สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 216 ห้องหอ
เมื่อกู่หนอนพิษลุ่มหลงบนกายอวี๋ถูกกำจัดไป ทุกคนต่างโล่งใจที่สุด
ตงฟางไป๋ส่งคนไปส่งสารเรื่องอวี๋ยังไม่ตายที่ตระกูลตงฟาง วังหลวง วังอ๋อง และวังหลวงของต้าเซี่ยอย่างรวดเร็ว
เรื่องพญายมตายแล้วฟื้นคืนชีพ สร้างความแตกตื่นไปทั้งสองแคว้นอีกครั้ง ทุกคนหลังดื่มชาหลังอาหารต่างพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
แต่ขณะเรื่องนี้ยังคงโด่งดัง พลันถูกอีกเรื่องสร้างความโกลาหลขึ้นมา
นั่นคือ…
เรื่องท่านอ๋องแห่งเทียนหยวนจะอภิเษกสมรสกับท่านหญิงหลูลู่แห่งต้าเซวี่ย ขบวนสินสอดยาวสิบลี้ ตระการตาสมเกียรติ สร้างความอิจฉาให้ผู้คน
งานกินโต๊ะหลิวสุ่ยสี[1] แปดวันแปดคืน งานหรูหราตระการตา โอ่อ่ายิ่งใหญ่ กลางสายตาอิจฉาตาร้อนของผู้คนมากมาย!
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปนานแล้ว สำหรับเรื่องนี้เหล่าราษฎรยังคงพูดคุยกันสนุกปาก แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้!
วันนี้คือวันสำคัญที่ยากจะลืมเลือนในชีวิตของเล่อเหยาเหยา นั่นคือในที่สุดเธอได้อภิเษกสมรสกับชายที่ตนรัก กลายเป็นพระชายาของเขา ภรรยา และผู้หญิงของเขา!
เล่อเหยาเหยาตื่นนอนแต่เช้าตรู่ จากนั้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมแต่งกาย สวมมงกุฏและสายสะพายอันสวยงามประณีตนั้น ภายใต้การปรนนิบัติของสองพี่น้องเซี่ยผิงและเซี่ยลี่
บนมือถือแอปเปิ้ลลูกงามสีแดงสด ก่อนเซี่ยผิงและเซี่ยลี่จะประคองนั่งลงบนเกี้ยวเจ้าสาว
เมื่อเสียงดนตรีถูกบรรเลงขึ้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเกี้ยวโอนเอนไปมา ทำให้เธออดนึกถึงครั้งแรกที่เธอเจอกับอวี๋เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้
ครั้งแรกที่เจอกับอวี๋ ทั่วกายเขาเต็มไปด้วยไอโหดเหี้ยม รูปโฉมหล่อเหลาทว่าดุร้าย ทำให้ดูดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด
โดยเฉพาะหลังเขาใช้มือสังหารเหล่าโจรภูเขาตัวสูงใหญ่ถือดาบกว่าสิบคน เธอจึงหวาดกลัวเขาอย่างหนัก คล้ายหนูเผชิญหน้ากับแมว
เมื่อปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขาไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง ทำงานด้วยความมีสติระมัดระวัง เพราะกลัวจะถูกเขาจับผิด เพียงไม่ระวังจะถูกเขาตัดศีรษะ
แต่ต่อมาหลังได้ใกล้ชิดกับอวี๋ทีละนิด ทำให้เธอรู้ว่าชายผู้นี้ความจริงไม่ได้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวขนาดนั้น
เขาห่วงใยผู้อื่นและยิ้มได้ แม้จะเย็นชา แต่ส่วนใหญ่กลับทำให้เธอรู้สึกถึงความอ่อนหวานและอบอุ่น และทำให้เธอค่อยๆ รักชายผู้นี้
จับมือจูงกันไปจนแก่เฒ่า
หลังผ่านเรื่องการตายการจากมามากมาย เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าตนและอวี๋คือคนคนเดียวกัน
ไม่มีผู้ใดสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้
แม้ตาย พวกเขาจะตายด้วยกัน!
