สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 212 เผชิญอันตราย
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าเสียใจของเล่อเหยาเหยา ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดเช่นไร จึงยื่นมือใหญ่ออกไปลูบไล้บนหัวคิ้วขมวดมุ่นของเธอ ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยปลอบใจ
“อย่าเสียใจไปเลย ข้าจะไม่เป็นไร”
“อือ ถูกต้อง ต้องไม่เป็นไร เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปตามหาไซฉี เพื่อให้เธอกำจัดหนอนพิษนี้เถิด”
“ตกลง”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋พยักหน้า ก่อนหมุนกายไปเอ่ยกับตงฟางไป๋และฉีอิงอิง
“พวกเราตอนนี้ต้องแยกกันเป็นสองทาง เมื่อขึ้นเขาตามหาไซฉี พวกท่านต้องระมัดระวัง ตอนนี้สัตว์ร้ายบนเขาหิวโซหลังพ้นฤดูหนาว จึงดุร้ายยิ่งนัก”
“อืม พวกเราเข้าใจแล้ว อวี๋ เหยาเหยา พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย!”
ตงฟางไป๋เอ่ยจบ ไซหย่าที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นกลับเอ่ยปากขึ้น
“ท่านพ่อและท่านแม่ไม่อยู่ที่บ้าน ข้าต้องดูแลบ้าน ดังนั้นจึงไม่สามารถไปกับพวกท่านได้ ต้องขออภัย”
“อย่าตำหนิตนเองเลย ไซหย่าความจริงเจ้าช่วยพวกเรามากมายแล้ว ขอบคุณเจ้ามาก”
เล่อเหยาเหยายืนอยู่ตรงหน้าไซหย่า ก่อนเอ่ยอย่างจริงใจ
เพราะเธอรู้สึกว่าสาวน้อยไซหย่านี้ ความคิดเรียบง่าย ไร้เดียงสา เธอชื่นชอบนางยิ่งนัก
ส่วนไซหย่าหลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และมองสายตาซาบซึ้งที่นางมองมายังตน ใบหน้าร้อนผ่าว อดเขินอายไม่ได้
“ไม่ต้องขอบคุณ พวกท่านออกเดินทางเถิด”
“อืม ตกลง”
เล่อเหยาเหยาพยักหน้า ก่อนดึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋หมายเข้าไปในภูเขา
เวลานี้ไซหย่ายืนอยู่ด้านหลังของพวกเธอ คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“จริงสิ พวกเรามีม้า พวกท่านขี่ม้าไปจะเร็วกว่ามาก”
“ฮ่า ๆ ไซหย่าช่างรอบคอบยิ่งนัก”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยขึ้น
เพราะจากที่นี่ไปถึงภูเขาด้านนั้นถือว่าห่างไกลกันพอสมควร
หากมีม้าจะเร็วขึ้น
ดังนั้นพวกเล่อเหยาเหยาภายใต้การช่วยเหลือของไซหย่า ต่างขี่ม้ายกแส้สะบัดออกเดินทางสู่ภูเขา
…
เมื่อพวกเล่อเหยาเหยามาถึงเชิงเขาก็เกือบบ่ายคล้อยแล้ว
เงยหน้ามองไป เห็นเพียงหมู่เขาเรียงราย ทับซ้อนลดหลั่น ทอดยาวอยู่ทางทิศตะวันตกตรงหน้า ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า กลับส่งแสงสีทองเป็นประกายออกมา เห็นชัดว่าหมู่เขาเรียงรายนี้ ดุจดังภาพวาดน้ำหมึกอันโอ่อายิ่งใหญ่!
แต่เวลานี้พวกเล่อเหยาเหยากลับไร้อารมณ์ชื่นชมภาพพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงามนี้
“สวรรค์ ภูเขากว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเราจะตามหาเช่นไร อีกทั้งใกล้จะมืดแล้ว พวกเรากลับกันดีกว่า กลางคืนสัตว์ร้ายในภูเขามากมายยิ่งนัก”
“ไม่ได้ พวกเราต้องตามหาตั้งแต่ตอนนี้ เอาเช่นนี้อิงอิง เจ้ารอพวกเราอยู่ด้านนอกนี่ก่อน หากเห็นไซฉี ค่อยบอกพวกเราดีหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉีอิงอิง และเกรงว่าตอนกลางคืนฉีอิงอิงจะพบเจอสัตว์ร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เล่อเหยาเหยาจึงพลันเอ่ยปากขึ้น
ฉีอิงอิง ได้ยิน พลันเอ่ยแย้งขึ้น
“ไม่ได้ คนมากย่อมแข็งแกร่งขึ้น ให้ข้าไปกับพวกท่านเถิด และพี่เหยาเหยาไม่ต้องกังวลใจกับข้า หากเกิดเรื่องยังมีท่านลุงช่วยเหลือข้า แม้มีสัตว์ร้ายปรากฎตัว ข้าจะผลักท่านลุงออกไป”
“แค่ก เจ้าคิดดีแล้วหรือ!”
