สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 218 เจ็ดรอบในหนึ่งราตรี (3)
เมื่อถูกเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าตนถอดเสื้อผ้าให้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนใบหน้าร้อนผ่าว รู้สึกตนไร้ประโยชน์
เพราะตนคือพี่ชาย กลับถูกน้องสาวถอดเสื้อผ้าให้ ตนช่างโง่เขลาเสียจริง!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกท้อแท้และกังวลใจ ต่อไปเขาต้องถอดเสื้อผ้าด้วยตนเอง ไม่ให้ผู้อื่นปรนนิบัติ มิฉะนั้นต้องอับอายขายหน้า
ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ความคิดในใจของเหลิ่งอวี้เซวียน เพียงหลังจากถอดเสื้อผ้าเหลิ่งอวี้เซวียนลง ก็นำมาวางลงบนเก้าอี้สะอาดด้านข้าง เพื่อไม่ให้สกปรก
เพราะเสื้อผ้าของพี่ชายสวยงามยิ่งนัก เมื่อสัมผัสเรียบเนียน นุ่มสบายยิ่งนัก
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเสื้อผ้าก็สวยงามเรียบเนียนเช่นนี้ได้ด้วย สวยงามกว่าเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอเสียอีก
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ทางด้านเหลิ่งอวี้เซวียนนั้นหลังจากถอดเสื้อผ้า นำร่างเปลือยเปล่าเลียนแบบท่าทางเมื่อครู่ของซินเอ๋อร์ ก่อนหยิบกระบวยตักน้ำขึ้นมาสาดลงบนกาย
โชคดีตอนนี้เป็นฤดูร้อน เมื่อสาดน้ำเย็นลงบนกายจึงไม่ต้องกลัวความหนาว
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เหลิ่งอวี้เซวียนอาบน้ำเช่นนี้!
ก่อนหน้านี้เวลาเขาอาบน้ำ น้าเซี่ยผิงจะให้คนจัดเตรียมน้ำร้อนบรรจุจนเต็มถังอาบน้ำ ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้สด ดังนั้นหลังอาบน้ำเสร็จบนกายเขาจึงมีกลิ่นหอม
จากนั้นหลังอาบน้ำเสร็จ น้าเซี่ยผิงจะอุ้มเขาขึ้น ก่อนเช็ดตัวให้สะอาด จากนั้นทาแป้งหอมลงบนกายเขา แป้งหอมนั้นคือแก้ผดผื่นคัน และหอมเป็นพิเศษ!
เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าที่นี่ไม่มีขั้นตอนปฎิบัติดีเลิศเช่นนั้นแน่นอน
แต่เมื่อตนใช้กระบวยอาบน้ำ ความรู้สึกยามน้ำเย็นถูกราดลงจากเหนือศีรษะลงมาสดชื่นยิ่งนัก ทันใดนั้นทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนมีความสุข
แต่ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนพลันรู้สึกถึงความผิดปกติที่ท่อนล่างตน ร่างกายอดตะลึงงันไม่ได้ ก่อนพลันก้มมอง
เห็นเพียงเวลานี้ ซินเอ๋อร์ไม่รู้นั่งลงมองระหว่างขาของเขาตั้งแต่เมื่อใด และใช้มือเล็กลูบไล้นกน้อยที่ท่อนล่างของเขาไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“สวรรค์ พี่ชาย ร่างกายท่อนล่างของท่านมีสิ่งประหลาด น่ากลัวยิ่งนัก!”
เอ่อ“
เมื่อได้ยินเสียงตกใจประหลาดใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันตะลึงงัน และไม่ได้เขินอายใดๆ ทั้งนั้น
เพราะยังเป็นเด็ก ความจริงจึงไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง
แต่ตอนนี้เห็นซินเอ๋อร์ใช้มือลูบไล้นกน้อยเขาไม่หยุด ด้วยสีหน้าตกใจ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนตะลึงงัน หลังได้สติจึงรีบเอ่ยขึ้น
“นี่ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาด!”
