สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 219 สหายวัยเยาว์ (1)
และการเล่นสนุกครั้งนี้ผ่านไปตลอดทั้งบ่ายแล้ว
สองวันมานี้ประสบการณ์ครั้งแรกของเหลิ่งอวี้เซวียน ช่างมีมากมายเหลือเกินจริงๆ กระทั่งใช้นิ้วมือสิบนิ้วนับก็ยังไม่หมด
ครั้งแรกที่เขาทานหมั่นโถวเย็นชืดแข็งราวกับหิน ครั้งแรกที่เขาใช้กระบวยอาบน้ำ ครั้งแรกที่นอนบนเตียงไม้แข็งทื่อ ไร้คนคอยอยู่ข้างกาย ครั้งแรกที่ทานอาหารเช้าเรียบง่ายเช่นนี้…
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขารู้สึกว่าตนมีความสุขยิ่งนัก คล้ายนกน้อยออกจากรัง บินทะยานอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ
วันนี้เขาสร้างประสบการณ์ครั้งแรกมากมาย
เมื่อฤดูร้อนมาถึง ภายในทุ่งนามีกบมากมายกระโดดโลดเต้น
เสียงกบร้อง ‘อ๊บๆ’ นั้นคึกคักยิ่งนัก
ซินเอ๋อร์เล่าว่าเนื้อกบ เมื่อเสียบไม้แล้วย่างไฟจะอร่อยที่สุด
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์จึงจับกบในทุ่งนาทางเขาด้านหลัง
การจับกบคืองานที่ต้องใช้ความชำนาญ เหลิ่งอวี้เซวียนไม่เคยทำเรื่องพวกนี้มาก่อน และกบนั้นคล่องแคล่ว กระโดดรวดเร็วและสูง เขากระโจนเข้าไปอย่างระมัดระวังทุกครั้งจนแทบจับมันได้ ทว่ากบพวกนั้นเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว จึงกระโดดหนีจากมือเขา
ไม่นานเขาจับกบไม่ได้แม้ตัวเดียว ทว่าบนกายกลับเต็มไปด้วยโคลน
ท่าทางนั้น คล้ายเพิ่งผ่านการอาบโคลนตม สกปรกอย่างยิ่ง
ทำให้ซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างหัวเราะไม่รู้จักจบ
แม้ในใจจะหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นท่าทางดีใจของซินเอ๋อร์ อารมณ์ของเหลิ่งอวี้เซวียนก็พลอยมีความสุขขึ้นมา
ต่อมาซินเอ๋อร์จับกบมาได้หนึ่งตัว จากนั้นเก็บกิ่งไม้ขนาดเล็กขึ้นมา บนกิ่งไม้พันด้วยเชือก ส่วนอีกด้านกลับพันกบที่ถูกชำแหละลงไป จากนั้นโบกขึ้นลงอยู่ในมือ
“พี่ชาย กบกระโดดรวดเร็ว พวกเราจึงจับมันไม่ได้ ท่านแม่สอนข้าว่าต้องทำเช่นนี้ กบจะมองสิ่งของที่เคลื่อนไหว ก่อนจะกระโดดเข้ามากัด จากนั้นพวกเราจะสามารถนำกบวางลงในถุงได้”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างช้าๆ เหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายไม่เชื่อมั่น แต่เขาเห็นซินเอ๋อร์ขยับมือ จากนั้นไม่นานดึงดูดกบจำนวนไม่น้อยจริงอย่างที่คิด เห็นเพียงกบพวกนั้น เมื่อเห็นขากบที่ถูกมัดด้วยเชือกตัวนั้นต่างเข้ามากัด
ส่วนซินเอ๋อร์จับกบที่กัดเชือกขึ้นมาชำนาญ จากนั้นวางลงไปในถุงอีกด้านอย่างรวดเร็ว
ถุงนั้นใบใหญ่ แม้กบคิดกระโดดออกมาต่างทำไม่ได้
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนแปลกใจอย่างสุดขีด
ที่แท้สามารถจับกบเช่นนี้ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้!
เพราะรู้สึกแปลกใหม่น่าสนใจ ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงทำตามวิธีการของซินเอ๋อร์ หยิบกระบองขึ้นมา จากนั้นใช้เชือกพันปลายกระบอก ส่วนอีกด้านคือขากบ จากนั้นขยับมือเบาๆ ไม่นานดึงดูดกบให้เข้ามาจำนวนไม่น้อยจริงๆ
ดังนั้นบ่ายนั้น เหลิ่อวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ต่างจับกบได้มากมาย
เมื่อเห็นผลงานในมือ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกภาคภูมิใจเป็นครั้งแรก!
