สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 219 สหายวัยเยาว์ (2)
แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยากลับเห็นถึงความสุขจากใบหน้าของบุตรชาย
ดังนั้น ดวงตาคู่งามจึงกวาดมองบนกายเด็กผู้หญิงที่เหลิ่งอวี้เซวียนกุมมืออยู่
เด็กผู้หญิงคนนี้ อายุน่าจะประมาณสามสี่ขวบ สวมเสื้อผ้าธรรมดา ทว่ารูปโฉมกลับน่ารักยิ่งนัก
ผิวขาวอมชมพูนั้นดูนุ่มนิ่ม และอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าประณีตงดงามยิ่งนัก จากสิ่งเหล่านี้สามารถคาดเดาได้เลยว่าหลังเธอเติบโตขึ้น ต้องเป็นสาวงามผู้หนึ่งแน่นอน!
แต่ว่าเมื่อเห็นคนแปลกหน้ากลุ่มใหญ่ด้านหน้า ซินเอ๋อร์เขินอายอย่างชัดเจน ขณะถูกเหลิ่งอวี้เซวียนจับจูง เพียงก้มหน้าลง ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาอย่างมีมารยาท
“ท่านน้า ข้าชื่อซินเอ๋อร์”
เสียงอ่อนนุ่ม อ่อนหวานดุจขนมสายไหม
ทำให้เล่อเหยาเหยาฟังอย่างชื่นชอบ
และคิดว่าในที่สุดเหลิ่งอวี้เซวียนพบเจอกับสหายเล่นสนุกด้วยกันได้ เล่อเหยาเหยาจึงยิ่งมองยิ่งชอบซินเอ๋อร์
หลังก้มลงเอ่ยคุยหลายประโยคกับซินเอ๋อร์ หลี่ซื่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล หลังมาถึงด้านหน้าพวกเล่อเหยาเหยา ใช้มือดึงตัวซินเอ๋อร์กลับมา หมายคุกเข่าเคารพต่อผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ แต่สุดท้ายถูกเล่อเหยาเหยาประคองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เพราะครั้งนี้เป็นเพราะการช่วยเหลือของหลี่ซื่อ จึงตามตัวลูกชายพวกเขาพบ
พูดไปแล้วตอนเช้าหลังหลี่ซื่อออกจากเรือนไป ความจริงเธอไม่รู้จะตามหาครอบครัวของเหลิ่งอวี้เซวียนได้เช่นไร จึงเพียงออกไปแอบฟังว่ามีเด็กในเรือนผู้ใดหายตัวไป
ผู้ใดจะรู้เมื่อเธอเดินถึงถนนใหญ่ กลับพบบนถนนกวดขันเข้มงวด เต็มไปด้วยเหล่าองครักษ์ คล้ายกำลังตามหาบางอย่าง
ต่อมาเห็นเหล่าองครักษ์นั้นถือภาพวาดในมือ เอ่ยสอบถามผู้คนเดินไปมาไม่หยุด หลี่ซื่อจึงแปลกใจเดินเข้าไปดู เมื่อเห็นในภาพวาด จึงพบว่าเด็กน้อยที่อยู่ในเรือน กลับมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา!
ทั่วแคว้นเทียนหยวน ผู้ใดไม่รู้จักท่านอ๋องผู้มีผลงานการรบเกรียงไกร วรยุทธ์สูงส่ง หล่อเหลาไม่เป็นรองผู้ใด ห้าปีก่อนกลับตกเหวเสียชีวิตไปท่ามกลางความเหลือเชื่อของทุกคน คิดไม่ถึงห้าปีให้หลัง กลับฟื้นจากความตาย และอภิเษกกับองค์หญิงแห่งต้าเซี่ย
เรื่องราวเหล่านี้ต่างไม่ใช่ข่าวใหม่ในทั้งสองแคว้น
คนผู้นี้ คือวีรบุรุษแห่งแคว้นเทียนหยวนของพวกเขา อยู่เหนือทุกคนทั่วไป ไม่ใช่ราษฎรทั่วไปเช่นพวกเขาจะพบเจอได้ ผู้ใดจะรู้ วันนี้พวกเขากลับปรากฎตัวขึ้นมาต่อหน้าเธอ หลี่ซื่อจะไม่ตื่นเต้นกังวลได้เช่นไร
โดยเฉพาะหลังจากยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา เห็นชายหญิงอายุน้อยโดดเด่นคู่หนึ่ง
เห็นชัดพวกเธอมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่เพียงเห็นหญิงสาวตรงหน้า สวมกระโปรงหลัวฉวินสีขาวบนกาย ทำให้เธอมีรูปร่างอ่อนหวาน อ้อนแอ้นปราดเปรื่อง
ผมยาวดุจเส้นไหม ใบหน้าดุจดอกฝูหรง ผิวขาวเนียนนุ่ม ใบหน้างดงามนั้น ดุจเทพธิดาลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ทำให้ผู้คนเพียงกล้ามองอยู่ไกลๆ ไม่กล้าสบประมาท
และชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายหญิงสาว รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดสีดำคลุมกาย ทำให้เขาสูงส่งอย่างที่สุด ความดุดันที่กระจายออกมาจากกาย ทำให้ผู้คนอดหมอบแทบเท้า ก่อนเงยมองไปยังเขา
ชายหญิงอ่อนเยาว์คู่นี้ ช่างเหมาะสมกันจริงๆ งดงามจนชวนตกตะลึง ทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจ!
