สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 214 รักใคร่ภายในถ้ำ (2)
น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้คนฟังใจเต้นแรง
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม กลับทำให้เล่อเหยาเหยาเขินอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
แม้เธอและอวี๋จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แต่พวกเขาแยกจากกันกว่าห้าปีเต็ม และห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยให้ผู้ใดเห็นร่างกายเธอมาก่อน
เพราะเธอเป็นของอวี๋ ใจของเธอหลังอวี๋ตายไป ก็ตายตามไปเช่นกัน
ชายที่ตามจีบเธอไม่ใช่ไม่มี เพราะเสด็จแม่มักหลอกให้เธอไปดูตัวกับเหล่าขุนนาง คุณชายมากมายนับไม่ถ้วน
แต่กลับไม่มีผู้ใดทำให้หัวใจที่ตายไปของเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
เพราะมีเพียงชายตรงหน้านี้เท่านั้น
แต่เพราะไม่ได้ใกล้ชิดเช่นนี้กับเขามาห้าปีแล้ว จึงทำให้เล่อเหยาเหยาพลันเขินอายและคิดว่าไม่เหมาะสม
แต่เธอก็ทราบว่าตนไม่ได้รังเกียจสิ่งนี้
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ย่อมเข้าใจ เพราะความรู้สึกเขาตอนนี้คล้ายคลึงกับเล่อเหยาเหยา
“ห้าปีแล้วเหยาเหยา เจ้าต้องรู้ว่าห้าปีมานี้ข้าคิดถึงเจ้ามากเพียงใด เดิมทีคิดว่าชีวิตนี้ ข้าไร้หนทางที่จะเจอเจ้าอีกครั้งแล้ว คิดไม่ถึง…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นประกายปกคลุมด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
“อวี๋ มันผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาดำมืดนั้นผ่านไปแล้ว ตอนนี้ในที่สุดพวกเราอยู่ด้วยกัน ต่อไปจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว”
เมื่อทราบว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋นึกถึงวันสุดรับไหวและทุกข์ทรมานในอดีต เล่อเหยาเหยาจึงปวดใจ ดังนั้นอดปลอบโยนไม่ได้ ก่อนเงยหน้าจุมพิตหน้าผากชายหนุ่ม
“อวี๋ ข้ารักท่าน”
“เหยาเหยา”
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงลำคอคล้ายมีบางอย่างอุดอยู่จึงสำลัก
สุดท้ายเขาไม่เอ่ยสิ่งใด กลับใช้การกระทำแสดงความรู้สึกในตอนนี้ของตน!
จุมพิตลึกซึ้งและบ้าคลั่ง ประกบลงบนริมฝีปากงามหยาดเยิ้มของเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง จุมพิตจนเล่อเหยาเหยาหายใจติดขัด ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเคลื่อนลงมาจุมพิตที่คางเล็กของหญิงสาว ลำคอเรียว ไหปลาร้าเย้ายวนใจอย่างอ่อนโยนไม่หยุด
เล่อเหยาเหยาเพียงรู้สึกร่างกายตนคล้ายกำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วร่างต่างเบาหวิว
ส่วนจุมพิตของชายหนุ่ม คล้ายแฝงไปด้วยมนต์สะกด ทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกร้อนผ่าวดังไฟแผดเผา
ไฟปรารถนาในใจที่หลับใหล เพราะการยั่วยวนของชายหนุ่ม จึงค่อยๆ ฟื้นคืนชีพ
ชายหนุ่มจุมพิตทั่วทุกส่วนบนร่างกายของหญิงสาว ทว่ามือใหญ่หยาบกระด้างกลับลูบไล้ผิวเนียนนุ่มของหญิงสาวอย่างช้าๆ
เมื่อรู้สึกถึงความเนียนนุ่มใต้ฝ่ามือ ทำให้ชายหนุ่มจิตใจฟุ้งซ่านและกลืนน้ำลาย ดวงตาเย็นชาแคบยาวนั้นเวลานี้ถูกแทนที่ด้วยความหื่นกระหาย
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงสาวงดงามใต้ล่าง เพราะการลูบไล้ด้วยรักของตน บนผิวหนังทั่วกายจึงแดงก่ำโดยเฉพาะใบหน้าเล็กแง่งอนและเขินอายนั้น มีดวงตาหยาดเยิ้มชวนหลงใหล ราวปีศาจน้อยยั่วยวนใจผู้คน!
