สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 221 สาวน้อยกระโจนสู่อ้อมกอด (2)
บางครั้งขณะนายท่านเดินบนถนน เพราะเขารูปโฉมโดดเด่น ปกติจึงมักเกิดเรื่องเหล่าหญิงสาวตั้งใจกระแทกบนกายนายท่าน ทำให้เขาต้องรีบพลันดึงหญิงสาวพวกนั้นออกไปทันที
ดังนั้นเวลานี้ เขาเพียงคิดว่าหญิงสาวผู้นี้ เป็นดังเช่นที่ผ่านมา
แม้หญิงสาวผู้นี้ จะมีรูปโฉมงดงามกว่าคนอื่น
แต่ครั้งนี้เหลิ่งอวี้เซวียนกลับห้ามปรามเขา จึงทำให้ผิงอันแปลกใจ
ก่อนคิดในใจว่า หรือนายท่านที่ไม่ข้องแวะกับสตรี ดังเทพเซียนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก ในที่สุดก็ใจเต้น พบคู่ครอง!
พอคิดถึงตรงนี้ ผิงอันแปลกใจ ทว่ายังถอยกลับไปคอยอารักขาอยู่ที่เดิม
ทว่าดวงตาเรียบเฉยเป็นปกติคู่นั้น เวลานี้กลับมีสีสันเพิ่มขึ้น และมองสำรวจสาวน้อยในอ้อมกอดของนายท่าน
เมื่อถูกคนแอบสำรวจ ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ตัว
เพราะเธอเวลานี้กระวนกระวายใจ
เพราะเธอไม่กล้าคาดคิดจริงๆ ว่าตนจะมีวันนี้ ถูกบิดาแท้ๆ ของตนขายทิ้ง!
ถูกต้องขายทิ้ง!
แม้เธอจะรู้แจ้งตั้งแต่เด็กว่าบิดาของตน ความจริงไม่ได้รักใคร่ตน
อาจมีบางเวลาที่รักใคร่ นั่นคือตอนก่อนที่บิดาของเธอไม่ได้แต่งอนุภรรยาเข้ามา
ความจริงหรงซินเอ๋อร์มีครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุข
บิดาของเธอประกอบกิจการค้าขายไม้ ขณะก่อนที่เธออายุสามขวบ บิดาของเธอเพราะกิจการล้ม จึงมักทำงานอยู่ต่างเมือง
ภายในบ้านจึงเหลือเพียงเธอและมารดาที่ดิ้นรนใช้ชีวิตกันไป
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ บิดามารดาของเธอรักกันอย่างมาก
ต่อมาไม่รู้เพราะเหตุผลใด บิดาของเธอใช้หนี้ที่ติดค้างผู้อื่นอยู่จนหมด
รวมทั้งเวลานั้นกิจการของบิดาเธอดีขึ้นมา ดังนั้นจึงซื้อห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ฉางโจวห้องหนึ่ง ก่อนจะรับเธอและมารดาไปอยู่ด้วยกัน
เธอเวลานั้น มีความสุขที่สุด!
แม้เวลานั้นภายในครอบครัวของเธอ จะไม่ได้เป็นครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวย แต่อย่างน้อยไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร
และขณะเธออายุสิบขวบ มารดาของเธอยังคลอดน้องชายออกมาคนหนึ่ง
ดังนั้น ทั้งครอบครัวจึงมีความสุขอย่างมาก
เพราะบิดาของเธอต้องการบุตรชายมาตลอด คิดจนแทบเสียสติ
เวลานี้มารดาของเธอคลอดบุตรชายมาคนหนึ่ง เขาจะไม่ดีใจได้เช่นไร!