ดังนั้น เมื่อหลี่ซื่อเดินมาถึงตรงหน้าพวกเขา อดอยากหมอบกราบไม่ได้
ทว่าเล่อเหยาเหยยังยื่นมือประคองหลี่ซื่อขึ้นมาทันที ก่อนยิ้มมุมปาก และรอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าโดดเด่นของเธอยิ่งงดงามสะดุดตายิ่งขึ้น
ทันใดนั้น หลี่ซื่อรู้สึกเพียงคล้ายบุปผานานาพันธุ์เบ่งบานอยู่รอบกาย
และสองมือของหญิงสาวอ่อนนุ่มยิ่งนัก ดุจแพรไหมชั้นหนึ่ง มิต้องเอ่ยถึงบุรุษ กระทั่งหญิงสาวที่ได้สัมผัสเธอ ต่างหัวใจเต้นแรงและน้อยเนื้อต่ำใจ
เป็นสตรีเช่นเดียวกัน แต่พวกเธอกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
ผู้หนึ่งคือหงส์สูงส่งบนสวรรค์ งดงามไม่มีผู้ใดเทียบเท่า สวยเกินคำบรรยาย ทำให้ผู้คนอิจฉาเลื่อมใส
อีกคนกลับเป็นไก่ป่าบนพื้น แม้จะงดงามหลายส่วน แต่กลับมิอาจเทียบกับหงส์ได้!
ดังนั้นหลังสัมผัสกับมืออ่อนนุ่มคู่นั้น หลี่ซื่อพลันตกใจ ก่อนชักมือกลับทันที
เพราะหญิงสาวงดงามและงามสง่าตรงหน้านี้ คล้ายกับเทพธิดาผู้หนึ่ง ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นเธอจะสามารถแตะต้องได้
สำหรับท่าทางของหลี่ซื่อ เล่อเหยาเหยารู้ว่าเธอหวาดระแวง ดังนั้นจึงเพียงยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณน้องสาวท่านนี้ที่ดูแลเซวียนเอ๋อร์ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
แม้จะเป็นถึงพระชายา แต่เหยาเหยาไม่เคยสนใจตำแหน่งพระชายา และไม่คิดว่าสถานะของตนตอนนี้สูงส่ง ดูถูกผู้อื่น
เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอรวยขึ้นมาแบบชั่วข้ามคืน สิ่งของในโรงเรียนมากมายต่างได้รับการช่วยเหลือจากบิดาของเธอ แต่เธอยังรวมกลุ่มกับเด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดา
เพราะเธอได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าทุกคนต่างเท่าเทียม ไม่มีผู้ใดสูงส่งกว่ากัน แม้จะเป็นคนชั้นสูง ก็ไม่ได้มีผู้ใดด้อยกว่า
ดังนั้นเมื่อเจอกับความสนิทสนิทของเล่อเหยาเหยา หลี่ซื่อจึงตกใจอย่างไม่คาดฝัน ก่อนรู้สึกแปลกใจ
ก่อนเอ่ยในใจ พระชายาผู้นี้ช่างไม่ถือตัวจริงๆ ไม่คล้ายครอบครัวพวกเศรษฐีที่มักดูถูกพวกเธอเหล่าบ่าวไพร่
ครั้งแรกที่หลี่ซื่อรู้สึกตนถูกเคารพ จึงปลาบปลื้มดีใจและภูมิใจอย่างยิ่ง
จากนั้นเล่อเหยาเหยาสนทนาส่วนตัวกับหลี่ซื่อรอบหนึ่ง จึงรู้ฐานะครอบครัวของหลี่ซื่อยากจน สามีทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ต่อมากิจการล้มละลายจึงติดหนี้ก้อนใหญ่ หลี่ซื่อจึงจำต้องทิ้งบุตรสาวไว้ในเรือนเพียงลำพัง ทุกวันตนออกไปทำงานแต่เช้ากลับดึก เพื่อซักผ้าทำงานหนักในเรือนของพวกเศรษฐี
โชคดีที่บุตรสาวฉลาดเฉลียวและเชื่อฟังอย่างยิ่ง จึงเปรียบเหมือนความภูมิใจของหลี่ซื่อ
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของครอบครัวหลี่ซื่อ และเห็นเรือนกระเบื้องขนาดเล็กมากของเธอนั้น แม้การมอบเงินจะคล้ายเป็นการดูถูก แต่เล่อเหยาเหยายังให้คนมอบเงินหนึ่งพันตำลึงให้แก่หลี่ซื่อ
หลี่ซื่อจึงลังเลไม่กล้ารับ
เพราะแม้ครอบครัวพวกเธอจะยากจน แต่ก็มีศักดิ์ศรี
แต่เล่อเหยาเหยารับรู้ความคิดในใจของหลี่ซื่อ จึงกล่าวยิ้มๆ โน้มน้าวขึ้น