“ไม่ใช่สิ่งประหลาดเช่นนั้นคือสิ่งใด เหตุใดมีเพียงบนกายของพี่ชาย ข้าจึงไม่มีเล่า ท่านดูข้าสิ!”
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน ดวงตาโตพลันมองท่อนล่างของซินเอ๋อร์ จริงอย่างที่คิด ท่อนล่างของซินเอ๋อร์ราบเรียบ ไม่มีสิ่งใดทั้งนั้น
ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงตกตะลึง!
สวรรค์ เหตุใดจึงมีเพียงบนกายเขาที่มีนกน้อยตัวนี้ บนกายซินเอ๋อร์กลับไม่มี หรือสิ่งนี้คือสิ่งแปลกประหลาดจริงๆ!
สวรรค์ หากหลังถูกคนรู้ว่าบนกายเขามีสิ่งประหลาด ผู้อื่นจะเล่นสนุกกับเขาอีกหรือไม่ หรือทุกคนต่างจะคิดว่าเขาคือสัตว์ประหลาด!
ยิ่งคิด เหลิ่งอวี้เซวียนยิ่งหวาดกลัวในใจ ทั่วร่างกายค่อยๆ แข็งทื่อเป็นหิน
อาจเพราะรับรู้ถึงความผิดปกติของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์รู้ว่าเขากำลังเสียใจ จึงพลันตบหน้าอกก่อนเอ่ยขึ้น
“พี่ชายไม่ต้องกลัว เรื่องบนกายพี่ชายมีสิ่งประหลาด ข้าไม่พูดออกไปแน่นอน และข้าก็ยังจะเล่นกับพี่ชายไปตลอด!”
“ซินเอ๋อร์ เจ้าช่างดีนัก!”
ช่างเป็นน้องสาวที่แสนดี แม้เขาจะเป็น ‘สัตว์ประหลาด’ เธอจะไม่ทอดทิ้งเขา!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนซาบซึ้งอย่างยิ่ง พลันตั้งปณิธานในใจ ต่อไปต้องดูแลน้องสาวผู้นี้ให้ดี!
เพราะตั้งแต่เด็ก เขามีน้องชายกลับไม่มีน้องสาว ดังนั้นเขาจึงชื่นชอบน้องสาวผู้นี้อย่างยิ่ง!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนก็ไม่คิดถึงเรื่องสิ่งแปลกประหลาดบนร่างกายตนอีก อย่างมากวันหน้าให้คนแอบตัดมันออกก็เพียงพอแล้ว แม้เรื่องนี้จะเจ็บปวดอย่างยิ่ง!
สำหรับความคิดในเวลานี้ หลังเหลิ่งอวี้เซวียนโตเป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิง อดรู้สึกอับอายไม่ได้ โชคดีขณะนั้นเขาไม่ให้คนตัดไป มิฉะนั้นเขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต แน่นอนนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นทีหลัง!
