สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 222 ตกตะลึง (2)
แต่เวลานี้ หรงฟู่จึงรู้ว่าข่าวลือมากมายพวกนั้นไม่น่าเชื่อถือ
ชายหนุ่มตรงหน้านี้ สวมชุดสีม่วงหรูหรา ทำให้เขาสูงส่งน่าเกรงขาม
ใบหน้าหล่อเหลานั้น อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้างดงาม โดดเด่นสง่าผ่าเผย ทำให้คนมองอดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้
ชายผู้นี้อายุน้อยยิ่งนัก น่าจะราวสิบแปดปีเท่านั้น แต่เขากลับคือคนที่กระทั่งหลี่เหล่าต้องนอบน้อมให้
ขณะหรงฟู่คิดในใจ กลับพลันได้ยินเสียงไม่พอใจของหลี่เหล่าดังขึ้นมา
“พวกเจ้าไม่รู้ว่า ชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามาหรือ!”
เสียงตั้งใจกดต่ำแฝงการตักเตือนนี้ คือคำพูดที่เอ่ยกับหรงฟู่
หลังได้ยิน หรงฟู่พลันได้สติ เมื่อเห็นสายตาคมกริบไม่พอใจของเถ้าแก่หลี่ จึงตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา
หรงฟู่จึงยื่นแขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตรงขมับไม่หยุด เผยสีหน้าประจบขออภัยออกมา ก่อนหัวเราะขึ้น
“เถ้าแก่หลี่ขออภัยจริงๆ เมื่อครู่ข้าตามบุตรสาวมา ไม่ระวังจึงขึ้นมาที่นี่ ตอนนี้ข้าจะลงไปทันที ทันทีเลย”
หรงฟู่เอ่ยจบ รีบส่งสัญญานให้จากไป หลังตนถอยหลังไปหลายก้าว พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงอดหันไปเอ่ยกับซินเอ๋อร์ไม่ได้ว่า
“ซินเอ๋อร์ รีบกลับไปกับข้า เจ้าอย่าลืมว่าน้องชายเจ้ายังล้มป่วยอยู่ที่เรือน!”
เพราะมีคนที่ไม่ควรล่วงเกินอยู่ด้วย ครั้งนี้หรงฟู่จึงเอ่ยกับซินเอ๋อร์อย่างบิดาใจดี
และความหมายในคำพูดของเขา มีเพียงเขาและซินเอ๋อร์เท่านั้นที่เข้าใจ
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ร่างกายอดสั่นไหวไม่ได้
เมื่อครู่เห็นบิดาตนคิดจากไป ซินเอ๋อร์ที่หวาดวิตกรู้สึกโล่งอก ร่างกายที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง
แต่หลังได้ยินคำพูดแฝงความนัยของบิดาตนนั้น จึงเข้าใจเป็นอย่างดี นั่นคือตอนนี้เธอต้องกลับไปกับเขา
เพราะน้องชายของเธอยังอยู่ที่เรือน
ถูกต้อง ตอนแรกที่เธอมาขอร้องบิดา บิดาได้รับตัวเธอและน้องชายกลับมาอยู่ที่เรือน
ตอนแรกหญิงผู้นั้นคัดค้านอย่างที่สุด จนใช้ไม้กวาดไล่พวกเธอไป
ต่อมาเธอไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นและบิดาพูดสิ่งใดกัน หญิงผู้นั้นจึงให้พวกเธออยู่ที่นั่น และให้หมอมาดูอาการน้องชายของเธอ
หมอเอ่ยว่าน้องชายเธอเพราะตกลงมาจากต้นไม้ ศีรษะจึงกระทบกระเทือน อาการสาหัสอย่างมาก และมีเลือดคั่งในสมอง
ตอนนี้ยังสลบไม่ได้สติ
หากต้องรักษาอาการน้องชายของเธอให้หายดี ไม่เพียงต้องใช้เวลา แต่ต้องมีเงินทอง!
เธอไม่มีเงิน หากไม่กลับไป น้องชายเธอคงต้องตาย
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจซินเอ๋อร์อัดแน่นไปด้วยความเศร้าโศกและสิ้นหวัง
กระทั่งดวงตาคู่งามปกคลุมด้วยน้ำตา ทำให้เธอดูน่าสงสารจับใจ
คล้ายกระต่ายน้อยที่ถูกหมาป่าข่มขู่บังคับ โดยไร้แรงต่อต้าน ทำให้คนมองทนไม่ได้
และทำให้ชายหนุ่มที่โอบกอดเธออยู่ อดขมวดคิ้วกระบี่น่ามองนั้นเป็นปมไม่ได้
หลังรับรู้ว่าสาวน้อยต้องการจากไป เหลิ่งอวี้เซวียนอดเพิ่มแรงกอดรัดขึ้นไม่ได้
เพราะการกระทำนี้ของชายหนุ่ม จึงทำให้สาวน้อยที่กำลังเสียใจ พลันได้สติ และหวั่นไหวในใจ ก่อนเขินอายและสับสนขึ้นในใจ
สวรรค์ เธอเสียสติไปแล้ว!