“เหยาเหยา ให้ข้ารักเจ้าเถิด”
เอ่ยจบริมฝีปากชายหนุ่มพลันประกบลงบนหน้าอกของหญิงสาว ส่วนมือลูบไล้ผิวเนียนนุ่มอยู่นั้น ค่อยๆ เคลื่อนไปที่ส่วนลับของหญิงสาว ก่อนกระทำอย่างอ่อนโยนไม่หยุด
“อา…ไม่…อย่า…อวี๋”
เมื่อรู้สึกผิดปกติที่หน้าอกและร่างกายท่อนล่าง ทำให้เล่อเหยาเหยาเขินอาย ทว่ากลับต้องการมากขึ้น ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินเสียงเย้ายวนใจนี้ เลือดในกายคล้ายเดือดพล่านขึ้นมา
และระหว่างขาของเขา เปี่ยมไปด้วยความต้องการไม่หยุด และต้องการระบายออกมา
แต่เขาต้องทำให้เหยาเหยาพร้อมเสียก่อน
เมื่อใต้นิ้วเปียกชื้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้ว่าเล่อเหยาเหยาได้พร้อมแล้ว จึงนำความต้องการอันร้อนรุ่มที่ไม่อาจรอได้อีกต่อไปของตนจ่อเข้าที่ส่วนลับของเล่อเหยาเหยา
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาก็รับรู้ถึงการกระทำของชายหนุ่ม ดวงตาคู่งามเปี่ยมด้วยไฟปรารถนาคู่นั้นอดมองรูปร่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบไปจนถึงสิ่งขนาดมหึมาพร้อมสู้ศึกของชายหนุ่ม เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาอดสูดหายใจไม่ได้
สวรรค์!
ไม่เจอห้าปี นี้ มันคล้ายใหญ่โตขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนเสียอีก!
เธอจะรับสิ่งขนาดมหึมานี้ได้เช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเกิดหวาดกลัวจึงดิ้นรนไม่หยุด ศีรษะเล็กก็ส่ายไปมาดุจระลอกคลื่น ก่อนอ้อนวอนไม่หยุด
“อวี๋ ไม่ ข้ากลัว…”
“เหยาเหยา ไม่ต้องกลัว ข้าจะอ่อนโยน”
เมื่อมองออกถึงความหวาดกลัวในใจของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดกลั้นความความต้องการในใจ เอ่ยปากปลอบโยน
เล่อเหยาเหยาได้ยิน ในใจยังคงหวาดกลัว แต่คำพูดที่คิดจะเอ่ยออกไปของเธอ กลับถูกชายหนุ่มใช้จุมพิตปิดเอาไว้อีกครั้ง
จุมพิตของชายหนุ่มบ้าคลั่งลึกล้ำ ทำให้ไม่นานเธอก็ตกอยู่ในความลุ่มหลง จนลืมเลือนวันเวลา
จนกระทั่งร่างกายส่วนล่างมีของแข็งสอดประสานเข้าไป เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วมุ่น ปากเล็กอ้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนส่งเสียงครวญครางออกมา
และเสียงครวญครางนี้ของเธอ ดุจยากระตุ้นชั้นดี ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่คิดปฏิบัตต่อเธออย่างอ่อนโยน พลันแปลงกายเป็นหมาป่า ใช้มือยกขาของเล่อเหยาเหยาขึ้นพาดไว้บนไหล่ของตน จากนั้นเข้ายึดครองคนใต้ล่าง
เล่อเหยาเหยาที่ไม่มีประสบการณ์มาห้าปีเต็ม เวลานี้ดุจสาวพรหมจารี จะรับมือกับการกระทำอันบ้าคลั่งเช่นนี้ของชายหนุ่มได้อย่างไร แต่เธอกลับหยุดยั้งความบ้าคลั่งของชายหนุ่มไม่ได้ สุดท้ายเพียงส่งเสียงครวญครางอยู่ใต้ล่างของชายหนุ่ม