หวังว่าสวรรค์ ที่หลังจากทำให้พวกเขาผ่านมรสุมมากมาย สามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตต่อไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย เปี่ยมด้วยความสุข
เธอไม่เคยต้องการความรักอันเร่าร้อน เพียงมีความสุขไปยาวนานเท่านั้น
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ไม่นานเกี้ยวเจ้าก็สาวหยุดลง
เพราะคืองานอภิเษกสมรสของเชื้อพระวงศ์และความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ดังนั้นพิธีการเหล่านั้นจึงยุ่งยากเป็นพิเศษ
วันนี้เล่อเหยาเหยาคล้ายหุ่นกระบอกตัวหนึ่ง เธอถูกข้าหลวงที่ประคองเธอสั่งให้ทำสิ่งใดเธอก็ทำสิ่งนั้น
ตอนนี้คือฤดูร้อน สภาพอากาศจึงสดใสปลอดโปร่ง
เล่อเหยาเหยาต้องสวมมงกุฏมีน้ำหนักหลายกิโลกรัมไว้บนศีรษะ จึงทั้งเหนื่อย หิว และกระหาย
หนึ่งวันแสนเหน็ดเหนื่อยดังวัว
แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่เล่อเหยาเหยากลับดีใจอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะสุดท้ายหลังจบพิธีหลากหลายขั้นตอนนี้ลง ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ เล่อเหยาเหยาจึงสามารถพักผ่อนได้ในที่สุด
ทว่าเธอไม่กล้าถอดเครื่องประดับบนศีรษะลง เพียงทำเช่นเดียวกับเจ้าสาวทุกคน นั่งอยู่บนเตียงนอน รอคอยเจ้าบ่าวของเธอเข้ามา
และความรู้สึกของเธอ จนถึงเวลานี้ยังไม่สงบลงเป็นปกติ
สวรรค์! ในที่สุดเธอได้อภิเษกกับอวี๋แล้ว!
ห้าปีเต็มๆ ก่อนหน้านี้เธอเกือบจะได้อภิเษกกับอวี๋ คิดไม่ถึงเกี้ยวเจ้าสาวยังไม่ทันถูกยกออกไป อวี๋จากเธอไปแล้ว
ทำให้เธอโศกเศร้าเสียใจมาห้าปี ตอนนี้ห้าปีผ่านไป เธอไม่กล้าคิดจริงๆ เธอยังสามารถแต่งกับชายที่ตนรักได้
นี่คล้ายความฝันอันสวยงามจริงๆ
ทว่าหากนี่เป็นเพียงความฝัน เธอยินยอมไม่ตื่นขึ้นมาตลอดชีวิต
ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งตื่นเต้นดีใจ
สี่เหนี่ยง[2]และพวกเซี่ยผิงด้านข้างต่างพากันอวยพรแสดงความยินดีกับเล่อเหยาเหยา เธอจึงมอบอั่งเปาให้แก่พวกเซี่ยลี่และกลุ่มคนเหล่านั้น
ไม่นานพวกสี่เหนียงต่างพากันออกไป สุดท้ายเหลือเพียงเซี่ยผิงและเซี่ยลี่สองพี่น้องปรนนิบัติอยู่ด้านหน้า
เล่อเหยาเหยานั่งอยู่บนเตียง สามารถได้ยินเสียงต้นไผ่ และเสียงหัวเราะสรวลเฮฮายินดีจากด้านนอก
แม้จะรู้ดีว่าอวี๋อยู่ด้านนอก แต่ขณะที่รอในเวลานี้เล่อเหยาเหยาหวังให้อวี๋รีบเข้ามาเสียจริงๆ เพราะเธอคิดถึงเขา!
เพราะการอภิเษกครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากันกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
และหนึ่งเดือนมานี้ หนึ่งวันยาวนานดุจหนึ่งปี เธอจึงหวังให้เวลาผ่านไปเพียงพริบตาเดียวจริงๆ
อาจเพราะรับรู้ถึงความร้อนใจของเล่อเหยาเหยา เซี่ยลี่และเซี่ยผิงอดหัวเราะเย้าแหย่อยู่ด้านข้างไม่ได้
“พระชายา ท่านคิดถึงท่านอ๋องหรือ ท่านอ๋องใกล้จะมาแล้ว รออีกเพียงไม่นาน!”
