สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 214 รักใคร่ภายในถ้ำ (1)
เล่อเหยาเหยาที่ช่วยทายาให้ชายหนุ่ม ค่อยๆ รับรู้ถึงเรื่องนี้ มองท่าทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินพอใจของชายหนุ่ม มุมปากค่อยๆ ปรากฎรอยยิ้มขึ้นไม่ได้
ก่อนอุทานในใจ
ความรู้สึกตอนนี้ช่างดีจริงๆ!
แม้จะเสียใจที่อวี๋ลืมเลือนเรื่องราวของพวกตนในอดีต แต่บนโลกนี้เดิมทีไม่มีเรื่องใดที่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้เพียงอวี๋ กลับมาอยู่ข้างกายเธอ ในใจมีเธอ เช่นนี้เพียงพอแล้ว
แน่นอนว่าต้องกำจัดกู่หนอนพิษลุ่มหลงบนตัวอวี๋เสียก่อน
เธอทนเห็นอวี๋เพราะรักเธอ ต้องทนเจ็บปวดดุจถูกธนูนับหมื่นทะลวงหัวใจไม่ได้ เช่นนี้ทรมานยิ่งกว่าสังหารเธอให้ตายเสียอีก!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเผยสีหน้าเสียใจหลายส่วนขึ้นมา
แม้เธอจะพยายามเก็บงำไม่ให้ชายหนุ่มรับรู้ แต่ชายหนุ่มยังคงสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยากังวลสิ่งใดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยื่นมือดึงแขนอ่อนนุ่มของเล่อเหยาเหยาไม่ได้ ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนเอ่ยปากปลอบโยน
“เหยาเหยา ไม่ต้องกังวล”
“เฮ้อ อวี๋ เหตุใดสวรรค์จึงทรมานพวกเราไม่หยุด พวกเราเพียงอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้น แต่สวรรค์มักทำให้เราแยกจากกัน ผ่านความเป็นความตายมามากมาย พอแล้ว ข้าทรมานมาพอแล้ว ข้ากลัวจะสูญเสียท่าน ข้ากลัวต้องกลับไปยังวันที่ไม่มีท่าน วันเวลาเหล่านั้นสำหรับข้าดุจไร้ลมหายใจ คล้ายตายทั้งเป็น”
เมื่อนึกถึงห้าปีที่ผ่านมา ตนคะนึงต่อพระจันทร์ทุกวันเวลา รู้สึกว่าตนคล้ายโดดเดี่ยวที่สุดบนโลกใบนี้
ในโลกของเธอ เพราะสูญเสียชายที่รักไปจึงสูญเสียแสงสีทุกอย่าง เหลือเพียงความมืดมน
ที่ผ่านมาเธอยิ้ม เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนกังวลเกี่ยวกับเธอเกินไป
วันเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้น เธอทรมานเพียงพอแล้ว และหวาดกลัวว่าต้องกลับไปยังวันเวลาเหล่านั้นอีก ไม่มีอวี๋โลกของเธอสูญเสียสีสันและรอยยิ้มทั้งหมด
ยิ่งคิดในใจเล่อเหยาเหยาอดคล้ายเจ็บปวดไม่ได้ น้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอเต็มดวงตา
ท่าทางคล้ายจะร้องไห้นั้นตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าถูกมีดเฉือนหัวใจเสียอีก
“เหยาเหยา ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องเสียใจ ไม่เป็นไร ต่อไปข้าจะไม่แยกจากเจ้าอีกแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกทรมาน และสีหน้าเสียใจของเธอ จึงบาดลึกในใจของเขา
แม้เขาจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดในอดีตเกี่ยวกับเธอ แต่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขารักหญิงสาวตรงหน้านี้
ดังนั้นเมื่อเห็นเธอร้องไห้เสียใจ จึงทรมานเช่นนี้
ส่วนเล่อเหยาเหยาหลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ แววตาเสียใจถูกแทนที่ด้วยความดีใจ
สีหน้าอ่อนลง ยิ้มมุมปากอย่างดีใจและสดใส
“อวี๋ จริงหรือ ต่อไปท่านจะไม่ไปจากข้าอีกแล้วหรือ!”