ตอนนี้เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์หลังอาบน้ำเสร็จพากันสวมเสื้อผ้า
แน่นอนว่าเพราะเหตุผลที่เหลิ่งอวี้เซวียนมีเสื้อผ้าชุดนี้เพียงชุดเดียว เขาจึงสวมเสื้อผ้าชุดเดิม โชคดีเสื้อผ้าเขาไม่ได้สกปรก
ส่วนซินเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปสวมกระโปรงเล็กอีกตัวของตน
กระโปรงเล็กสีชมพูตัวนี้ มีรูปแบบเดียวกับตัวก่อนหน้านั้นของเธอ
หลังอาบน้ำเสร็จ ก็ดึกมากแล้ว
และไม่นานด้านนอกก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก
เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ต่างนอนอยูบนเตียงขนาดเล็กนั้น
ด้านนอกฟ้าแลบไปมา แสงสายฟ้าสีขาวใสอันดุร้ายนั้นสั่นสะเทือนทั่วท้องฟ้า ทำให้ทั่วแผ่นดินสว่างสลับมืดมิด น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
จากเสียงฟ้าแลบอึกทึกดังสนั่น ทำให้เด็กน้อยทั้งสองตกใจอย่างหนัก
ดังนั้นเด็กน้อยสองคนบนเตียงเล็ก เพราะหวาดกลัวเสียงฟ้าแลบด้านนอก จึงตกใจจนกอดกันแน่น
ตั้งแต่เด็กเหลิ่งอวี้เซวียนหวาดกลัวฟ้าแลบ และทุกวันที่เข้านอน เขามีคนคอยอยู่ข้างกายตลอดเวลา เขาจึงหลับโดยไม่หวาดกลัว
เพราะเขาคือเด็ก แม้ฟ้าจะถล่มลงมา ก็มีคนต้านทานมันไว้ให้เขา
แต่ตอนนี้เขาไร้คนข้างกาย มีเพียงเด็กเช่นพวกเขาสองคน
แม้ในพวกเขาสองคน เขาคือพี่ชาย ควรปกป้องน้องสาวจากทุกสิ่ง แต่เมื่อเกิดฟ้าแลบ ช่างน่ากลัวเสียจริง!
เหลิ่งอวี้เซวียนอยากทำหน้าที่พี่ชาย แต่เขาหวาดกลัวฟ้าแลบมาตั้งแต่เด็ก จึงเพียงสั่นเทามุดอยู่ในผ้าห่ม
กลับเป็นซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเขาหวาดกลัวจึงยื่นแขนสั้นโอบกอดเขาไว้ และยังใช้คำพูดที่ปกติมารดาเอ่ยปลอบเธอ เอ่ยกับเขาขึ้น
“พี่ชายไม่ต้องกลัว มีซินเอ๋อร์อยู่ข้างกาย ท่านแม่พูดว่าเทพสายฟ้าจะลงโทษคนเลวเท่านั้นพวกเราไม่ได้ทำเรื่องผิด ดังนั้นท่านเทพไม่ทำร้ายเราแน่นอน!”
“จริงหรือ ท่านแม่ของข้าไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกสงสัย แต่กลับเห็นซินเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ก่อนเอ่ยอย่างหนักแน่น
“นั่นย่อมคือความจริงแน่ ท่านแม่ไม่โกหกข้า”
“โอ เช่นนั้นก็ดี”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นดวงตากระจ่างใสตรงหน้าคู่นี้ เขาเชื่อมั่นในตัวเธอ
และความหวาดกลัวในใจ ก็ค่อยๆ ลดลงไม่น้อย
ด้านนอกเสียงฟ้ายังคงดังสนั่นไม่รู้จบ แต่คนสองคนภายในห้องกลับกอดกันกลมอบอุ่นอย่างที่สุด
หลังจากนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์พูดคุยบางอย่างอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายทั้งสองจึงเหนื่อยล้า ไม่นานค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
คืนนี้ทั้งสองคนหลับสนิทเป็นพิเศษ!