“ฮ่า ๆ นั่นย่อมแน่อยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านลุงวรยุทธ์แกร่งกล้า สาวน้อยเช่นข้าต้องพึ่งท่านแล้ว”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาคู่งามของฉีอิงอิง อ่อนลง ก่อนยิ้มอย่างซึ้งใจเป็นพิเศษ
แสงอาทิตย์สีส้มสาดส่องบนร่างเธอ ทำให้เธอดูอ่อนช้อยเพิ่มมากขึ้นหลายส่วน
ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น อดตะลึงไม่ได้ และเวลานี้จึงพบว่าความจริงเด็กสาวผู้นี้ รูปโฉมชวนพิศยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้านี้เขาจึงไม่รู้สึกมาก่อน!
ขณะตงฟางไป๋คิดในใจ แววตาตกตะลึงของเขาถูกฉีอิงอิง เห็นเข้าพอดี จึงอดดีใจในใจไม่ได้
ทว่ากลับกล่าวยิ้มๆ ขึ้นมา
“ท่านลุง ข้ารู้ว่าตนรูปโฉมงดงาม แต่ท่านไม่ควรจ้องมองข้าเช่นนี้ เพราะข้าเขินอาย!”
“แค่กๆ เจ้าช่างหน้าหนายิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉีอิงอิง จึงรู้ว่าท่าทางเสียมารยาทเมื่อครู่ของตนถูกเธอเห็นเข้า ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางไป๋พลันเก้อเขิน ทันใดนั้นก็ยกแส้ม้าสะบัดขึ้นมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขา
ฉีอิงอิง เห็นเช่นนั้น หัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ท่าทางเขินอายของท่านลุงน่ารักยิ่งนัก!”
หลังพึมพำแผ่วเบา ฉีอิงอิง ร้องตะโกนตามหลังตงฟางไป๋
“ท่านลุง รอข้าด้วย!”
เอ่ยจบ ฉีอิงอิง ยกแส้ม้าสะบัดขึ้นเช่นกัน ไล่ตามตงฟางไป๋ไป
จนหลังจากร่างของทั้งสองคนหายเข้าไปในภูเขา เล่อเหยาเหยาจึงเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ว่า
“อวี๋ พวกเราก็ไปกันเถิด!”
“อืม ได้”
เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋พยักหน้า ก่อนขี่ม้าเข้าไปภูเขาพร้อมกับเล่อเหยาเหยา
เห็นเพียงภายในภูเขา เมื่อตกกลางคืน รอบด้านดูปกคุลมด้วยความมืดมิด
สายลมพัดโชยผ่านมาแฝงไปด้วยความสดชื่น
หลังจากพวกเล่อเหยาเหยาเข้ามาในภูเขา ตามหาร่องรอยของไซฉีไม่หยุด พร้อมร้องตะโกนเรียก
“ไซฉี!”
“ไซฉี เจ้าอยู่ที่ใด!”
เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลางเข้าไปในภูเขา พลางร้องตะโกน
แต่พวกเขาตามหามากว่าหนึ่งชั่วยามยังไม่พบร่องรอยของผู้ใดภายในเขา มีเพียงเสียงเหล่าสัตว์อันแปลกประหลาดดังขึ้นมา
ท้องฟ้ายิ่งมืดลงเรื่อยๆ เส้นทางด้านหน้าก็เริ่มมืดมิด
โชคดีพวกเล่อเหยาเหยาพกคบไฟมาด้วย จึงมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน
แต่หลังตามหาอยู่นานไม่เจอไซฉี เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ด้านข้าง
“ไม่รู้ไซฉีกลับไปแล้วหรือยัง พวกเรากลับไปรอนางกันเถิด!”
