สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 223 ยากจะพบพาน (1)
ซินเอ๋อร์กำลังตกใจกับรูปโฉมหล่อเหลาของชายหนุ่ม คิดไม่ถึงหลังชายหนุ่มยิ้มมุมปาก หัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นมา!
เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรวดเร็ว ราวกับจู่ๆ ภายในใจของเธอมีกวางน้อยตัวหนึ่งกระโดดเข้าไป ก่อนกระโดดโลดเต้นไปมาไม่รู้จักจบ
สำหรับความผิดปกติในใจนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ประหลาดใจอย่างยิ่ง สุดท้ายเธอจึงข่มอารมณ์ของตนไว้ เมื่อสบเข้ากับดวงตาดำขลับลึกล้ำของชายหนุ่ม จึงเลียริมฝีปาก ก่อนเอ่ยอีกครั้ง
“เมื่อครู่ ข้าขอบคุณท่านมาก”
ครั้งนี้ เสียงซินเอ๋อร์มั่นคงขึ้น
ทว่าเสียงของเธอไพเราะ ดุจเสียงนกขมิ้นเสนาะหู
หลังได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงกล่าวยิ้มๆ ว่า
“เมื่อครู่ข้าช่วยเหลือเจ้า เจ้าเอ่ยขอบคุณเพียงประโยคเดียวเท่านั้นหรือ!”
“เอ่อ”
ไม่คิดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนจะเอ่ยเช่นนี้ ซินเอ๋อร์จึงตะลึงงันอีกครั้ง
เพราะปกติต่างเอ่ยว่าบุญคุณอันยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแค่พูดกล่าวหรอกหรือ เหตุใดชายตรงหน้านี้ ยังต้องการของตอบแทนน้ำใจ แต่จะทำเช่นไร เธอไม่มีเงิน!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ร้อนใจ มือเล็กด้านล่างพัวพันกันไม่หยุด
และริมฝีปากนุ่มของเธอนั้น เพราะกังวล คล้ายเอ่ยบางสิ่งออกมา ดูแล้วกลับน่าหลงใหลเย้ายวนใจ
สาวน้อยผู้นี้ เห็นชัดว่า ไม่รู้ว่าตนเองรูปโฉมงดงามและสะดุดตามากเพียงใด
เธอตอนนี้ กังวลทำอะไรไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่งามนั้นลนลาน ขนตาเรียวยาวดำเข้มนั้น คล้ายผีเสื้อสีดำสองตัว กำลังกระพือปีกบินลอยขึ้นสูง
เธอเช่นนี้ดูอ่อนเยาว์ แต่กลับน่าดึงดูดอย่างอธิบายไม่ถูก!
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดใจเต้นแรงชั่วขณะไม่ได้ แววตาปรากฎความตกตะลึงขึ้นมา
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าหมดหนทางของสาวน้อย เธอคล้ายกระดาษสีขาว ในใจมีสิ่งใด ปรากฎขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง ทำให้คนมองชื่นชอบ
แต่ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความในใจของเหลิ่งอวี้เซวียน หลังติดขัดอยู่ชั่วขณะ จึงเอ่ยตะกุกตะกักขึ้น
“เรื่องนี้ ท่าน ท่านต้องการให้ข้าตอบแทนท่านเช่นไร ข้าขอบอกเลยว่า ข้า ข้าตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่ตำลึงเดียว”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์มีสีหน้าอับอาย
ศีรษะเล็กก้มต่ำลง จนแทบจรดหน้าอก
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก ก่อนเสียงหัวเราะไพเราะนั้นจะดังออกจากปากเขา
“คนเช่นข้า ดูขาดแคลนเงินทองหรือ”
เหลิ่งอวี้เซวียนหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงแฝงด้วยความขบขัน
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ตะลึงงันชั่วขณะ ดวงตาคู่งามแฝงความขลาดกลัวนั้น มองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าครู่หนึ่ง
เห็นเพียงชายหนุ่มตรงหน้านี้ รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดสีม่วงหรูหรา ทำให้เขาสง่าผ่าเผย บุคลิกโดดเด่น
แม้เธอจะยากจน แต่เพียงมองรู้ว่าเสื้อผ้าบนกายชายหนุ่ม ต้องราคาสูงมากแน่นอน
และหยกสีม่วงที่แขวนบนสายคาดเอวชิ้นนั้น
แม้เธอจะไม่รู้เรื่องหยก แต่ในเทียนหยวน หยกสีม่วงแต่ละชิ้นราคาล่มเมือง ยิ่งไปกว่านั้นหยกสีม่วงชิ้นนี้ยังแกะสลักอย่างประณีตงดงาม
หลังสำรวจบนกายชายหนุ่มอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ซินเอ๋อร์ส่ายหน้าช้าๆ และมั่นใจอย่างมาก หากคนเช่นชายหนุ่มตรงหน้านี้ ขาดแคลนเงินทอง เช่นนั้นเวลานี้คงไม่มีผู้ใดขาดแคลนเงินทอง!