“หากเจ้ายังหัวเราะอีก ระวังข้าจะถลกหนังของเจ้า”
เมื่อทราบว่าเซี่ยลี่ตั้งใจหยอกล้อ เล่อเหยาเหยาจึงโมโหอย่างเขินอาย
เพราะทราบดีถึงนิสัยของเล่อเหยาเหยา พวกเซี่ยลี่จึงไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว กลับหัวเราะอย่างชอบใจ ทำให้เล่อเหยาเหยาเขินอายไม่หยุด จนทนไม่ไหวเลิกผ้าคลุมสีแดงออก สั่งสอนพวกเธอหนึ่งยก
แต่ขณะทั้งสามคนภายในห้องกำลังหัวเราะเบิกบาน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน พวกเล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงเฮฮาจากด้านนอกใกล้เข้ามา
พวกเธอได้ยินก็รู้ว่าเจ้าบ่าวมาแล้ว
เมื่อได้ยินในใจเล่อเหยาเหยาพลันกังวล ทว่าสงบลงอย่างรวดเร็ว
แม้เธอกับอวี๋จะเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกันแล้ว และมีบุตรด้วยกัน
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอเวลานี้จึงกังวลยิ่งกว่าเจ้าสาวที่ถูกจับแต่งงานเสียอีก
สองมือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อนั้นพันกันยุ่งเหยิง จนแทบกลายเป็นขนมหมาฮวา
หลังเสียงเฮฮานั้นดังใกล้เข้ามาตรงหน้า เล่อเหยาเหยาหลุบดวงตาคู่งามลง จากหมวกคลุมหน้าสีแดง มองเห็นรองเท้าสีดำปักดิ้นขอบสีทองคู่หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากังวลในใจ แม้จะไม่เลิกหมวกคลุมหน้าสีแดงออก เธอก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ คือคนที่เธอรอมานาน
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดใจเต้นแรงไม่หยุด เสียงเต้นของหัวใจอันรุนแรงนั้น คล้ายจะกระดอนออกมาจากอกของเธอ
ประจวบกับด้านข้างมีคนจำนวนไม่น้อยส่งเสียงโห่ร้องให้เจ้าบ่าวเลิกหมวกคลุมหน้าเจ้าสาวออก เล่อเหยาเหยาจึงยิ่งวิตกกังวล
ใบหน้าใต้หมวกคลุมหน้าสีแดงนั้น เพราะกังวลตื่นเต้นจึงร้อนผ่าว ไม่นานเล่อเหยาเหยารู้สึกกระทั่งใบหูตนร้อนผ่าวเช่นกัน แม้ไม่ส่องกระจก เธอรู้ว่าใบหน้าของตนต้องแดงดุจก้นลิงแน่นอน
ทันใดนั้นหูกลับพลันได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นมา
“เหยาเหยา ข้าจะปลดหมวกคลุมหน้าแล้ว”
เสียงชายหนุ่มแฝงความเมามายและหัวเราะหลายส่วน แสดงให้เห็นว่าเขาเวลานี้อารมณ์ดีอย่างยิ่ง
เล่อเหยาเหยาได้ยิน อดส่งเสียง ‘อืม’ เบาๆ ออกมาไม่ได้ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่
ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงด้านหน้าสว่างจ้าขึ้นทันที เพราะหมวกคลุมหน้าบนศีรษะเธอในที่สุดถูกเลิกขึ้น
เมื่อแสงส่องประกายเข้าตา ทำให้เล่อเหยาเหยาหรี่ตาลงอย่างไม่คุ้นชิน ทว่าไม่นานเธอก็กลับมาเป็นปกติ
เมื่อเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ ภายในดวงตาของเล่อเหยาเหยามองไม่เห็นผู้ใดภายในห้องอีก
เห็นเพียงชายหนุ่มวันนี้สวมเสื้อคลุมแต่งงานสีแดงพอดีกาย ทำให้ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
ผมยาวมวยไว้ในกวนหยก เค้าโครงเด่นชัด คิ้วกระบี่โค้งงอน ดวงตาเย็นชาแคบยาว เบิกบานสดใส ภายในแววตาเปล่งประกาย สูงส่งน่าเกรงขาม
รอยยิ้มอ่อนโยนบนมุมปากนั้นของเขา ไร้กลิ่นอายโหดเหี้ยม งดงามจนทำให้ผู้คนรับรู้ถึงความรักของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาจึงตะลึงอย่างที่สุด
ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นมองชายหนุ่มตรงหน้าโดยไม่กระพริบตา แววตาเปี่ยมด้วยความลุ่มหลงและรักอย่างไม่ปิดบัง
ใจเต็มเปี่ยมด้วยความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อเพียงชายหนุ่มตรงหน้านี้
ตรงข้ามกลับเล่อเหยาเหยาที่ตื่นเต้นแทบสิ้นสติ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่แตกต่างกัน
ในที่สุดเขาได้อภิเษกกับเธอ!
