สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 222 ตกตะลึง (1)
หลังหรงฟู่ได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ ใบหน้าชราอึดอัดและเสียใจ
เพราะจะพูดเช่นไร ตรงหน้านี้คือบุตรสาวแท้ๆ ของตน ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยอุ้มเธอ รักใคร่เธอ
แต่ต่อมาเพียงนึกถึงกิจการของตน
หรงฟู่ที่หัวใจสั่นคลอน พลันจริงจังขึ้นมา
ใบหน้าที่ปกติยิ้มแย้มอารมณ์ดี พลันเคร่งขรึมลง สายตาที่มองซินเอ๋อร์พลันคมกริบเคร่งครัดขึ้นตามไปด้วย
“ชายผู้นั้นอันใด นั่นคือเถ้าแก่ชุย แม้เถ้าแก่ชุยจะอายุมากไปหน่อย แต่หากเจ้าเป็นอนุของเขา วันหน้าจะอยู่ดีกินดี ยังเศร้าโศกอันใด นี่ข้าหวังดีกับเจ้า!”
เมื่อเห็นบิดาตนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง หรงซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงใจของตนตกเข้าสูนรกที่ไม่อาจหนีพ้นทันที
ความจริงตอนที่เธอไปขอความช่วยเหลือจากบิดา ได้ยินบิดายอมช่วยเหลือน้องชาย สำหรับบิดาที่เธอไม่พบหน้ามาเป็นเวลานาน กลับมาเปี่ยมด้วยความเชื่อใจอีกครั้ง
และคิดในใจ เช่นไรคือบิดาของเธอ เมื่อเห็นบุตรสาวบุตรชายของตนเช่นนี้ จะไม่ไถ่ถามไม่สนใจเลยหรือ!
ดังนั้น เมื่อสุดท้ายบิดาเสนอว่าต้องการให้เธอมาที่นี่ในวันนี้ และยังมอบกระโปรงสวยงามตัวหนึ่งให้แก่เธอ เธอดีใจจนแทบตัวลอย
เพราะนี่คือกระโปรงที่บิดาตั้งใจมอบให้แก่เธอ แสดงถึงว่าบิดายังห่วงใยเธอ รักเธอ มิใช่หรือ!
แต่ทั้งหมดนี้ หลังมาถึงที่นี่พร้อมบิดา ได้ยินบทสนทนาของบิดาและเถ้าแก่ชุยผู้นั้น และบิดายอมมอบเธอให้แก่เถ้าแก่ชุย หรงซินเอ๋อร์ผิดหวังในตัวบิดาอย่างที่สุด
ที่แท้บนโลกนี้กลับมีบิดาที่ใจดำเช่นนี้
กระทั่งบุตรสาวของตน ยังขายทิ้งได้!
ดังนั้น เธอจึงสิ้นหวัง และหนีออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด ตอนนี้หลังได้ยินคำพูดนี้ของบิดา ใจของซินเอ๋อร์กระอักเลือดออกมา
คนผู้นี้คือบิดาของเธอ!
เพียงนึกถึงบิดาไร้เมตตาต่อเธอ และน้องชายอยู่ในความเป็นความตายของตนผู้นั้น ใจของซินเอ๋อร์ปวดหนึบเจ็บปวดอย่างรุนแรง
แต่สำหรับใบหน้าผิดหวังของบุตรสาวตน ฟู่หรงที่เห็นแต่ผลประโยชน์ ความจริงไม่สนใจความคิดของเธอ จึงยื่นมือใหญ่คิดดึงตัวซินเอ๋อร์กลับมา
ทว่ามือของเขายังไม่ทันได้สัมผัสมือของซินเอ๋อร์ เสียงเยือกเย็นสายหนึ่งกลับดังขึ้น
“มีข้าอยู่ ผู้ใดกล้านำตัวนางไป!”
เสียงแฝงความเกียจคร้านหลายส่วน เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบ แต่ผู้อื่นได้ฟังกลับดุจสายฟ้าฟาด!