แต่วันเวลาที่ครอบครัวของพวกเธออยู่กันอย่างมีความสุขเกิดขึ้นได้ไม่นาน ขณะที่น้องชายอายุครบหนึ่งขวบ มีหญิงงามอุ้มท้องโตปรากฎตัวขึ้นที่หน้าบ้านของพวกเธอ
ต่อมาเธอและมารดาจึงรู้ว่าความจริงหญิงสาวผู้นี้ เพราะช่วงที่มารดาของเธอตั้งครรภ์ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับบิดาของเธอ
เวลานี้กระทั่งมีบุตรด้วยกัน
ขณะนั้นหลังมารดาเธอรู้เรื่องนี้ เสียใจอย่างหนัก รู้สึกราวโลกทั้งใบถล่มลงมา
ส่วนหญิงสาวผู้นั้น อุ้มท้องใหญ่กว่าแปดเดือนมาคุกเข่าอย่างน่าสงสารอยู่ที่หน้าประตูบ้านทุกวัน
ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดออก
มารดาของเธอเป็นคนใจอ่อน เห็นเช่นนั้นจึงอดสงสารไม่ได้
แต่คนที่ทนไม่ได้ยิ่งกว่ามารดา กลับคือบิดาของเธอ
ขณะหญิงผู้นั้นอุ้มท้องคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน บิดาของเธอคุกเข่าต่อหน้ามารดาของเธอ อ้อนวอนอย่างเสียใจ เอ่ยว่าตนรู้สึกผิดต่อมารดา
ขณะที่มารดาตั้งครรภ์อย่างลำบาก ยังมีหญิงอื่น เพราะเขามีครั้งหนึ่งไม่ระวังดื่มจนเมามายจนกระทำผิดไป เวลานี้ ซวงเอ๋อร์มีบุตรแล้ว ตอนนี้จึงต้องการเพียงฐานะอนุภรรยาเท่านั้น
บิดาของเธอเอ่ยรำพันอยู่นาน รวมทั้งหญิงสาวด้านนอกคุกเข่าอยู่ทั้งวันทั้งคืน บิดาของเธอจึงขอร้องอย่างน่าสงสาร มารดาของเธอจึงใจอ่อน ให้หญิงสาวผู้นั้นเข้ามาอยู่ในเรือน
แต่มารดาของเธอ กลับไม่รู้ว่าความใจอ่อนของตนในครั้งนั้น กลับทำให้ตนถูกบีบจนไร้หนทาง
หลูซวงคือชื่อของอนุภรรยาของบิดาเธอ
ความจริงนางคือยอดคณิกาแห่งหออวี๋หง หน้าตาอ่อนช้อยสวยงาม รวมทั้งรู้จักแต่งตัว ไม่ว่าเดินไปที่ใด ต่างทำให้บุรุษทุกคนใจเต้น
มารดาของเธอความจริงคือหญิงสาวหน้าตาไม่เลวผู้หนึ่ง
แต่ในปีนั้นที่กิจการของบิดาเธอล้มเหลว ต้องลำบากไม่น้อย และยังต้องวุ่นวายกับเรื่องภายในบ้าน จึงมีรอยตีนกาค่อยๆ เพิ่มขึ้นมา
ชายหนุ่มรักความสดใหม่ หลังหญิงผู้นั้นเข้าเรือนมา นอกจากหนึ่งเดือนแรกที่นอนร่วมห้องกับมารดาของเธอ เวลาที่เหลือต่างอยู่ในห้องของหญิงผู้นั้น
สำหรับเรื่องนี้ มารดาของเธอเสียใจอย่างหนัก แต่กลับแอบน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา
ส่วนหญิงผู้นั้น ขณะเพิ่งเข้าเรือนมายังมีท่าทางน่าคบหา แต่ไม่ถึงเดือนกลับเปลี่ยนไป
หยิ่งยโสโอหัง ต่อหน้าบิดาของเธอมีท่าทางเข้าใจเรื่องต่างๆ น่าสงสาร แต่ลับหลังบิดาเธอ กลับชักสีหน้าต่อเธอและมารดาไม่หยุด
มีครั้งหนึ่งตั้งใจทำถ้วยน้ำร้อนหกรดมือเธอ บนใบหน้าแสร้งทำเป็นขออภัย แต่แววตากลับยิ้มอย่างภูมิใจ
มารดาเธอเห็นเข้าในที่สุดอดทนไม่ได้ ทะเลาะกับหญิงผู้นั้นขึ้นมา คิดไม่ถึงหญิงผู้นั้นกลับพลันล้มลง
เลือดไหลออกมาจากในท้องของเธอ ประจวบกับเวลานั้นบิดาเธอกลับมาพอดี
เพราะหญิงผู้นั้นแท้ง บิดาจึงไม่แยกแยะถูกผิด เลิกรากับมารดาของเธอ
เธอ มารดา และน้องชายถูกไล่ออกจากบ้าน
ความโชคร้ายทุกอย่างเป็นเพราะบิดาไร้เมตตา หญิงผู้นั้นโหดเหี้ยม
สุดท้ายมารดาของเธอตรอมใจตาย ทิ้งเธอที่เพิ่งอายุสิบสอง และน้องชายอายุสองขวบไว้
สำหรับความใจดำของบิดา ชั่วชีวิตนี้เธอจึงไม่คิดพบเขาอีก แต่จนปัญญาที่โชคชะตาเล่นตลก
หลายวันก่อน น้องชายเธอตกจากต้นไม้ จนสมองกระทบกระเทือน ถูกส่งไปที่โรงหมอ หากคิดช่วยชีวิตน้องชาย จำเป็นต้องใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งพันตำลึง
หนึ่งพันตำลึง สำหรับเธอถือว่าสูงเสียดฟ้า!