เธอถูกชายแปลกหน้าโอบกอดมาถึงตอนนี้ โดยที่ไม่รู้ตัว
คิดแล้ว เมื่อครู่เธอหวาดกลัว ตื่นตระหนกเกินไป
คล้ายคนที่กำลังจะจมน้ำ เมื่อเห็นขอนไม้จึงกอดไว้แน่นทันที
จนกระทั่งบิดาตนมาถึงและตอนนี้ เธอไม่ออกห่างเขา
อาจเพราะอ้อมกอดของชายผู้นี้ ให้ความรู้สึกปลอดภัยเกินไป
เขาเช่นนี้ ราวกับภูเขาไท่ซานสูงตระหง่าน แม้ฟ้าจะถล่มลงมา มีเขาต้านทานอยู่ ดังนั้นจึงทำให้เธออยากอยู่ในอ้อมกอดเขาโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้หลังได้สติ ซินเอ๋อร์เขินอายสุดชีวิต
เพราะมีชีวิตมากว่าสิบหกปี ไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของพวกเขาเวลานี้ ในสายตาของผู้อื่นดูคลุมเครืออย่างมาก
ผู้อื่นที่เห็นอาจคิดว่า เธอคือหญิงสาวที่หน้าไม่อาย
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์ยิ่งอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ใบหน้าเล็กซีดเซียวนั้น เพราะเขินอายสับสน จึงแดงระเรื่อขึ้น
แต่ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ตัวว่า เธอสองแก้มแดงระเรื่อเวลานี้ ดวงตาแฝงความเขินอาย ท่าทางนั้นเย้ายวนใจยิ่งนัก!
คล้ายลูกท้อเพิ่งสุกงอม ส่งกลิ่มหอมหวานออกมา ทำให้คนอยากจะเข้าไปกัดเบาๆ คำหนึ่งไม่ได้
เมื่อเผชิญกับสาวน้อยแสนสวยจนน่ากลืนกินเช่นนี้ ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนอดเปล่งประกายชั่วขณะไม่ได้
แม้จะไร้คำพูด แต่เถ้าแก่หลี่ด้านข้าง อ่านคนมานับไม่ถ้วน จึงรู้จักการสังเกตสีหน้าผู้คน หลังเห็นสีหน้านี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ในใจมีความมั่นใจหลายส่วน
ทันใดนั้น จึงหมุนกายตั้งใจกระแอมขึ้น ก่อนเอ่ยกับหรงฟู่
“เถ้าแก่หรง ดูแล้วบุตรสาวของท่านยังไม่คิดกลับ ดังนั้นเถ้าแก่หรงเชิญกลับไปก่อนเถิด!”
เถ้าแก่หลี่เอ่ยอย่างเกรงใจ แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้คนมิอาจปฏิเสธได้
หรงฟู่ได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที สุดท้ายคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเผยสีหน้าเกรงใจออกมา ก่อนหัวเราะลั่น
“ฮ่า ๆ เช่นนั้น เช่นนั้นซินเอ๋อร์ต้องฝากเถ้าแก่หลี่ดูแลแล้ว”
“ฮ่า ๆ นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว เถ้าแก่หรง เชิญทางนี้!”
เถ้าแก่หลี่เชื้อเชิญ แม้ท่าทางจะดูเกรงใจ แต่ความหมายกลับชัดเจนยิ่ง นั่นคือ…
ตอนนี้เขาควรไสหัวไป!
เห็นเช่นนั้น หรงฟู่ไม่คิดอยู่ที่นี่ต่อ เพียงเอ่ยกับซินเอ๋อร์อย่างอ่อนโยนว่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่เถิด เมื่อนึกถึงบ้าน ค่อยกลับไป” หรงฟู่เอ่ยจบ จากไปทันทีโดยไม่รอคำตอบของซินเอ๋อร์
เพราะเถ้าแก่หลี่ไม่ใช่คนที่เขาล่วงเกินได้ อีกอย่างชายชุดม่วงผู้นั้น…
ดูท่าเขาคงเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างเถ้าแก่ชุยไม่อยู่แล้ว เสียเม็ดงาอย่างเถ้าแก่ชุยไป กลับเก็บแตงโมกลับมาได้ สำหรับเขาถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง!
พอคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของหรงฟู่สดใสขึ้นมา
หลังจากหรงฟู่ จากไป เถ้าแก่หลี่และผิงอันก็จากไปอย่างรู้ความ
ทันใดนั้น ภายในทางเดินทั้งเส้น เหลือเพียงซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียน
เวลานี้ ซินเอ๋อร์อดดิ้นไม่ได้ ครั้งนี้เหลิ่งอวี้เซวียนไม่หยุดยั้ง ค่อยๆ คลายมือลง
หลังจากร่างของหญิงสาวผละออกจากอ้อมกอด เหลิ่งอวี้เซวียนกลับรู้สึกว่าอ้อมกอดว่างเปล่า และผิดหวังในใจ
แต่ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความในใจของชายหนุ่ม หลังผละกายออกมา จึงก้มศีรษะลง เอ่ยเสียงเบาขึ้น
“เมื่อครู่ขอบคุณท่านมาก”
เสียงไพเราะจับใจนั้น ราวกับไข่มุกร่วงหล่นลงบนถาด แต่เพราะกังวลหวาดกลัว จึงทำให้เสียงของเธอฟังดูอ่อนแรง ทว่ากลับเหมาะสมกับท่าทางของเธอตอนนี้อย่างมาก
ครั้งนี้ หญิงสาวยืนเงียบอยู่ด้านหน้าตน โดยไม่ไหวติง ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนสำรวจสาวน้อยผู้นี้ได้มากขึ้น
เมื่อครู่เขารู้ว่าสาวน้อยผู้นี้รูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง แม้บนใบหน้าจะเปี่ยมด้วยความวิตกกังวล แต่กลับยังงดงาม
เวลานี้เมื่อได้ใกล้ชิดเธอ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงพบว่าหญิงผู้นี้ งดงามจนน่าตกใจ!
เส้นผมยาวดุจสาหร่ายทะเลนั้น แม้จะยุ่งเหยิงเพราะการวิ่งเมื่อครู่ แต่กลับไม่ลดทอนความงามของเธอลง
กลับกันยิ่งทำให้เธอดูอ่อนช้อยและเกียจคร้านหลายส่วน
เธอตัวเล็กยิ่งนัก ตอนนี้เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเขา สูงเพียงหน้าอกเขาเท่านั้น
และเสื้อผ้าสีอ่อนบนกาย เหมาะกับเธออย่างยิ่ง ขับให้ผิวของเธอขาวผ่องดังหิมะ
ทว่าสาวน้อยตรงหน้า เวลานี้กลับดูกังวล
เพราะหลังออกจากอ้อมกอดตน ศีรษะของเธอก้มต่ำตลอดเวลา
จากมุมนี้ของเขา เห็นขนตาที่สั่นเทิ้มอย่างรุนแรงของเธอเข้าพอดี
ขนตาเล็กและเรียวงอนสั่นระริก ราวกับพัดสีดำคู่หนึ่ง สวยงามยิ่งนัก
และจมูกของเธอเล็กอย่างมาก รูปทรงงามสง่า สมบูรณ์แบบ!
เช่นเดียวกันกับตัวเธอ!
เมื่อมองจากใบหน้าประณีตของเธอลงไป เห็นมือเรียวขาวผ่องคู่นั้นของเธอที่เวลานี้พันกันไม่หยุด จนแทบกลายเป็นเกลียว
เห็นเช่นนั้น ดวงตาดำขลับของเหลิงอวี้เซวียนอดเปล่งประกายชั่วขณะไม่ได้ ริมฝีปากแดงสดเผยอขึ้น ก่อนเสียงทุ้มต่ำแฝงการหยอกล้อจะดังออกมาจากปากเขา
“ขณะที่เอ่ยขอบคุณผู้อื่น มิใช่ควรสบตากับคนผู้นั้นด้วยหรือ!”
“เอ่อ”
ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ที่เอาแต่ก้มหน้า อดพลันเงยหน้าขึ้นไม่ได้
ใบหน้าเล็กดวงตาแฝงด้วยน้ำตาหลายส่วน หลังสบเข้ากับใบหน้าชายหนุ่ม รู้สึกเพียงถูกบางสิ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจอย่างหนัก และดวงตาคู่งามนั้นพลันเบิกกว้าง!
สวรรค์ บนโลกนี้มีชายโดดเด่นเช่นนี้ด้วยหรือ!
เธอกำลังฝัน หรือชายหนุ่มตรงหน้านี้ คือเทพเซียน!
ซินเอ๋อร์ตกใจ และความคิดของเธอก็เผยออกมาทางใบหน้าเล็กจนหมดเปลือก
สำหรับแววตาตกตะลึงของเธอ เห็นชัดว่าสร้างความสุขให้แก่ชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มตาเป็นประกาย ก่อนยิ้มที่มุมปาก
……………………………………………………………………………….