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด เล่อเหยาเหยารู้เพียงตนหมดสติไปแล้ว ต่อมาฟื้นได้สติขึ้นมาอีกครั้ง และขณะที่ฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มยังคงเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายเธอไม่หยุด
พวกเขาไม่รู้เปลี่ยนท่วงท่าไปกี่ครั้ง ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเขินอาย และมีความสุขอย่างถึงที่สุดไปพร้อมกัน
ทันใดนั้นภายในถ้ำ มีทั้งความรุนแรงและอ่อนโยนอย่างไร้ขีดกำจัด เสียงหายใจติดขัดของชายหนุ่มและเสียงครวญครางของหญิงสาวสอดผสานเข้าด้วยกัน
…
จนกระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ทว่ายาวนานราวกับศตวรรษ ภายในถ้ำที่ร้อนแรงจึงค่อยๆ กลับมาเงียบสงบเช่นเดิม
เวลานี้เล่อเหยาเหยาเหนื่อยล้าจนกระทั่งไร้แรงขยับนิ้ว ร่างกายจึงเพียงกลายเป็นของเหลว อ่อนระทวยอยู่บนอกแข็งแกร่งของชายหนุ่ม
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างรุนแรง ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เล่อเหยาเหยาเบ้ปากออกมา ก่อนคิดอย่างหงุดหงิด
ชายผู้นี้ไม่เหนื่อยล้าเลยหรือ! เธอเหนื่อยล้าจนใกล้จะตาย เวลานี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง
ส่วนชายหนุ่มผู้นี้ กลับดูเหมือนคนปกติ ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ!
แต่ความจริงเล่อเหยาเหยาไม่รู้ก็คือ บุรุษปกติทั่วไปผู้หนึ่งต้องเก็บกดความต้องการมานานหลายปี เวลานี้มีสาวงามอยู่ในอ้อมกอด และเป็นคนที่ตนรัก นอกจากไม่ใช่บุรุษ มิฉะนั้นผู้ใดจะไม่ใจเต้นกัน!
อาจเพราะรู้ถึงความไม่พอใจของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มจึงอดยื่นมือใหญ่ดันคางเล็กของหญิงสาวขึ้นไม่ได้ ก่อนมอบจุมพิตลงไป แล้วจึงกล่าวยิ้มๆ
“เป็นอันใดหรือ คนงามของข้า”
“ข้าเหนื่อยล้ายิ่งนัก!”
สำหรับท่าทางแสร้งทำเป็นหวานเลี่ยนของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาจึงทำปากยื่น ก่อนเอ่ยตามจริง
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ เสียงหัวเราะนั้นทำให้เล่อเหยาเหยาที่คลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดเขาหูอื้อ
และยิ่งกว่านั้นคือเขินอายอย่างยิ่ง
“ท่านยังหัวเราะ ท่านมันคนไม่ดี ท่านคิดให้ข้าเหนื่อยตายหรือไร เมื่อครู่ท่านไม่สนใจว่าข้าหมดสติไปหรือ คนเลว คนชั่ว!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดกำหมัดทุบชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะไม่หยุดนั้น
ต้องทุบเขาให้ตาย ชายหน้าเหม็น ชายชั่ว คิดเพียงรังแกเธอ!