ห้าปีมานี้การดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเหวลึก เพียงเพื่อให้มีวันนี้ หลังจากเขากลับมาสามารถจับกุมมือเธอ อภิเษกเธอเข้ามาอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวที่ทุกคนบนโลกต่างอิจฉา
มอบความรักทั้งหมดให้แก่เธอ ทำให้ชีวิตของเธอมีแต่ความสุข เบิกบานสบายใจ
ตอนนี้ในที่สุดทำเรื่องนี้ได้แล้ว เขาจะไม่ดีใจได้เช่นไร!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้คิดว่าทั้งหมดนี้ต่างเปลี่ยนไปราวความจริงและความฝัน
เพราะคนตรงหน้านี้ คือคนที่เขาคิดถึงมาโดยตลอด เธองดงาม งดงามจริงๆ จนทำให้แทบหายใจไม่ออก
มงกุฎประณีตสวยงามแดงสดนั้น ทำให้ผิวของเธอยิ่งขาวผ่องดุจหิมะ งดงามหมดจด
เมื่อเธอประทินโฉม ยิ่งทำให้เธองดงามสะดุดตามากขึ้น
บนใบหน้าประณีตนั้น คิ้วคู่โค้งงอนดุจทิวเขา ดวงตาคู่งามกระจ่างใส กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความลุ่มหลง ความรัก จ้องมองมายังเขา ทำให้ใจของเขาแทบอ่อนระทวย
ริมฝีปากชุ่มฉ่ำดุจบุปผานั้น เนียนนุ่มงดงามราวกับมีน้ำไหลวน เขากลืนน้ำลายเมื่อมอง จนอดคิดไม่อยากสนใจสิ่งใด แทบพุ่งเข้าไปแนบชิดไม่ได้
“เหยาเหยา เจ้างดงามยิ่งนัก!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดร้องขึ้นอย่างตกใจไม่ได้
และเขาพูดความจริง คนด้านล่างงดงามจนหวาดหวั่น กระตุ้นเย้ายวนใจ
ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อยากซ่อนเธอเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้ยลโฉมขึ้นมา
เพราะเพียงเขาเลิกหมวกคลุมหน้าเจ้าสาวออก ภายในห้องอึกทึกพลันมีเสียงสูดลมหายใจอย่างรอคอยดังขึ้นต่อเนื่อง
ยังมีสายตาตกตะลึงชื่นชอบของทุกคนที่ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋โมโหขึ้นมา
เหยาเหยาคือคนของเขา จะให้ผู้คนโหยหาเช่นนี้ได้เช่นไร!
แม้เมื่อเห็นสายตาอิจฉาของผู้อื่นแล้ว จะทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกภูมิใจ เพราะหลังจากวันนี้ไป เหยาเหยาคือพระชายาของเขา คือผู้หญิงของเขา เป็นของเขาเพียงผู้เดียว!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋ค่อยๆ ถูกเติมเต็มด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ
แต่ทันใดนั้นฉีอิงอิง ที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นความรักอันลึกซึ้งของทั้งสองคน จึงส่งเสียงร้องราวกลัวสวรรค์ยังวุ่นวายไม่พอขึ้นมา
“โอ๊ะ เจ้าบ่าวถูกเจ้าสาวทำให้หลงใหลแล้ว พวกเราอิจฉาเสียจริง เร็วๆ เจ้าบ่าวรีบจุมพิตเจ้าสาวเถิด พวกเรารอไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่!”
“ถูกต้อง ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านรีบจุมพิตเจ้าสาวเร็วเข้า!”
ถงหย่าเอ๋อร์ ที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นด้วยเช่นกัน
ผู้อื่นได้ยินต่างโห่ร้องขึ้นมา
แม้รู้ว่าการป่วนห้องหอเป็นเรื่องสมควรต้องทำ แต่เมื่อได้ยินพวกเธอโห่ร้องหัวเราะเช่นนี้ ยังคงทำให้เล่อเหยาเหยาอดหน้าแดงไม่ได้
ดวงตาคู่งามแฝงความโกรธเคืองและเขินอายนั้น ถลึงกลอกตาให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋แวบหนึ่ง เพื่อให้เขาออกตัวจัดการ ไม่ให้พวกเธอก่อความวุ่นวาย
แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้เลยว่าสายตาแฝงความโกรธเคืองและเขินอายของตนเวลานี้ ในสายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายปีศาจน้อยแสนเย้ายวนที่กำลังล่อลวงเขา
จนอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มองเล่อเหยาเหยาอดปรากฎความร้อนแรงขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้
รวมทั้งเมื่อครู่ถูกคนกรอกสุราอยู่ด้านนอกไปไม่น้อย เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตอนนี้จึงเมามายห้าหกส่วน จะทนต่อการล่อลวงของเล่อเหยาเหยาเช่นนี่ได้อย่างไร!
ดังนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เมื่อสบกับใบหน้าโกรธเคืองแฝงเขินอายของเล่อเหยาเหยา และได้ยินเรียงโห่ร้องเฮฮาของทุกคน สุดท้ายสายตาจับจ้องอยู่บนริมฝีปากงามของเล่อเหยาเหยา
เวลานี้เขาอยากจุมพิตเธอจริงๆ เพื่อลิ้มลองริมฝีปากหวานหอมที่ทำให้เขาไม่ลืมเลือนคู่นั้น
อาจเพราะมองความหมายในสายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ออก ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาร้อนผ่าว สายตาที่มองเขาแฝงด้วยการตำหนิและเขินอายหลายส่วน
ใบหน้าเล็กเพราะเขินอายจึงแดงก่ำนั้น ทำให้ เธอเย้ายวนจับใจ ดุจดอกเหมยเพิ่งเบ่งบาน งดงามแฝงขวยเขิน
เห็นเช่นนั้น ไม่เพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ใจเต้นแรง เสียงสูดหายใจภายในห้องดังมากขึ้น
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้นรู้สึกเต็มไปด้วยความปรารถนามากล้น จึงยื่นมือใหญ่ออกยกริมฝีปากเล่อเหยาเหยาขึ้น ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน ประกบปากลงบนริมฝีปากเย้ายวนใจที่ตนกระหายมานานอยู่นั้น!
เวลานี้เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ ในใจทั้งขวยเขินและอับอาย ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ก่อนคิดผลักเหลิ่งจวิ้นอวี๋ออก เพราะต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอรู้สึกกระดากยิ่งนัก
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายล่วงรู้แผนการของเล่อเหยาเหยา จึงใช้มือรัดมือของเธอไว้ จากนั้นใช้มืออีกข้างกดท้ายทอยของเธอเพิ่มจุมพิตนี้ให้หนักหน่วงมากขึ้น
จุมพิตอ่อนโยนทว่ากลับไม่สูญเสียความดุดัน อ้อยอิ่งร้อนระอุ ดุจพายุทอร์นาโดโหมซัดเข้ามาในสมองเล่อเหยาเหยาไม่หยุด
วิธีการจุมพิตอันชำนาญนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัวจนมิอาจถอนตัวขึ้นมาได้
เมื่อเล่อเหยาเหยาค่อยๆ ได้สติกลับมา จึงพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่อันอ่อนนุ่มนี้แล้ว
คนอื่นภายในห้องไม่รู้จากไปจนหมดตั้งแต่เมื่อใด เวลานี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาขวยเขินหงุดหงิดอย่างยิ่ง ก่อนผลักชายหนุ่มที่กำลังจุมพิตบนซอกคอเธอไม่หยุด ก่อนเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“อวี๋ ท่านน่าชังยิ่งนัก เมื่อครู่ท่านทำเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าจะยังมีหน้าเจอผู้คนเช่นไร!”
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพบ ข้าอยากซ่อนตัวเจ้าไว้ ไม่ให้ผู้ใดพบเจอเจ้า!”
สำหรับความโกรธเคืองของภรรยาตน เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับหัวเราะอย่างเบิกบานที่สุดออกมา
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำแหบพร่าทว่ากลับไม่สูญเสียความสุขนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาทั้งเขินอายและหงุดหงิด
แต่ต้องเอ่ยว่าเธอเวลานี้ในใจรู้สึกเบิกบานเป็นที่สุด
“อวี๋ ท่านตอนนี้กำลังหึงหวงหรือ!”
“ฮ่า ๆ ถูกต้อง ข้าหึงหวงยิ่งนัก เจ้าเป็นของข้า มีเพียงข้าเท่านั้น! ดังนั้นข้าไม่ต้องการให้ชายอื่นเห็นเจ้า ชื่นชอบในตัวเจ้า!”
เอ่ยจบจุมพิตดุดันร้อนแรงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ประกบลงบนริมฝีปากนุ่มของเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง ก่อนดูดกลืนน้ำหวานภายในปากของเธออย่างลึกล้ำ
สองมือเริ่มดึงทึ้ง ก่อนได้ยินเพียงเสียง ‘แคว่ก’ ดังขึ้นพร้อมเสื้อผ้าบนกายเล่อเหยาเหยาพลันถูกฉีกออก
…………………………………………………………………………………..
[1] หลิวสุ่ยสี (流水席) เป็นงานกินโต๊ะที่อาหารทุกจานจะต้องมีน้ำซุป อาหารทุกรายการจะต้องเสิร์ฟไม่ให้ขาดตอนประหนึ่งสายน้ำไหลไม่ขาดสาย จึงได้รับการเรียกขานว่าหลิวสุยสี
[2] สี่เหนี่ยง (喜娘) คือหญิงที่แต่งงานแล้ว ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว โดยคอยช่วยเหลือและแนะนำเจ้าสาวในพิธีแต่งงาน