“เงินเหล่านี้ไม่ได้มอบให้แก่ท่าน แต่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยที่ข้ามอบให้แก่ซินเอ๋อร์ เด็กคนนี้ข้าชื่นชอบเธอยิ่งนัก เซวียนเอ๋อร์ไม่มีสหายมาตั้งแต่เด็ก และไม่เล่นกับผู้ใดได้สนุกขนาดนี้ มีเพียงซินเอ๋อร์ของพวกท่านที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าจึงหวังว่าซินเอ๋อร์จะเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข เงินเหล่านี้ ท่านนำไปใช้หนี้ให้สามีของท่านก่อน ส่วนที่เหลือสามารถนำไปค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เวลานี้ท่านไม่ต้องออกไปทำงานด้านนอกแล้ว สามารถอยู่ดูแลซินเอ๋อร์ เพราะเด็กคนนี้อายุยังน้อยนัก ปล่อยให้อยู่ในเรือนช่างไม่น่าวางใจจริงๆ”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยแจกแจงอย่างละเอียดรอบหนึ่ง หลี่ซื่อจึงรับเงินนั้นไว้ในที่สุด
เพราะครอบครัวของเธอยากจนมากจริงๆ
ตอนนี้ยังติดเงินผู้อื่นอยู่ก้อนใหญ่ สามีทำได้เพียงทำงานหาเงินมาใช้หนี้อยู่ต่างเมือง
ส่วนเธอแม้จะไม่วางใจทิ้งซินเอ๋อร์ไว้ แต่จนปัญญาจำต้องออกไปทำงานในเรือนของเหล่าเศรษฐี ถูกด่าทอทุกวัน เธอล้วนอดทนต่อไป แต่ซินเอ๋อร์ยังเล็ก ทิ้งให้เธออยูในเรือนลำพัง หากเกิดเรื่องขึ้นมา เธอควรทำเช่นไร
พอคิดถึงตรงนี้ หลี่ซื่อจึงรับเงินนี้ไว้
ต่อมาเล่อเหยาเหยาจึงพาเหลิ่งอวี้เซวียนกลับวังอ๋อง
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนเล่นสนุกมาทั้งวัน ทั่วร่างกายจึงสกปรก เธอจึงคิดพาเขากลับไปอาบน้ำให้สะอาด
สำหรับการจากลา ความจริงเหลิ่งอวี้เซวียนยังทำใจไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะเกิดมาอายุเท่านี้ ยังไม่เคยได้เล่นสนุกเท่าสองวันนี้มาก่อน
แต่เขาก็รู้ว่ามารดากังวลเป็นห่วงตน และเขาไม่กลับวังอ๋องมาสองวันหนึ่งคืนแล้ว ดังนั้นจึงฟังคำของมารดานั่งลงบนรถม้าที่รออยู่ตรงนั้น
ทว่าก่อนเขาจากไป เหลิ่งอวี้เซวียนยังร่ำลากับซินเอ๋อร์ ก่อนนัดหมายพรุ่งนี้จะมาเล่นกับซินเอ๋อร์อีกครั้ง หลังซินเอ๋อร์ตอบตกลง เหลิ่งอวี้เซวียนจึงจากไปอย่างจำใจ
เล่อเหยาเหยานั่งอยู่ในรถม้า เห็นบุตรชายเผยท่าทางตัดใจไม่ได้ที่มีต่อผู้อื่นออกมาเป็นครั้งแรก ในใจก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ เพราะเด็กน้อยต้องมีสหายให้มากจึงจะถูก
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนเมื่อรถม้าเคลื่อนตัว มองออกไปด้านนอกไม่หยุด จนกระทั่งหลังมองไม่เห็นเงาของซินเอ๋อร์ จึงดึงสายตากลับมาอย่างจำใจ
ก่อนตกใจเมื่อเห็นมารดามองตนพร้อมยิ้มอยู่ด้านข้าง จึงอดเข้าไปคลอเคลียออดอ้อนอยู่ครู่หนึ่งไม่ได้ ทันใดนั้นจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ สองคิ้วขมวดมุ่น ท่าทางราวมีเรื่องหนักใจ
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเอ่ยถามอย่างกังวล
“เซวียนเอ๋อร์ เป็นอันใดหรือ”
เพราะเมื่อครู่เห็นเซวียนเอ๋อร์เปี่ยมด้วยพลัง ไม่นานซึมเศร้าลง หายใจแผ่วเบา เล่อเหยาเหยาจึงตกใจอย่างหนัก
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา อดลืมตากลมโตมองเล่อเหยาเหยาอย่างลังเลชั่วขณะไม่ได้ ก่อนเอ่ยปากถามขึ้น
“ท่านแม่ บนกายข้ามีสิ่งประหลาดที่ผู้อื่นไม่มีขอรับ ข้าจะตายหรือไม่!”
“หา เจ้าพูดถึงสิ่งใด สิ่งแปลกปลอมใดกัน”
…………………………………………………………………………………..