ถูกต้อง นั้นคือความภาคภูมิใจ!
ตนสามารถใช้สองมือของตนจับสัตว์เป็นอาหารทานได้ เขาจะไม่ภูมิใจได้เช่นไร!
เพื่อผลลัพธ์นี้ เหลิ่งอวี้เซวียนตรวจสอบในถุงนั้นครู่หนึ่ง สุดท้ายเมื่อซินเอ๋อร์ร้องเรียกจึงเดินเข้าไป
ซินเอ๋อร์อายุน้อย แต่สมกับเป็นเด็กในครอบครัวยากจน ไร้สิ่งของเลิศรส ผลไม้ป่า กบ และปลาในแม่น้ำต่างกลายเป็นอาหารของพวกเขา
และซินเอ๋อร์ชื่นชอบพลิกแพลงการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นการย่างกบ ถือเป็นเรื่องที่เธอชำนาญ
หลังนำกบแต่ละตัวเสียบลงไม้ยาว ย่างด้วยไฟอ่อน
ก่อนออกจากบ้าน ภายในถุงของซินเอ๋อร์นำเกลือติดมาเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อกบถูกเธอย่างจนเป็นสีเหลืองทอง เธอโรยเกลือลงบนตัวกบที่ย่างนั้น
หลังย่างจนเนื้อกบส่งกลิ่นหอมออกมาไม่หยุด เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ต่างน้ำลายแทบไหลออกมา
“นี่พี่ชาย กบพวกนี้ให้ท่าน ทั้งหมดนี้สุกแล้ว ทานได้”
หลังนำกบย่างไม้ใหญ่ยื่นให้เหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์หยิบกบย่างไม้เล็กขึ้นทาน
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ก็พลันหยิบกบย่างไม้นั้นขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย ทว่าเพราะทานเร็วเกินไป จึงแทบถูกลวก
ก่อนอดยิ้มให้แก่ซินเอ๋อร์ไม่ได้
เด็กน้อยทั้งสองคนนั่งอยู่บนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม ด้านหน้าคือทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา ด้านหลังคือภูเขาสูงแม่น้ำใหญ่
แสงอาทิตย์เจิดจ้าเหนือศีรษะ สายลมเย็นพัดเอื่อย ท้องฟ้าสดใสเมฆขาว เด็กสองคนนั่งแนบชิดกัน แม้บนกายทั้งสองยังคงสกปรก แต่ใบหน้าเล็กอมชมพูทั้งสองนั้น กลับเผยความรู้สึกเปี่ยมด้วยความสุขออกมา ทำให้คนที่เห็นต่างอดยิ้มไม่ได้
เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ทานจนอิ่มท้อง นอนลงบนหญ้าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนปีนต้นไม้เก็บไข่นกกับซินเอ๋อร์ และเก็บผลไม้ป่าในทุ่งนาลูกเล็กรสชาติหวานมาทาน
ผลสีดำนั้น น้ำก็มีสีดำ แต่ทานแล้วหวานยิ่งนัก!
ซินเอ๋อร์มักมาทานผลไม้ป่าพวกนี้ แม้จะไม่รู้ชื่อของมัน
ต่อมาทั้งสองทานจนฟันกลายเป็นสีดำ และมองฟันของอีกฝ่ายพร้อมหัวเราะลั่นไม่หยุด
ช่วงเวลาแห่งความสุข มักผ่านไปเร็วเช่นนี้เสมอ
คล้ายเพียงพริบตาเดียว พระอาทิตย์คล้อยจากทิศตะวันออกลงสู่ทิศตะวันตก พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว
เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ต่างเล่นสนุกจนเหนื่อยล้า จึงคิดกลับไปพักผ่อน ก่อนพรุ่งนี้จะมาเล่นสนุกกันอีกครั้ง ผู้ใดจะรู้เวลานี้คนในวังอ๋องได้มารับเขาแล้ว
หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยาได้รับข่าวรีบร้อนเดินทางมา เมื่อเห็นบุตรชายตนปลอดภัย อดถอนหายใจอย่าง โล่งอกไม่ได้ แต่เมื่อเห็นร่างกายเต็มไปด้วยโคลน เส้นผมยุ่งเหยิง ฟันดำสนิท บนใบหน้าก็สกปรกของเด็กชายตรงหน้า ทุกคนต่างตกใจ
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าตนไม่ลำบากมากเพียงใด ใช้ชีวิตราวกับเด็กในป่า หลังเห็นคนในครอบครัวตนเข้ามา โผเข้าสู่อ้อมกอดของเล่อเหยาเหยาอย่างตื่นเต้นดีใจ ก่อนเอ่ยออดอ้อนขึ้น
“เสด็จแม่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว เซวียนเอ๋อร์คิดถึงท่านยิ่งนัก!”