เธอจึงจำต้องกลับบ้านที่เคยอยู่อาศัย เพื่อขอความเมตตาจากบิดาที่ไล่พวกเธอสามแม่ลูกออกมาผู้นั้น เพราะคิดว่าจะพูดเช่นไร น้องชายคือบุตรชายแท้ๆ ของเขา เสือร้ายยังไม่กินลูกตนเอง บิดาคงต้องสงสารช่วยชีวิตน้องชายของตน
ขณะนั้นบิดารับปาก แต่กลับมีเงื่อนไขข้อหนึ่งคือ วันนี้ต้องมาที่นี่กับเขา
สำหรับคำขอร้องของบิดา เธอไม่กล้าโต้แย้ง
เพียงสามารถช่วยชีวิตน้องชายได้ เรื่องใดเธอล้วนยินยอม
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า บิดากลับพาเธอมาขาย!
ขายให้กับชายชราอายุมากกว่าหกสิบปีผู้หนึ่ง!
คนผู้นั้น คือเจ้าของที่ดินรายใหญ่ในพื้นที่ มีกิจการใหญ่โต บิดาต้องการเงินทุนช่วยเหลือจากเจ้าของที่ดินรายนี้
ดังนั้นจึงขายเธอให้กับคนผู้นั้น แลกกับเงินก้อนใหญ่!
สวรรค์!
ตอนนั้นเธอรู้สึกเพียงโลกของตนพังถล่มลงมา
เมื่อเห็นสีหน้าไร้ความรู้สึกของบิดา และยังท่าทางตั้งใจราวกับบิดาส่งลูกรักออกเรือน ต่อไปนี้ให้เธออยู่ข้างกายเจ้าของที่ดินรายใหญ่ คอยปรนนิบัติเขาให้ดี
‘ปรนนิบัติให้ดี’ ถูกบิดาแท้ๆ ขายเช่นนี้ จะรู้สึกดีได้อย่างไร!
และเมื่อเห็นชายที่ยังอายุมากกว่าบิดาผู้นั้น ปากและใบหน้าชั่วร้ายยิ่ง เพราะปกติทานอย่างไม่บันยะบันยังบนกายจึงกระจายกลิ่นเหม็นออกมา จนทำให้เธออยากอาเจียน
สุดท้าย เมื่อเห็นชายชรายื่นมือเต็มไปด้วยรอยแผลเข้ามาลูบไล้ต้นขาเธอ เธออดทนไม่ไหว วิ่งหนีออกมา!
เวลานี้เธอไม่รู้ว่าตนต้องหนีไปที่ใด!
เพราะบนโลกนี้กว้างใหญ่ แต่ความจริงไม่มีสถานที่ให้เธอพึ่งพิง
อาจเพราะเวลานี้ความตายสำหรับเธอ ถือเป็นการหลุดพ้น
แต่หากหลังจากเธอตายไป น้องชายจะเป็นเช่นไร เขาเพิ่งอายุหกขวบ!
เมื่อเผชิญหน้ากับบิดาที่รู้จักเพียงเงินทอง เธอไม่กล้าคิดว่าเขาจะดีกับน้องชาย
เวลานี้หรงซินเอ๋อร์สิ้นหวัง และไร้หนทาง
แต่สองเท้าของเธอคล้ายมีความรู้สึกนึกคิดของตน วิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิตไม่หยุด
เพราะหากเธอหยุดลง จะถูกบิดาจับกลับไป
และจุดจบของเธอเมื่อกลับไป ต้องมีเพียงเป็นอนุภรรยาของชายชราผู้นั้นไปตลอดชีวิต เธอไม่ต้องการ หากเป็นเช่นนี้ เธอยอมตาย!
