำให้ทั่วแผ่นดินพร่าสลัวและชวนหลงใหลหลายส่วน
และทำให้ทิวทัศน์รอบด้าน ชัดเจนขึ้นกว่าเจ็ดแปดส่วน
จากสายตาของเล่อเหยาเหยา เมื่อหมวกคลุมหน้าสีดำถูกพัดเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าชายหนุ่ม ก็ไม่ละสายตาไปที่ใด
เพราะใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยนั้น
คิ้วกระบี่เข้มโค้งงอน ดวงตาแคบยาวลึกล้ำอันคุ้นตา และจมูกเด็ดเดี่ยว ริมฝีปากเม้มแน่นนั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่เธอคุ้นเคยอย่างที่สุด
นี่ทำให้เธอนึกย้อนถึงห้าปีก่อน ความเสียใจในห้าปีก่อน การดูแลในห้าปีก่อน ความเจ็บปวดของชายหนุ่มในห้าปีก่อน ความจริงคือเขาจริงๆ
“อวี๋ เป็นท่านจริงๆ เป็นท่านจริงๆ!”
เมื่อเห็นใบหน้าแสนคุ้นเคยนั้น เล่อเหยาเหยาขณะได้สติทั้งตกใจ ดีใจ ตื่นเต้น และไม่เข้าใจ
แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาร้องขอให้เขาอธิบาย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือช่วยเขาขึ้นมา
เพราะเธอมีคำพูดมากมายจะเอ่ยกับเขา!
“อวี๋ จับมือข้าไว้ รีบขึ้นมาข้างบนเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน เล่อเหยาเหยาทั้งร้อนรนและกังวลในใจ
เพราะหากเป็นอวี๋ก่อนหน้านี้ที่มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม เนินเขาสูงชันนี้เขาไม่ต้องออกแรงก็กระโดดขึ้นมาได้แน่ จะต้องให้เธอช่วยเหลือได้อย่างไร
หากไม่ใช่เพราะเขาคิดตาย เขาต้องได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไร้เรี่ยวแรง
เพียงนึกถึงอย่างหลัง เล่อเหยาเหยาพลันกังวลใจ และรับรู้ว่าชายหนุ่มเวลานี้คล้ายมีบางอย่างผิดปกติ ทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง และบนใบหน้าหล่อเหลานั้นก็แฝงด้วยความเจ็บปวด เธอจึงมองดุจใจโดนแผดเผา
“อวี๋ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าต้องดึงท่านขึ้นมาได้แน่นอน!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ พยายามดึงชายหนุ่มที่ห้อยอยู่บนเนินเขาขึ้นมาไม่หยุด
เวลานี้เล่อเหยาเหยา แม้จะไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอเช่นในอดีตผู้นั้น แต่พละพลังไม่ได้มากมาย เมื่อต้องดึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นี้ขึ้นมาจึงถือว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะเล่อเหยาเหยาเมื่อครู่ดื่มสุรามากเกินไป ตอนนี้จึงแทบไร้เรี่ยวแรง
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้นรับรู้ได้ ดังนั้นเมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาที่พอเห็นใบหน้าของเขา เธอทั้งตื่นเต้นและดีใจ ต่อมาก็ร้อนใจพยายามออกแรงดึงเขาขึ้นไป จึงพลันเอ่ยปากขึ้น
“เหยาเหยา เจ้ารีบปล่อยมือ มิฉะนั้นเจ้าก็จะตกลงไปด้วย!”
กลับกันสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ แม้ตกลงไปก็อยู่ได้อีกไม่นาน เหตุใดต้องลำบากผู้อื่น!
แต่เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้ความคิดในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เธอเวลานี้เพียงคิดดึงตัวเขาขึ้นมาเท่านั้น
เพราะชายผู้นี้ คือชายที่เธอรักที่สุด
ห้าปีแล้ว ห้าปีเต็มที่เธอคิดถึงเขา รักเขาและนึกถึงเขา
เดิมทีคิดว่าเขาตายไปแล้ว เธอจึงเสียใจปานขาดใจ แทบยอมตายไป เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขา
โชคดีสวรรค์ทรงเห็นใจ ส่งเขามาอยู่ตรงหน้าเธอ แม้ด้านหน้าจะอันตรายเพียงใด เวลานี้เธอจะจับมือเขาไว้ ไม่ยอมปล่อยเป็นอันขาด
หากต้องตาย จะตายไปพร้อมกับเขา!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่ยอมปล่อยมือ และพยายามใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีไม่หยุด มุมปากถูกเธอกัดแน่นจนเลือดไหลออกมาแล้ว
บนหน้าผากมนนั้นเต็มไปด้วยชั้นเหงื่อ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ปวดใจอย่างที่สุด
และเขาก็รู้ว่าเล่อเหยาเหยาเรี่ยวแรงไม่มาก หากดื้อรั้นเช่นนี้ต่อไป เธอต้องตกลงไปพร้อมเขาแน่ ดังนั้นในใจจึงยิ่งร้อนรน ก่อนตะโกนขึ้น
“เหยาเหยา เจ้ารีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ปล่อย ข้าแม้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ!”
ก่อนกัดฟันแน่น เล่อเหยาเหยานอนคว่ำอยู่บนเนินเขาสูงชัน สองมือดึงข้อมือชายหนุ่มไว้แน่น โดยไม่ยอมปล่อยมือ
ร่างกายของเธอ เมื่อรับน้ำหนักของชายหนุ่มไม่ไหว เริ่มเลื่อนลงด้านล่างอย่างช้าๆ