“อืม ตอนนี้คงทำเช่นนี้แล้ว”
เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋พยักหน้าตกลง
ดังนั้นทั้งสองจึงทำสัญลักษณ์ไว้
เพราะก่อนพวกเขามาที่นี่ได้ตกลงกันว่า หากพบเรื่องใดหรือกลับไปแล้ว ให้ทิ้งสัญลักษณ์ไว้
แต่เล่อเหยาเหยายังไม่ได้ส่งสัญญานออกไป กลับได้ยินเสียงดังขึ้นมาทางด้านหน้าไม่ไกลจากตรงนี้
จากนั้นเสียงฝูงนกตกใจบินแตกฮือดังขึ้นรอบด้าน
เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน ในใจทั้งสองต่างตกใจ พลันสบตากับแวบหนึ่ง
“ไป เข้าไปดูกัน!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ พลันขี่ม้าพุ่งไป เหลิ่งจวิ้นอวี๋ย่อมตามหลังเธอไป
แสงจากคบไฟ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่เดินมาถึงที่มาของเสียงดังนั้น พลันถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกใจอย่างหนัก
เห็นเพียงหมีดำตัวสูงใหญ่ กำลังอาละวาดไล่ตามร่างหนึ่ง
และต้นไม้ทุกแห่งที่หมีดำตัวใหญ่เคลื่อนผ่าน ต่างถูกมันตะปบหักโค่นลง
หมีดำส่งเสียงคำรามอย่างโมโห พร้อมเสียงหักโค่นของต้นไม้ และเสียงร้องหวาดกลัวของหญิงสาว ประกอบเข้าด้วยกันวุ่นวายยิ่งนัก
หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินเสียงตกใจของหญิงสาวนั้น ดวงตาเย็นชาเบิกกว้าง ก่อนร้องอย่างตกใจ
“เป็นไซฉี!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาก็ตกตะลึง
เมื่อครู่มาถึงที่นี่ เห็นเพียงหมีดำใหญ่โตนั้น กลับไม่เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ถูกหมีดำไล่ติดตาม ตอนนี้ได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาจึงตะลึงงัน
ทว่าเธอยังไม่ทันได้สติ เห็นชายหนุ่มข้างกายสะบัดแส้ขึ้น ก่อนควบม้าพุ่งตรงไปยังทิศของไซฉี
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น แม้จะกังวลในใจ
แต่กลับไม่ไล่ตามไป
เพราะจากความเข้าใจของเธอ หมีดำตัวนี้ ไม่วิ่งไล่ตามผู้คนโดยไร้สาเหตุ
และจากการอาละวาดอย่างโกรธแค้นของหมีดำตัวนี้ ชัดเจนว่ามีคนใช้บางสิ่งกระตุ้นมัน
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาชูคบไฟขึ้น ก่อนมองสำรวจรอบด้าน
ท้องฟ้ามืดมิด รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้า ใบไม้เขียวชอุ่ม กิ่งก้านแผ่ขยาย บดบังแสงจากด้านนอกทั้งหมดไว้ ดูแล้วคล้ายปีศาจที่กำลังอ้าปากกว้าง ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน
และเวลานี้ ดวงตาคู่นั้นของเล่อเหยาเหยาจับจ้องกวาดมองไปรอบด้าน ไม่ให้พลาดการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะเธอมักรู้สึกว่าการอาละวาดของหมีดำตัวนี้ต้องมีเหตุผล และเธอตอนนี้กำลังหาสาเหตุนั้น!
ทว่าไม่ว่าเล่อเหยาเหยาจะตามหาเช่นไร ต่างไม่พบความผิดปกติ ขณะกำลังคิดล้มเลิกเพื่อตามไปช่วยเหลือพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับพลันได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาไม่ไกลจากด้านหน้าเธอ
คล้ายมีสัตว์บางอย่างกำลังร้อง
เล่อเหยาเหยาจึงตั้งใจฟังอีกรอบ ก่อนพลันหมุนตัวลงจากม้า ชูคบไฟในมือขึ้น ก่อนเดินเข้าไปยังที่มาของเสียงประหลาดนั้นอย่างระมัดระวัง
จากแสงไฟนวลสลัวนั้น ในที่สุดเล่อเหยาเหยาพบสาเหตุที่ทำให้หมีดำอาละวาดอยู่ในพุ่มไม้เขียวชอุ่มนั่นคือหมีดำตัวน้อยที่บาดเจ็บตัวหนึ่ง!