“อืม แน่นอน ข้าสาบานต่อไปแม้ตาย จะไม่แยกจากเจ้าอีกเด็ดขาด!”
ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างหนักแน่น จนแทบชูสามนิ้วสาบานต่อสวรรค์
เล่อเหยาเหยาได้ยิน บนใบหน้าพลันปรากฎรอยยิ้มดีใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแย้มดุจบุปผานั้น ทำให้ชายหนุ่มมองอย่างลุ่มหลง
เวลานี้ เขามองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเธอ ดังนั้นจึงเพียงก้มหน้าลงจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของเล่อเหยาเหยา เอ่ยเสียงเบาขึ้น
“เจ้าวิ่งวุ่นมาทั้งวันและบาดเจ็บ ต้องเหนื่อยล้ามากแน่ พักผ่อนเถิด!”
“แล้วท่านล่ะ คงเหนื่อยเช่นกันใช่หรือไม่ บนหน้าผากยังมีแผล ท่านเองก็พักผ่อนเถิด!”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยปากออกมา
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับส่ายหน้า ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“ไม่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งส่งสัญญานออกไป คิดว่าพวกตงฟางไป๋คงเห็นแล้ว ไม่นานจะมาถึงที่นี่ ข้าจะรอพวกเขาอยู่ตรงนี้ และในป่ายามค่ำคืนมีสัตว์ร้ายมากมาย ดังนั้นข้าจึงต้องเฝ้ายาม!”
“หากท่านไม่นอน ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาพลันเอ่ยขึ้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน เพียงกล่าวยิ้มๆ ออกมา
“เด็กดี ต้องเชื่อฟัง”
เอ่ยจบยื่นมือใหญ่ลูบศีรษะเล็กของเล่อเหยาเหยา ท่าทางนั้นคล้ายกับลูบขนของแมวน้อยตัวหนึ่ง ด้วยแววตาเอ็นดูและรักใคร่ ทำให้เล่อเหยาเหยามองอย่างเขินอายและมีความสุข
สุดท้ายจึงรู้ว่าตนฝืนต่อไปอีกไม่ไหว เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เดิมมีความคิดจะอยู่เป็นเพื่อนอวี๋ ผู้ใดจะรู้ เล่อเหยาเหยาฝืนทนอยู่ได้ไม่นาน ค่อยๆ หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
เมื่อเห็นใบหน้าฝันหวานของหญิงสาวในอ้อมกอด สองแขนชายหนุ่มอดรัดแน่นขึ้นไม่ได้ ดวงตาเย็นชาที่มองหญิงสาวลึกล้ำดุจเส้นไหม
คล้ายสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดเขา คือสมบัตอันล้ำค่าที่สุดบนโลก
เดิมทีชายหนุ่มคิดเฝ้ายามรอคอยพวกตงฟางไป๋ตามมาสบทบพวกเขา ผู้ใดจะรู้หลังรออยู่หนึ่งชั่วยาม ไม่เห็นมีคนเข้ามา
และไม่รู้เหตุใด ศีรษะเขาพลันเริ่มเจ็บปวดขึ้นมา
ความเจ็บปวดนั้น คล้ายมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าไปภายในสมองของเขา
เขาไม่กล้าส่งเสียงออกไป เพราะกลัวจะสร้างความตกใจให้หญิงสาวในอ้อมกอด ดังนั้นจึงฝืนทนเอาไว้
จนกระทั่งสมองเขาคล้ายใกล้จะระเบิด ทุกภาพเหตุการณ์พรั่งพรูขึ้นมาในสมองเขาอย่างรวดเร็ว
ภาพเหล่านั้นมีมากมาย จนเขาแทบตั้งรับไม่ไหว สุดท้ายในที่สุดชายหนุ่มทนกับความเจ็บปวดบนศีรษะไม่ไหว ดวงตาจึงปิดลง ก่อนหมดสติไป
…