เช้าวันถัดมา ซินเอ๋อร์ถูกคนเขย่าปลุกตื่นขึ้น
ดวงตากระจ่างใสค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างงัวเงีย สิ่งที่เห็นกลับเป็นใบหน้าของมารดา
ซินเอ๋อร์เห็นพลันดวงตาเบิกกว้าง เอ่ยอย่างดีใจ
“ท่านแม่ อรุณสวัสดิ์”
“ซินเอ๋อร์ เด็กผู้ชายข้างกายเจ้าคือผู้ใด เหตุใดเขาจึงมาอยู่ในเรือนของเรา”
ผู้พูดคือหลี่ซื่อ มารดาของซินเอ๋อร์
หลี่ซื่อคือหญิงสาวที่อายุเพิ่งยี่สิบปี รูปร่างหน้าตาถือว่าไม่เลว รูปโฉมของซินเอ๋อร์สืบทอดมาจากเธอ
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เพราะฐานะทางครอบครัวไม่ดี หลี่ซื่อเพื่อทำงานหาเงิน จึงมักออกไปด้านนอกรับจ้างทำงานหนักของผู้อื่น
ยุ่งจนตีสามจึงจะกลับมา
เมื่อคืนหลังเธอกลับมา เห็นบุตรสาวนอนหลับสนิทอยู่ในผ้าห่ม จึงไม่คิดสิ่งใด และตนก็เหนื่อยล้าจึงกลับไปนอนที่เตียง
แต่เมื่อตื่นขึ้นมาไปดูบุตรสาวอีกครั้ง กลับพบว่าบนเตียงของบุตรสาวยังมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ ทันใดนั้นหลี่ซื่อจึงตกใจ
และเมื่อเห็นเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายนั้น รู้ว่าหรูหราราคาแพง
เด็กที่ครอบครัวยากจนหายไป ล้วนตามหากันไม่รู้จบ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเป็นเด็กจากครอบครัวเศรษฐี เกรงว่าคนในครอบครัวเด็กผู้นี้เพราะตามหาเขา ต้องโกลาหลวุ่นวายหนักแน่นอน ดังนั้นหลี่ซื่อจึงแข็งใจปลุกบุตรสาวของตน ก่อนเอ่ยถามอย่างกังวล
เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา ซินเอ๋อร์จึงกระพริบตาอย่างงัวเงียชั่วขณะ ก่อนหันไปมองเด็กผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายตน ทันใดนั้นอาจเพราะยังไม่ได้สติครบถ้วน เพียงเอียงศีรษะคิดอยู่นาน จึงนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากเล่าเรื่องว่าเหตุใดพบกับพี่ชายผู้นี้ และให้เขากลับมานอนที่เรือนทั้งหมดออกมา
หลี่ซื่อได้ยินขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายถอนหายใจออกมา
ประจวบกันกับเวลานี้เหลิ่งอวี้เซวียนก็ตื่นขึ้นมาพอดี
แม้หลับสนิทตลอดคืน แต่เพราะตั้งแต่เด็กไม่เคยนอนในที่แข็งเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อได้สติ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงรู้สึกเพียงเจ็บปวดไปทั่วร่างกายอย่างที่สุด
หลังส่งเสียงโอดครวญออกมา กลับเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง จึงพลันตกใจอย่างหนัก
หลังได้สติ จึงนึกขึ้นว่าคนผู้นี้น่าจะคือมารดาของซินเอ๋อร์ ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนพลันลุกนั่งตัวตรง เพราะได้รับการสั่งสอนอบรมตั้งแต่เด็ก เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเข้าใจ ดังนั้นจึงเอ่ยทักทายหลี่ซื่ออย่างมีมารยาท
“สวัสดีขอรับท่านน้า”
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนมีมารยาทเช่นนี้ ทำให้หลี่ซื่อชื่นชอบและอดกังวลขึ้นมาพร้อมกันไม่ได้
เด็กน้อยที่มีมารยาทเช่นนี้ ต้องเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์อย่างแน่นอน!
พอคิดถึงตรงนี้ หลี่ซื่อพลันสอบถามว่าเรือนของเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่ที่ใด เพื่อคิดส่งเขากลับไป
ผู้ใดจะรู้ หลังถามอยู่นานหลี่ซื่อรู้เพียงเด็กชายผู้นี้ เรือนโอ่อ่าหรูหรา มีบ่าวไพร่มากมาย ส่วนอื่นกลับไม่รู้
สำหรับเรื่องนี้ หลี่ซื่อลำบากใจอย่างยิ่ง
เพราะในเมืองหลวงครอบครัวเศรษฐีร่ำรวยถือว่ามีไม่น้อย!