ความจริงหรงฟู่หลังมาถึงที่นี่ เห็นชายผู้นี้โอบกอดบุตรสาวตน ในใจตกตะลึงและหวั่นไหวหลายส่วน
หลังเกลือกกลิ้งอยู่ในวงการการค้ามาหลายปี เขามองออกว่าชายที่ไม่ว่าการแต่งตัวและบุคลิกไม่ธรรมดาผู้นี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่เถ้าแก่ชุยตอนนี้โมโหจนเสียสติอยู่บนชั้นสอง เขาจะล่วงเกินเถ้าแก่ชุยเจ้าของที่ดินรายใหญ่ผู้นี้ไม่ได้
เพราะเขารับงานใหญ่มา แต่กลับขาดเงินทุนก้อนใหญ่ และไม่ง่ายกว่าจะเกลี้ยกล่อมเถ้าแก่ชุยได้ อีกทั้งเถ้าแก่ชุยชื่นชอบบุตรสาวผู้นี้ของเขาอย่างยิ่ง
เขาพูดได้ว่าบุตรสาวคนโตตนผู้นี้ หน้าตาสวยงามน่ารัก ความจริงมารดาของเธอหน้าตาโดดเด่น ทว่าหากไม่เกิดเรื่องที่มารดาของเธอลงมือในปีนั้น เขาคงไม่ไล่พวกเธอออกไป
แต่เรื่องในอดีตเขาไม่อยากเอ่ยถึง กลับกันบุตรสาวของเขาก็มีไม่น้อย ในเรือนยังมีบุตรชายและบุตรสาวอีกหนึ่งคน
ดังนั้นสำหรับบุตรสาวคนโต หากเธอไม่ได้มาพบเขา เขาก็คงลืมเลือนเธอไปแล้ว
เมื่อได้ยินจุดประสงค์การมาของเธอ ความจริงเขาเห็นแก่ที่เธอคือบุตรสาวของตน คิดมอบเงินให้ส่วนหนึ่ง ก่อนให้เธอไป แต่ต่อมานึกถึงเรื่องเถ้าแก่ชุยขึ้นมา ในใจจึงเกิดแผนการ
เพราะเถ้าแก่ชุยนั้น เขารู้จักมานาน ย่อมรู้จักนิสัยใจคอ
เถ้าแก่ชุยสกุลใหญ่ กิจการใหญโต มีเงินมีอำนาจ และเจ้าชู้อย่างยิ่ง
แต่เขาเจ้าชู้ ทว่าสายตากลับเฉียบแหลม!
ชื่นชอบหญิงพรหมจรรย์!
แม้ตอนแรกเขาจะทำใจไม่ได้ แต่ต่อมานึกถึงกิจการของตน เขาจึงกัดฟัน แม้ด้านหน้าจะเป็นสถานที่เลวร้ายยิ่งกว่ากองเพลิง เขาต้องส่งบุตรสาวเข้าไป
เพราะหากไม่วางยาพิษ จะไม่อาจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้มิใช่หรือ!
ความจริงเขาตกลงกับเถ้าแก่ชุยเป็นอย่างดี และเถ้าแก่ชุยพอใจกับบุตรสาวคนโตผู้นี้ของเขาอย่างยิ่ง เขาจึงดีใจอย่างมาก
ด้านหน้าคล้ายมีตั๋วเงินทองคำปลิวว่อนอยู่ในอากาศมากมายไม่หยุด ผู้ใดจะรู้สุดท้าย บุตรสาวคนโตที่ขี้ขลาด หดหัวอยู่ในกระดองของเขาผู้นี้ กลับหลบหนี!