แต่หากชายผู้นี้ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เช่นนั้นเธอควรตอบแทนเขาเช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์สับสน
คิ้มเข้มคู่งามนั้น ขมวดมุ่นเช่นเดียวกับเจ้าของ ทำให้เธอดูจริงจังไม่เสแสร้ง
สำหรับสาวน้อยเช่นนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนชื่นชอบอบ่างยิ่ง
เพราะตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากน้องสาวของเขานั้น หญิงสาวอื่นที่เข้าใกล้ชิดเขาต่างเสแสร้ง
เห็นชัดว่าในใจไม่ได้ชื่นชอบ แต่กลับทำสีหน้าว่าชื่นชอบ
ต่อหน้าลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ ลับหลังคือปากคอเราะร้าย เขาเห็นมามากมาย
ดังนั้นปีนี้แม้เขาจะอายุสิบแปดปีแล้ว แต่ข้างกายยังไม่เคยมีหญิงใดมาก่อน
เขารู้ดีว่าชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขา มีวงศ์ตระกูลที่ดีต่างมีภรรยาหลวงและอนุภรรยามากมาย ล้อมรอบไปด้วยบุตรสาวบุตรชาย
สำหรับความปรารถนา เขาไม่ใช่ไม่มี เพราะเขาคือบุรุษปกติผู้หนึ่ง อายุตอนนี้กำลังเลือดร้อน
แต่เพียงพบหญิงสาวแต่งตัวประทินโฉม เสแสร้ง เขายอมลงมือขจัดความปรารถนาด้วยตนเอง โดยไม่แตะต้องหญิงสาวพวกนั้น
สำหรับเขาที่เป็นเช่นนี้ น้องชายหลายคนคิดว่าเขาแปลก
แต่เขาไม่ใส่ใจว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไร
โชคดีเขามีบิดามารดาที่เปิดกว้างคู่หนึ่ง บุตรชายบ้านอื่นขณะอายุสิบแปด จะต้องถูกทางครอบครัวเร่งเร้าให้แต่งงาน
แต่เสด็จแม่ของเขากลับไม่ได้เร่งรัดให้เขาแต่งงานแม้แต่นิดเดียว และทรงพอใจอย่างมากในเรื่องที่เขาไม่ได้ยุ่งกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง
สำหรับเขา เรื่องความรักนี้คือเรื่องศักดิ์สิทธิ์บนโลกใบนี้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่แต่งงานกับหญิงที่ตนไม่ได้รัก
เพราะพวกเขาต้องการมีความสุข ตนจึงต้องเสาะหาหญิงสาวที่เหมาะสมกับตน
สำหรับเรื่องนี้ เขาซาบซึ้งในเสด็จพ่อและเสด็จแม่ตนอย่างมาก
ดังนั้น เขาจึงเสาะหาหญิงสาวที่เหมาะสมกับตนผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา เวลานี้เห็นสาวน้อยตรงหน้าที่ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ หรือสวรรค์จะกำหนดให้ชีวิตพวกเขามีวาสนาต่อกัน!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้น แต่มากที่สุดคือดีใจ
แต่ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น
เสียงประหลาด ‘จ๊อกๆ’ กำลังดังออกมาจากในท้องของสาวน้อยตรงหน้า
หลังเสียงประหลาดนี้ดังขึ้น เหลิ่งอวี้เซวียนตะลึงงันเล็กน้อย ทันใดนั้นแววตากระจ่างทันที
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์รู้สึกสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้น พลันขาวโพลน
ทันใดนั้น ไอความร้อนทะลักจากในใจขึ้นสู่ศีรษะ
สองแก้มร้อนผ่าว กระทั่งใบหูยังร้อนวูบวาบ
สวรรค์! น่าอับอายยิ่งนัก!
ตนกลับท้องร้องต่อหน้าชายแปลกหน้า!
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์ยิ่งหงุดหงิด ใบหน้าร้อนผ่าว แม้ไม่ส่องกระจก เธอทราบดีว่าหน้าของตนต้องแดงดุจก้นลิงแน่
หลังคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ก้มศีรษะลงราวอยากแทรกแผ่นดินหนีอีกครั้ง
สำหรับท่าทางหงุดหงิดเขินอายของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนกลับรู้สึกว่าน่ารักอย่างที่สุด
สวรรค์!
บนโลกนี้กลับมีหญิงสาวเช่นนี้อยู่ ทั้งน่ารักและน่าสงสาร
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนอดรู้สึกขบขันไม่ได้
แต่เขาก็มองออกว่าสาวน้อยตรงหน้าขี้อาย ดังนั้นจึงทำหน้าเรียบเฉย ใช้มือลูบคาง ก่อนพลันฉุกคิดขึ้นได้ จึงยื่นมือลูบหน้าท้องพร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“พูดไปแล้ว วันนี้ข้ายังไม่ได้ทานอาหารเย็น เมื่อเจ้าต้องการตอบแทนข้า ก็มาทานอาหารเป็นเพื่อนข้าเถิด!”
“หา!” ทานอาหารเป็นเพื่อนเขาหรือ!