“เซวียนเอ๋อร์ เซวียนเอ๋อร์ของแม่ ในที่สุดแม่ก็ตามหาเจ้าเจอ เจ้าไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ดีจริงๆ”
แม้จะรู้ว่าบุตรชายตนปลอดภัย และความตึงเครียดในใจสองวันหนึ่งคืนที่ผ่านมาผ่อนคลายลง เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ จึงทั้งร้องไห้และหัวเราะ
เพราะตั้งแต่เธอรู้ว่าเซวียนเอ๋อร์หายตัวไปจนถึงตอนนี้ กังวลหวาดกลัวมาโดยตลอด เพราะไม่รู้ว่าหากเกิดเรื่องกับเซวียนเอ๋อร์ เธอควรทำเช่นไร!
ผลลัพท์สุดท้ายนั้น เธอไม่กล้าคาดคิดเลยจริงๆ โชคดีสวรรค์คุ้มครอง เซวียนเอ๋อร์จึงปลอดภัย
เมื่อเห็นมารดากอดตนแล้วร้องไห้และหัวเราะ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าสองวันมานี้ทำให้มารดากังวลใจแล้ว ดังนั้นจึงพลันยื่นมือเช็ดน้ำตาให้มารดาทันที
แต่เขาเวลานี้ทั่วร่างกายสกปรก สองมือย่อมเปื้อนโคลน ดังนั้นเขายังไม่ได้เช็ดน้ำตาเลย กลับทำให้ใบหน้าของมารดาสกปรกเสียแล้ว เขาจึงมองอย่างรู้สึกผิด แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่ใส่ใจ
เพราะเพียงบุตรชายตนปลอดภัย เธอไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
กลับเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดยื่นผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำตาและโคลนบนใบหน้าให้เธออย่างอ่อนโยนไม่ได้ ก่อนเอ่ยปลอบโยนขึ้น
“เหยาเหยา เอาล่ะ ลูกกลับมาแล้ว เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย”
เมื่อเธอร้องไห้ ใจเขาคล้ายจะแตกสลาย!
เล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ รู้ว่าเขาปวดใจเพราะเธอ ดังนั้นจึงพยักหน้า ก่อนยืนขึ้น แต่มือยังกุมมือเหลิ่งอวี้เซวียนเอาไว้ ด้วยกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง
เวลานี้ซินเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นคนจำนวนมากพลันปรากฎตัวขึ้นกลับตกใจอย่างหนัก ต่อมาเหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเข้า จึงรีบปล่อยมือเล่อเหยาเหยาวิ่งไปที่ข้างกายของซินเอ๋อร์ ก่อนดึงมือเล็กของเธอจับจูงมาที่ด้านหน้าเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอย่างดีใจขึ้น
“เสด็จแม่ นี่คือซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์มีความสามารถหลายอย่างเลย วันนี้พวกเราไปจับกบกัน แล้วนำมาย่าง ยังมีไปเก็บไข่นก เรื่องเหล่านี้สนุกยิ่งนัก!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยเล่าประสบการณ์ โดยเล่าเรื่องความสุนกที่ทำในวันนี้ทั้งหมดออกมา ยามเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ บนใบหน้าเล็กอมชมพูนั้นดูภูมิใจยิ่งนัก
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยาเห็นสีหน้าเช่นนี้ของบุตรชาย เพราะสถานะของเหลิ่งอวี้เซวียนแตกต่างจากผู้อื่น ข้างกายห้อมล้อมด้วยเหล่าสาวใช้แม่นม แม้จะมีสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็น้อยที่จะได้เล่นสนุกเช่นนี้