แต่เวลานี้เล่อเหยาเหยาคล้ายถูกสูบเรี่ยวแรงไป จะยังมีเรี่ยวแรงจากที่ใด ดังนั้นแรงที่ทุบลงไปนั้น สำหรับชายหนุ่มเป็นเพียงการข่วนของแมวน้อยเท่านั้น
แต่เขาก็รู้ว่าเวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังโมโห ดังนั้นจึงเผยท่าทางถูกทุบจนเจ็บปวดและอ้อนวอนประกอบออกมา
“โอ๊ย เหยาเหยา เจ้าคิดสังหารสามีหรือ!”
“ฮึ ผู้ใดคือสามีข้าหรือ ท่านอย่าลืม พวกเราตอนนี้คือชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ท่านเอาแต่รังแกข้า ข้าจะตีท่านให้ตาย!”
เล่อเหยาเหยาทำปากยื่น รู้ชัดว่าตนไร้เรี่ยวแรง แต่เธอยังทุบหน้าอกชายหนุ่มไม่หยุด เพื่อระบายความไม่พอใจของตน และให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ!
คิดไม่ถึงชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดนี้ของเธอพลันชะงัก ก่อนยื่นมือใหญ่กอดรัดเล่อเหยาเหยาที่กำลังทุบตนไม่หยุดไว้แน่น ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“เหยาเหยา พวกเราตอนนี้มาแต่งงานกันเถิด!”
“เอ่อ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาชะงัก ก่อนพลันเงียบงันลง พร้อมหัวใจที่เต้นแรง
“แต่งงานหรือ!”
“ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ พวกเรายังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน ข้าก็…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี่ก็ชะงัก คล้ายนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต ดวงตาเย็นชาปรากฎความเสียใจขึ้น
ทว่าไม่นานเขากลับมาเป็นปกติ ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาอย่างรักใคร่ว่า
“ห้าปีมานี้ ทำให้พวกเจ้าแม่ลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นข้าจะชดเชยให้แก่พวกเจ้าแม่ลูก ข้าจะจัดงานอภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ข้าต้องการให้เจ้ากลายเป็นคนรักที่สตรีทุกคนต่างอิจฉา ข้ายังจะมอบครอบครัวอันมีแต่ความสุขให้แก่พวกเจ้าสองแม่ลูก!”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เมื่อมองดวงตาเย็นชาเปี่ยมด้วยความรักของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาดวงตาร้อนผ่าว ภายในเต็มไปด้วยไอหมอก แต่เธอยังส่ายหน้าเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
“ไม่ อวี๋ ข้าไม่ต้องการสิ่งใดทั้งนั้น ข้าไม่ต้องการให้สตรีอื่นอิจฉา และไม่ต้องการงานอภิเษกใหญ่โต ข้าต้องการเพียงท่าน เพียงพวกเราสามคนอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุข เหมือนกับครอบครัวปกติทั่วไป”
ฐานะเงินทองสำหรับเล่อเหยาเหยา เป็นเพียงหมอกควันลอยผ่านตา เพราะเมื่อตายไปแล้ว ล้วนไม่เหลือสิ่งใด ดังนั้นเธอจึงไม่ชื่นชอบสิ่งเหล่านี้ เธอต้องการเพียงสามารถอยู่กับคนรักของตนไปจนแก่เฒ่า
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา หดหู่ในใจ
“ถูกต้อง บนโลกนี้ฐานะเงินทองเทียบไม่ได้กับพวกเจ้าสองแม่ลูกในใจของข้า”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยจากส่วนลึกในใจ
เล่อเหยาเหยาได้ยินปลาบปลื้มใจ ก่อนยิ้มมุมปาก รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูมีความสุขและหวานชื่น
ห้าปีมานี้ นี่คือรอยยิ้มดีใจและพอใจที่สุดของเธอ
เพราะเวลานี้ข้างกายเธอมีชายหนุ่มที่ตนรักสุดหัวใจ
…………………………………………………………………………………..