เห็นเพียงหมีดำตัวน้อยนี้เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ศีรษะไม่ใหญ่โต ขนดกดำทั่วร่าง ทว่าดวงตาเล็กคู่นั้น เวลานี้กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เสียงแปลกประหลาดนั้น ดังออกมาจากปากของมัน
เล่อเหยาเหยากวาดสายตามองบนตัวของหมีดำตัวน้อย จึงพบว่าที่แท้หมีดำน้อยตัวนี้ได้รับบาดเจ็บ
บริเวณขาของมัน เวลานี้กำลังติดอยู่ในกับดัก
เห็นชัดว่ากับดักนี้ เป็นของที่นายพรานวางไว้เพื่อดักจับสัตว์
หมีดำน้อยตัวนี้ กลับโชคร้ายโดนมันเข้า
จึงไม่แปลกที่หมีดำตัวใหญ่นั้นจะอาละวาดเช่นนี้ เห็นชัดว่าเพราะเห็นลูกของตนถูกทำร้าย จึงโมโหอาละวาดขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเข้าใจทันที
ขาของหมีดำน้อยติดกับดัก จนเลือดสดๆ นั้น ไหลออกมาจากขามันไม่หยุด
เวลานี้หากเธอไม่ช่วยมันออกมา ขาของมันต้องใช้การไม่ได้แน่!
เล่อเหยาเหยาชื่นชอบสัตว์ขนาดเล็กมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจะไม่สนใจหมีดำตัวน้อยที่บาดเจ็บนี้ได้เช่นไร!
และคิดว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋วรยุทธ์สูงส่ง เล่อเหยาเหยาทราบดีว่าด้วยวรยุทธ์ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ต้องไม่พ่ายแพ้ให้แก่หมีดำตัวใหญ่นั้นแน่
หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาค่อยๆ คุกเข่าลง และเข้าไปใกล้หมีดำตัวน้อยนั้น
หมีดำน้อยเห็นคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ถอยร่นอย่างหวาดกลัว
แต่ขาติดอยู่ในกับดัก จึงทำให้มันขยับตัวไม่ได้
เล่อเหยาเหยารับรู้ถึงความหวาดกลัวของหมีดำน้อย ดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มไร้พิษสงออกมา ก่อนเอ่ยช้าๆ
“เด็กดี ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ไม่ต้องหวาดกลัว”
พูดไปก็แปลก หลังหมีดำน้อยตัวนั้นได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา คล้ายฟังอย่างเข้าใจ
จึงไม่ถอยร่น เพียงส่งเสียงร้อง ‘อิ๊ดๆ’ เช่นเดิม
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นเม้มริมฝีปาก ยื่นมืออกไปค่อยๆ แกะกับดักนั้นออก จากนั้นใช้มือพาหมีดำน้อยที่บาดเจ็บนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง
ท่าทางอ่อนโยนของเล่อเหยาเหยา ทำให้หมีดำน้อยที่หวาดกลัวหยุดหวาดกลัวลง และซบอยู่ในอกของเล่อเหยาเหยา ก่อนแลบลิ้นออกมาเลียแก้มเธอ
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ดีใจอย่างยิ่ง
พลันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันแผลให้หมีดำตัวน้อย
แต่ทันใดนั้น กลับได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลัง ทำให้เธอตกใจ พลันเงยหน้ามอง
เห็นเพียงหมีดำตัวใหญ่ดวงตาแดงก่ำ ไล่ตามไซฉีไม่หยุด
มันมีพลังมหาศาล ต้นไม้ทุกแห่งที่เดินผ่านต่างถูกโค่นล้มลง
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้พกกระบี่ติดกาย จึงใช้เพียงมือรับมือกับหมีดำตัวใหญ่
และเมื่อเห็นการต่อสู้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหมีดำตัวใหญ่ เล่อเหยาเหยาจึงพลักนึกขึ้นได้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋สูญเสียความทรงจำ จนกระทั่งลืมเลือนวรยุทธ์ก่อนหน้านี้ไปเกือบทั้งหมด
เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาจึงตกใจ ก่อนเห็นพวกไซฉีกำลังพุ่งตรงมาทางด้านเธอ และเหลิ่งจวิ้นอวี๋บนกายมีบาดแผลอย่างชัดเจน