นี่จะเป็นได้เช่นไร เธอคือข้อต่อรองในการยืมเงินจากเถ้าแก่ชุย จะปล่อยให้เธอหนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาแม้จะทราบว่าชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ คือสถานที่ต้องห้าม ยังบุกเข้ามา เพื่อจับตัวบุตรสาวที่หนีมากลับไป
แต่เวลานี้หลังเขาได้ยินคำพูดของชายสูงศักดิ์ผู้นี้ เห็นชัดว่าดูน้ำเสียงผ่อนคลาย แต่กลับทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันไร้ขีดกำจัด พุ่งตรงเข้ามาที่เขา
หรงฟู่อ่านคนมานับไม่ถ้วน ย่อมไม่กล้าผลีผลาม เพราะเขาไม่ลืมว่าที่นี่คือชั้นห้าที่ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามา
และชายหนุ่มสูงศักดิ์หล่อเหลาตรงหน้านี้ กลับปรากฎตัวขึ้นที่นี่ แสดงว่าชายผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ดังนั้น หรงฟู่จึงสงบใจลง ดวงตาเฉลียวฉลาดคู่นั้น มองสำรวจชายหนุ่มเงียบๆ รอบหนึ่ง เพื่อคาดเดาถึงสถานะของชายผู้นี้
แต่ทันใดนั้นเสียงร้องตกใจพลันดังขึ้น ก่อนเงาร่างคุ้นตาจะปรากฎขึ้นต่อหน้าหรงฟู่
เห็นเช่นนั้น หรงฟู่ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลง และดวงตาที่มองคนที่มาแฝงไปด้วยการประจบประแจงอย่างไม่ปิดบัง
เพราะคนที่เดินเข้ามานั้น เขารู้จักเป็นอย่างดี
เถ้าแก่หลี่ เถ้าแก่ผู้ดูแล ‘หอสุราดับทุกข์’
แม้ ‘หอสุราดับทุกข์’ จะไม่ใช่หลี่เหล่าเปิดกิจการด้วยตนเอง แต่สามารถสนิทสนมกับเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยวนผู้นั้นได้ และได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแล ‘หอสุราดับทุกข์’ จะธรรมดาได้เช่นไร
หรงฟู่คือพ่อค้า ทุกสิ่งต้องพิถีพิถัน และคือผลประโยชน์ของตน
สำหรับคนเช่นเถ้าแก่หลี่ย่อมต้องประจบประแจง!
ดังนั้น เมื่อเห็นหลี่เหล่าเดินมาทางนี้ บนใบหน้าของฟู่หรงเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา หมายเข้าไปทักทายเพื่อสร้างความสัมพันธ์
ผู้ใดจะรู้ หลี่เหล่าไม่มองเขาแม้แต่หางตา เดินผ่านเขา ตรงเข้าไปหาชายหนุ่มด้านหน้า
“เกิดเรื่องใดขึ้น”
แม้ไม่มีการทักทายใดๆ กับชายชุดม่วงผู้นั้น แต่จากความนอบน้อมที่หลี่เหล่ามีให้ชายชุดม่วง พอให้มองออกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา มีความสำคัญอย่างยิ่งในระดับใด!
เห็นเช่นนั้น หรงฟู่หวั่นไหวในใจอย่างหนัก
เพราะในแวดวงการค้าทุกคนต่างรู้จักหลี่เหล่าเป็นอย่างดี และต่างต้องการประจบประแจงเขา
แต่หากต้องการประจบเขา ต้องดูว่าฐานะตนเหมาะสมหรือไม่
คนเช่นเขาที่ปราศจากคนกล้าดูแคลน กลับมีท่าทีนอบน้อมต่อคนที่มีอายุน้อยกว่าตนมากมายเช่นนี้!
พอคิดถึงตรงนี้ หรงฟู่ตกตะลึง ก่อนมองชายหนุ่มชุดม่วงที่แสดงความเป็นเจ้าของบุตรสาวตนในอ้อมกอดอีกครั้ง ในใจอดเกิดแผนร้ายขึ้นมาไม่ได้
แม้จะเป็นเถ้าแก่ชุย หรือหลี่เหล่า ที่ต้องประจบประแจง!
แต่ชายหนุ่มชุดม่วงตรงหน้านี้ ทำให้หลี่เหล่านอบน้อมเช่นนี้ได้ นอกจากคนผู้นั้น นั่นคือ…
เหลิ่งอวี้เซวียนหรือ!
เป็นไปไม่ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ ฟู่หรงตะลึงในใจ ดวงตานั้นเบิกกว้างเพราะคิดถึงบางอย่างขึ้นมา
เพราะข้อมูลนี้ เขาต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน!
เพราะชื่อเหลิ่งอวี้เซวียนนี้ ไม่เพียงในเมืองหลวง เกรงว่าทั่วแคว้นเทียนหยวน คือตัวแทนของเทพเซียน!
เพราะความมั่งคั่งของคนผู้นี้ คืออันดับหนึ่งในใต้หล้า
ในหมู่ราษฎรมีคำเล่าลือมากมายเกี่ยวกับคนผู้นี้
ต่างรู้ดีว่าเขาคือเศรษฐีอันดับหนึ่ง ไม่เคยปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าผู้คน นั่นเพราะเขาอัปลักษณ์อย่างมาก และเป็นชายชราอายุกว่าหกสิบปี