หรงซินเอ๋อร์วิ่งไม่หยุด
เธอไม่รู้ควรวิ่งไปที่ใด และไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ใดสามารถช่วยเหลือเธอได้
ดังนั้นเมื่อเธอล้มลงในอ้อมกอดชายผู้หนึ่ง คำขอร้องย่อมดังออกมาจากปากของเธอ
ทว่าหลังเธอเอ่ยจบ ความจริงได้สติกลับมา และตกตะลึงกลับคำขอร้องของตนนี้
เพราะอีกฝ่ายคือคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ผู้ใดอยากยุ่งวุ่นวายเรื่องผู้อื่นกัน และบิดาเธอกับเจ้าของที่ดินผู้นั้น ก็มีทั้งอำนาจและเงินทอง
พอคิดถึงตรงนี้ หรงซินเอ๋อร์สิ้นหวัง
ประจวบกับด้านหลังไม่ไกลจากเธอ มีเสียงฝีเท้าและร้องตะโกนวุ่นวายดังเข้ามา พวกบิดาของเธอไล่ตามมาแล้ว
เมื่อได้ยิน หรงซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงหัวใจพลันหยุดเต้น ร่างกายคล้ายพลันตกลงไปใบเหวลึกที่ไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
หันไปมองอย่างตื่นตระหนก มองใบหน้าดุร้ายของบิดา และเหล่าบริวารที่รีบร้อนมุ่งตรงมาที่เธอ หรงซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ร่างกายบอบบางนั้นจึงสั่นเทิ้ม คิดวิ่งหนีไปอีกครั้งทันที
แต่ทันใดนั้น เธอกลับพลันแน่นที่เอว ก่อนร่างกายพลันถูกดึงเข้าไปในหน้าอกแกร่ง
หน้าอกนี้ กว้างหนา แข็งแกร่ง และอบอุ่น
หรงซินเอ๋อร์ถูกดึงเข้าไปด้านใน ร่างกายสั่นเทิ้มอีกครั้ง
ยังไม่ทันได้สติ หูได้ยินเสียงไพเราะอย่างมากดังขึ้น
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”
เสียงชายหนุ่มทุ้มและแหบพร่าอย่างมาก ท่ามกลางแสงเทียนสลัวคล้ายแฝงไปด้วยเสน่ห์ ทำให้คนฟังอดใจเต้นแรงไม่ได้
เมื่อได้ยินหรงซินเอ๋อร์ตะลึงงัน
หลังอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่ม และได้ยินเสียงแหบพร่า รู้สึกเพียงใจที่เคยหวาดหวั่น ค่อยๆ สงบลง
นี่คือความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างมาก
หรงซินเอ๋อร์ใช้ชีวิตมาสิบหกปี ไม่มีผู้ใดที่พบกันครั้งแรก เอ่ยพูดประโยคแรกแล้ว สามารถทำให้เธอใจสงบเช่นนี้
กระทั่งหน้าตาของชายผู้นี้เป็นเช่นไร เธอยังไม่แน่ใจ
เพราะชายผู้นี้สูงใหญ่ เธอยืนอยู่ข้างกายเขา สูงเพียงระดับหน้าอกเขาเท่านั้น
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง จากตำแหน่งของเธอตอนนี้ เห็นเพียงปลายคางของชายหนุ่ม
แม้เพียงเท่านี้ แต่จากคางเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่ม หรงซินเอ๋อร์เดาได้ว่าชายผู้นี้ต้องหน้าตาไม่เลวแน่!
ขณะหรงซินเอ๋อร์คิดในใจ เสียงฝีเท้าวุ่นวายด้านหลังมาถึง จากนั้นบิดาเธอตะโกนอย่างโมโหว่า
“ซินเอ๋อร์ อย่าสร้างปัญหา กลับไปกับข้า!”
เมื่อเผชิญกับหรงฟู่ ที่มีสีหน้าดุร้ายเพราะโมโห ร่างกายของหรงซินเอ๋อร์สั่นเทิ้มอย่างชัดเจน จากนั้นซบลงบนอ้อมกอดอบอุ่นด้านหน้าทันที
การกระทำนี้ของเธอ คล้ายลูกไก่พบเจอกับพญาอินทรี ก่อนหลบอยู่ใต้ปีกแม่ไก่ไม่หยุด
สำหรับการกระทำนี้ของหรงซินเอ๋อร์ เห็นชัดว่าสร้างความสุขให้กับชายหนุ่ม
เห็นเพียงเมื่อเห็น ชายหนุ่มอดใจอ่อนยวบไม่ได้ ดวงตาลึกล้ำนั้นก้มลงมอง
ก่อนสายตาจะสบกับสาวน้อย อย่างอ่อนโยนและอบุอ่นหลายส่วน
แต่สีหน้านี้เบาบางอย่างมาก ทำให้คนไม่อาจรู้สึกถึงได้
หรงซินเอ๋อร์จึงย่อมไม่รับรู้ เพราะเวลานี้ความสนใจของเธอ มีเพียงชายด้านหน้า ผู้มีสายเลือดเดียวกับเธอ แต่เลือดเย็นไร้เมตตา
ใบหน้าเล็กประณีตนั้น เมื่อมองเห็นหรงฟู่ คิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น สีหน้าเสียใจและโดดเดี่ยว
แต่น้ำเสียงนั้น กลับหนักแน่นอย่างมาก!
“ไม่ ข้าจะไม่กลับไปกับท่านเด็ดขาด ท่านพ่อ ข้าคือบุตรสาวของท่าน เหตุใด ท่านจึงผลักข้าเข้ากองไฟ ชายผู้นั้นอายุหกสิบ อายุยังมากกว่าท่านเหตุใดท่านจึงใจดำ ผลักข้าที่เป็นบุตรสาวแท้ๆ ไปให้กับชายผู้นั้น!”
ซินเอ๋อร์เสียใจสิ้นหวัง เอ่ยถามบิดาตนด้วยเสียงแหลมสูง
…………………………………………………………………………………..