เมื่อเล่อเหยาเหยาค่อยๆ ได้สติขึ้นมา รู้สึกเพียงตนกำลังถูกพลังอันอบอุ่นโอบรัดเอาไว้ ทำให้เธอสบายจนถอนหายใจออกมา
สองมือก็กอดรัดที่มาของความอบอุ่นและยืดหยุ่นใต้ล่างโดยไม่รู้ตัว
จมูกได้กลิ่นหอมของอำพันทะเลที่ทำให้เธอผ่อนคลายนั้น
หูได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอันมั่นคงของอีกฝ่าย คล้ายเพลงกล่อมทำให้ผ่อนคลายสบายใจ เมื่อคืนเธอฟังเสียงหัวใจที่มั่นคงนี้ ก่อนหลับสนิทอย่างสบายใจ
ดีเสียจริง อวี๋ยังมีชีวิตอยู่
เล่อเหยาเหยาคิดถึงตรงนี้ ร่างกายพลันตื่นตัวเต็มที่ หลังค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังชายหนุ่มทันที คิดไม่ถึงกลับสบเข้ากับดวงตาเย็นชาแคบยาวกระจ่างใสคู่นั้น
เวลานี้ฟ้าสว่างแล้ว
แสงอาทิตย์เจิดจ้าอยู่ด้านนอก แสงแดดสีทองสดใสสาดส่องจากปากถ้ำเข้ามานั้น ทำให้ภายในถ้ำที่เย็นเฉียบและมืดมิดสว่างไสวขึ้น
แสงแดดสีทองนั้นกำลังสาดส่องลงบนตัวชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน ทำให้ร่างกายที่แข็งแกร่ง สัดส่วนสมบูรณ์แบบนั้นของเขาเปิดเผยออกมา
และอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าอันประณีตของเขานั้น ดุจหยกแกะสลักที่ถูกสวรรค์รังสรรค์ขึ้น โดดเด่นยิ่งนัก!
คิ้วกระบี่โค้งงอน จมูกโด่งงามสง่า ริมฝีปากแดงสด
สิ่งที่สะดุดตาผู้คนที่สุดคือ ดวงตาเย็นชากระจ่างใสคู่นั้นของเขา
คล้ายคมกริบมองผ่านทะลุใจผู้คน กระจ่างใสแวววาว ดุจหยกดำ!
ความรักอันลึกซึ้งในแววตาของเขา ไร้การปกปิด ทำให้เล่อเหยาเหยามองแล้วใจเต้น สองแก้มร้อนผ่าว ดวงตาคู่งามเป็นประกายแฝงความเขินอาย อดไม่ได้เอ่ยเสียงเบาขึ้น
“ท่านห้ามมองข้าเช่นนี้”
เช้าตรู่หัวใจเล็กๆ ของเธอรู้สึกรับไม่ไหว
สวรรค์ ตอนนี้เขายั่วยวนเธออยู่หรือ!
เล่อเหยาเหยาทั้งหงุดหงิดและเขินอาย
ท่าทางอ่อนช้อยนี้ของเธอตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ทำให้ดวงตาเย็นชาของเขาเป็นประกาย ก่อนอดปรากฎความเย้าแหย่ขึ้นมาบางส่วนไม่ได้ ก่อนยิ้มมุมปากเอ่ยขึ้น
“ข้าจะมองเจ้าเช่นนี้ไปชั่วชีวิต!”
“ท่านนี่จริงๆ เลย”
เพิ่งเช้าตรู่กลับเอ่ยคำพูดน้ำเน่าเช่นนี้ ทว่ากลับทำให้เล่อเหยาเหยาที่ได้ฟัง ในใจดุจมีบุปผาเบ่งบานอย่างหวานชื่น
กระทั่งหางคิ้วก็ปรากฎความสุขหลายส่วน
ทำให้ใบหน้าเล็กงดงามนั้น ขาวอมชมพู เย้ายวนใจสะดุดตา
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงใจเต้น อดก้มลงจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากขาวผ่องของเล่อเหยาเหยาไม่ได้ และเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูเล่อเหยาเหยาขึ้นมา
“เหยาเหยาห้าปีมานี้ทำให้เจ้าทุกข์ทรมานแล้ว ต่อไปข้าจะอยู่ข้างกายเจ้าไปตลอด ไม่ให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานอีก ก่อนหน้านี้พวกเราสัญญากันว่าจะจูงมือกันไปจนแก่เฒ่า ข้าต้องทำได้อย่างแน่นอน!”