สำหรับคำขอร้องของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตกตะลึงอย่างมาก
แต่ว่าหลังชายหนุ่มเอ่ยจบ ไม่ได้รอคำตอบของเธอ กลับเดินลงจากหอไป
เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มค่อยๆ เดินไปไกล ซินเอ๋อร์ได้สติกลับมา ทันใดนั้นรีบยกชายกระโปรงขึ้น ก่อนรีบวิ่งตามหลังชายหนุ่มไป
เมื่อเหลือบเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยด้านหลัง เหลิ่งอวี้เซวียนอดยิ้มมุมปากไม่ได้
เห็นการวิ่งกระหืดกระหอบของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนที่ก้าวเดินเร็ว ค่อยๆ เริ่มช้าลง
จนกระทั่งในที่สุดสาวน้อยก็ตามเขาทัน ห่างจากเขาเพียงหนึ่งก้าว และเป็นระยะที่ทำให้เขาแอบสำรวจสาวน้อยได้เป็นอย่างดี
สำหรับความคิดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ย่อมไม่รับรู้
เพราะเธอเวลานี้ คิดเพียงตามฝีเท้าของชายหนุ่มให้ทัน
สายตาก็มองสำรวจบรรยากาศรอบด้านไม่หยุด
เพราะตอนนี้ เธอจึงรู้ว่าเมื่อครู่เพื่อวิ่งหนี เธอกลับวิ่งขึ้นมาที่ชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ โดยไม่รู้ตัว
แม้เธอจะมาที่ ‘หอสุราดับทุกข์’ เป็นครั้งแรก
แต่สำหรับสถานเริงรมย์แห่งนี้ เธอก็รู้จักมาบางส่วน
ลือกันว่า ‘หอสุราดับทุกข์’ แห่งนี้ มีสาขากว่าสามร้อยแห่งในแคว้นเทียนหยวน
‘หอสุราดับทุกข์’ ทุกแห่ง ทุกวันต่างกำไรไหลมาเทมา กิจการคึกคัก ดึงดูดผู้คนมากมายมาใช้บริการ
และเถ้าแก่ใหญ่ของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ลือกันว่าคือเศรษฐีอันดับหนึ่งของเทียนหยวน
เถ้าแก่ใหญ่ผู้นี้ แม้จะมั่งคั่งอย่างมาก แต่กลับลึกลับยิ่งนัก น้อยคนที่จะได้เห็นหน้าของเถ้าแก่ใหญ่
และลือกันอีกว่าเถ้าแก่ใหญ่ผู้นี้ที่ต้องทำตัวลึกลับ ไม่พบเจอผู้คน นั่นเพราะว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์ หรือมีสามหัวหกแขน จนทำให้คนตกใจกลัว กระทั่งเด็กสาบขวบเห็นต้องตกใจร้องไห้ และฝันร้ายติดต่อกัน น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
และยังลือกันอีกว่าเขาอายุมากกว่าหกสิบปีแล้ว เป็นชายชราผู้หนึ่ง
สำหรับข่าวลือเกี่ยวกับเถ้าแก่ใหญ่ผู้นี้มีมากมาย แม้ซินเอ๋อร์ไม่ใช่คนชอบนินทาผู้อื่น แต่ปกติกลุ่มหญิงสาวพวกนั้นต่างพูดกันมากมาย เธอจึงย่อมรู้เรื่องนี้ไม่น้อย
ซินเอ๋อร์ก็เคยได้ยินว่าชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ทุกแห่งคือสถานที่ต้องห้าม ผู้ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป
ตอนนี้เธอเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ แต่ชายตรงหน้านี้เล่า!
เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจ
ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ มองสำรวจชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่หยุด
มีคนบางประเภท เกิดมาพร้อมความไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ต่างสมบูรณ์แบบน่ามองจนลิ้นจุกปาก ราวกับชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้
แม้จะเป็นแผ่นหลัง แต่กว้างใหญ่ สูงโปร่ง แข็งแรง และน่ามองเช่นนี้
เส้นผมของเขา ทั้งดำสนิท ยาว และนุ่มลื่น
ซินเอ๋อร์รู้สึกเป็นครั้งแรกว่าที่แท้เส้นผมของชายหนุ่ม ก็สวยงามขนาดนี้!
เส้นผมดำสนิทนั้น ยาวจรดเอว จากฝีเท้าที่มั่นคงของเขา เส้นผมด้านหลังจะพริ้วไหวขึ้นอย่างงดงามน่ามอง เช่นเดียวกับเขาที่เป็นเจ้าของ!
ฮ่า ๆ ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่ามองเสียจริง!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ กลับคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้าเธอ กลับแอบมองสีหน้าแปลกใจสงสัยของเธออยู่เงียบๆ
ทันใดนั้นเอ่ยขึ้น
“เจ้ามีเรื่องอยากถามหรือ”
เสียงแหบพร่าทุ้มต่ำ แผ่วเบา ราบเรียบ คล้ายเอ่ยขึ้นลอยๆ
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ใจเต้นแรง ดวงตาคู่งามนั้นพลันเบิกกว้าง ก่อนเอ่ยในใจ
สวรรค์!