หลี่ซื่อก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้นี้คือคนในตระกูลใด
และกลัวว่าหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ครอบครัวของเด็กผู้นี้ต้องกังวลอย่างหนักแน่นอน จึงคิดออกไปสืบหาข่าว หลังรู้ว่าเด็กคือผู้ใด ค่อยให้ครอบครัวของเด็กผู้นี้มารับตัวไป
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินจึงพยักหน้า
สุดท้ายหลี่ซื่อจึงกำชับซินเอ๋อร์ ให้พวกเขาสองคนอยู่แต่ในเรือน ส่วนเธอจะออกไปสืบหาข่าวเรื่องครอบครัวของเหลิ่งอวี้เซวียน
เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ได้ยินต่างพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นหลี่ซื่อรีบร้อนออกไป ทว่าเธอยังทำอาหารเช้าไว้ให้
ซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนหลังล้างหน้า พลันนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อทานอาหารเช้า
เพราะครอบครัวซินเอ๋อร์ฐานะไม่ดี หลายปีมานี้บิดาค้าขายขาดทุน ดังนั้นมารดาแม้จำใจ ก็ต้องออกไปช่วยทำงานให้ผู้อื่นด้านนอก
แม้เวลานี้เธอจะไม่รู้ว่าสิ่งใดคือขาดทุน
แต่เด็กมีความคิดจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่คิดมาก เพียงอิ่มท้องมีของกินก็เพียงพอแล้ว
ดังเช่นในตอนนี้ แม้บนโต๊ะมีเพียงโจ๊กสองชาม ผักดองหนึ่งจาน และหมั่นโถวสองลูกวางอยู่บนโต๊ะ แต่ทั้งสองต่างหิว ดังนั้นจึงทานอย่างเอร็ดอร่อย
ความจริงซินเอ๋อร์คุ้นชินกับการทานของพวกนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเนื้อใดต่างอร่อย และมีเพียงตรุษจีนเท่านั้นจึงจะมีของกิน
ดังนั้นเมื่อทานของพวกนี้ ความจริงจึงไม่รู้สึกสิ่งใด
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนที่คุ้นชินกับการทานอาหารรสเลิศมามากมาย การทานอาหารเช้าเรียบง่ายเช่นนี้ถือเป็นครั้งแรก
แต่เพราะความหิว เขาจึงไม่สนใจและทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ สำหรับสิ่งที่ตนไม่ชื่นชอบจะหลีกเลี่ยงไม่ทาน
เพราะตอนนี้หากเขาเลิกทานอีก คงต้องเตรียมหิ้วท้องหิวแน่!
หลังทานอาหารเช้า ด้วยทั้งสองคนต่างเป็นเด็ก เหตุใดจะยอมเชื่อฟังอยู่แต่ในบ้านโดยดี!
โดยเฉพาะหลังพายุฝนเมื่อคืนผ่านไป วันนี้อากาศจึงแจ่มใสเป็นพิเศษ กระทั่งสายลมพัดผ่านยังแฝงไปด้วยความเย็น ไม่ได้ร้อนระอุเช่นก่อนหน้านี้
บนพื้นมีหลุมบ่อที่มีน้ำขังมากมาย สะท้อนท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว
ในฤดูร้อนอากาศดังเช่นในตอนนี้หาได้ยากยิ่งนัก
ดังนั้นเมื่อซินเอ๋อร์ออกมานอกเรือน มองเห็นท้องฟ้าอันสดใสนั้น หมุนตัวเอ่ยเสนอให้ไปเล่นสนุกทางภูเขาด้านหลังนั้นกับเหลิ่งอวี้เซวียน
เพราะคือเด็ก เหลิ่งอวี้เซวียนจึงย่อมเอ่ยปากตกลง
และก็คิดว่าตอนนี้หลี่ซื่อ ออกไปตามหาครอบครัวของเขา เรื่องของผู้ใหญ่มักทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลสิ่งใด เพียงเล่นสุนกอยู่กับซินเอ๋อร์ทางภูเขาด้านหลังอย่างมีความสุข