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหมีดำตัวใหญ่ จึงใช้มือออกแรงบิดขาที่บาดเจ็บของหมีดำตัวน้อยนั้น
หลังเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหมีดำน้อย หมีดำตัวใหญ่ที่กำลังไล่ตามพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างบ้าคลั่ง พลันเปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงมาทางด้านเล่อเหยาเหยา
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นพลันตกใจ ทว่าเธอยังไม่ลืมร้องบอกตะโกนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทางด้านนั้น
“พวกท่านรีบขี่ม้าออกไปเร็ว!”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ พลันอุ้มหมีดำตัวน้อยที่ดิ้นรนเพราะเจ็บปวดในอ้อมอกเธอขึ้น ก่อนใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าไปในภูเขา
ด้านหลังมีเสียงหักโค่นของต้นไม้ดังขึ้น แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่หันกลับไปมอง ก็ทราบดีว่าหมีดำตัวใหญ่นั้นกำลังไล่ตามมา
ทว่าเล่อเหยาเหยาโชคดีคือ วิชาตัวเบาหลายปีมานี้ของตนไม่ได้ฝึกฝนอย่างสูญเปล่า ดังนั้นไม่นานก็ออกห่างจากหมีดำตัวใหญ่นั้น
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาถูกหมีดำตัวใหญ่ไล่ตามไป คิดพุ่งเข้าไปช่วยเหลือเล่อเหยาเหยา แต่ทันใดนั้นไซฉีกลับดึงแขนเขาไว้ ก่อนเอ่ยว่า
“พี่เหลิ่ง หมีดำนั้นดุร้ายยิ่งนัก เมื่อครู่ข้าอยากช่วยหมีดำตัวน้อยนั้น แต่กลับถูกหมีดำตัวใหญไล่ทำร้าย ดังนั้นท่านอย่าเข้าไปเด็ดขาดนะ”
“ไม่ เหยาเหยาตอนนี้อยู่ในอันตราย จะไม่ให้ข้าสนใจนางได้เช่นไร”
สำหรับคำพูดของไซฉี เหลิ่งจวิ้นอวี๋สะบัดแขนออก คิดไล่ตามเข้าไป
ไซฉีเห็นเช่นนั้น ขมวดคิ้วมุ่น กลัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะตามเข้าไปจริงๆ จึงอดร้องอย่างตกใจขึ้นมาไม่ได้ ก่อนล้มตัวลงในอ้อมกอดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ บนใบหน้าเผยท่าทางน่าสงสารออกมา ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋
“อวี๋ ข้า ข้าบาดเจ็บ เจ็บปวดยิ่งนัก”
“ไซฉี เจ้าบาดเจ็บหรือ!”
เมื่อกอดร่างอ่อนแรงของไซฉีไว้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋หน้านิ่วคิ้วขมวด น้ำเสียงดูกังวลอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ห่วงใยตน ไซฉีดีใจในใจ แต่บนใบหน้ากลับดูเจ็บปวด ก่อนกุมหน้าท้องตนเอ่ยว่า
“ท้องของข้า เมื่อครู่ถูกหมีดำนั้นตะบปเข้า จึงปวดยิ่งนัก”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ไซฉีพลันหยุดชะงัก อาจเพราะรู้สึกว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังกังวลใจเกี่ยวกับเล่อเหยาเหยา จึงแสร้งทำเป็นเจ็บปวดเอ่ยขึ้น
“พี่เหลิ่ง ข้าเจ็บปวดเสียจริง”
เอ่ยจบเห็นไซฉีเหลือกตาขึ้น ก่อนหมดสติไป
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ และกังวลใจกับเล่อเหยาเหยาทางด้านนั้น
แต่เวลานี้หากเขาวางไซฉีลงอย่างไม่สนใจ ก่อนฝ่าความมืดเข้าไปในเขา เธอคงได้กลายเป็นอาหารเย็นของสัตว์ร้ายแน่
เหลิ่งจวิ้นอวี๋กังวลใจ ไม่รู้ควรทำเช่นไรถึงจะดี!
ดวงตาเย็นชากวาดมองไป กลับพบว่าเงาของหมีดำตัวใหญ่และเล่อเหยาเหยานั้น ได้หายไปจากสายตาเขาแล้ว
…………………………………………………………………………………..