“จับมือกันไปจนแก่เฒ่าหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดพึมพำขึ้นอีกครั้งไม่ได้ ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ร่างกายพลันสั่นไหว บนใบหน้าเล็กงดงามนั้นเพราะตกตะลึง จึงอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้าง มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนเอ่ยขึ้น
“อวี๋ ท่าน ท่านความทรงจำกลับมาแล้วหรือ!”
“อืม ถูกต้อง ข้าจำทุกอย่างได้แล้ว”
เห็นสีหน้าไม่เชื่อสายตาและประหลาดใจของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้
เล่อเหยาเหยาที่ได้ยิน ขณะดีใจอดรู้สึกแปลกใจไปด้วยไม่ได้
“ฮ่า ๆ จริงหรือ ดียิ่งนัก ช่างดีเหลือเกิน แต่เหตุใดท่านจึงพลันจำได้ขึ้นมา!”
“ฮ่า ๆ เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าเดาว่าที่ข้าสูญเสียความทรงจำเพราะตกลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกราก แล้วกระแทกเข้ากับก้อนหิน จึงทำให้ความจำเสื่อม เมื่อคืนหน้าผากข้าก็ถูกกระแทก นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้!”
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดปิดปากหัวเราะไม่ได้ ทันใดนั้นดวงตาอดปรากฎความเย้าแหย่หลายส่วนขึ้นมาไม่ได้ ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“ฮึ รู้เช่นนี้วันแรกที่พบท่าน ข้าคงใช้ค้อนกระแทกศีรษะท่านไปแล้ว เช่นนั้นท่านจะได้ไม่ลืมข้า”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากำหมัดชูขึ้น ก่อนทำท่าทางต้องการตีศีรษะของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
เมื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยาตั้งใจแกล้งตน เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนยื่นมือใหญ่รัดมือของเล่อเหยาเหยาไว้ จากนั้นพลิกกายกดตัวเล่อเหยาเหยาไว้ด้านล่างตน
และนำมือของเธอชูไว้เหนือศีรษะ ก่อนเอ่ยยิ้มๆ อย่างแหบพร่าขึ้น
“คิดตีศีรษะข้า เจ้าทำได้ลงคอหรือ!”
“เหตุใดข้าจะทำไม่ได้ ข้า…อือ”
เล่อเหยาเหยายังเอ่ยไม่จบ ปากเล็กของเธอพลันถูกชายหนุ่มประกบจุมพิตลงมา
จุมพิตของชายหนุ่มบ้าคลั่ง ดุร้าย แฝงความปรารถนาไร้ขีดจำกัด และดุดัน ราวกับลมพายุพัดโหมเข้ามา
สอดลิ้นยาวเข้าไปแงะเปิดปากเธออย่างชำนาญ ก่อนดูดกลืนภายในริมฝีปากเธอตามอำเภอใจ สุดท้ายพัวพันลิ้นเล็กของเธอแน่น
จุมพิตดุดันร้อนแรงเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่คิดดิ้นรน ค่อยๆ ลดการปัดป้องลง สุดท้ายเพียงมัวเมาอยู่ในจุมพิตรุนแรงของเขา
จนกระทั่งเล่อเหยาเหยารู้สึกเย็นที่ไหล่ จึงพบว่าเสื้อผ้าของเธอถูกชายหนุ่มปลดลงเมื่อใดไม่รู้ ร่างกายท่อนบนตอนนี้เหลือเพียงเอี๊ยมสีชมพูกปักลายดอกโบตั๋นตัวบาง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาพลันได้สติ สองมือกอดหน้าอกแน่นโดยทันที ก่อนสองแก้มร้อนผ่าว แววตาเขินอายอย่างที่สุด
“อวี๋”
“เหยาเหยา อย่าปิดเลย ข้าอยากมองเจ้า!”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