สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 223 ยากจะพบพาน (2)
หรือชายผู้นี้มีตาอยู่ทางด้านหลัง มิฉะนั้นเหตุใดเขาจึงรู้ว่าเธอกำลังคิดสิ่งใดในใจ โดยไม่หันกลับมามอง!
ช่างเป็นชายหนุ่มที่เฉียบแหลม!
ซินเอ๋อร์จุ๊ปากในใจ ทว่าสุดท้ายหลังคิดทบทวน ยังเอ่ยถามสิ่งที่ยังสงสัยในใจออกมา
“คือว่า คุณชายคือผู้ใด เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ข้าเคยได้ยินว่า ชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ต่างห้ามไม่ให้ผู้ใดขึ้นมา”
ในที่สุดซินเอ๋อร์ก็เอ่ยออกมาจนจบ ดวงตาคู่งามแฝงความแปลกใจนั้นเงยขึ้น และจากมุมของเธอเห็นใบหน้าด้านข้างที่เด็ดเดี่ยวดุจคมมีดของชายหนุ่มนั้นพอดี
อา กระทั่งด้านข้างยังน่ามองขนาดนี้!
ชายผู้นี้ คือคนที่น่ามองที่สุดตั้งแต่ที่เธอเห็นมา!
แน่นอน ซินเอ๋อร์ยอมรับว่าตนไม่ได้คลั่งไคล้บุรุษ
แต่สำหรับสิ่งที่น่ามองไปหมดเช่นนี้ เธอจึงมองอย่างชื่นชม
แต่คิดไม่ถึง เมื่อเธอมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มอย่างตกตะลึง รอคอยคำตอบจากชายหนุ่ม กลับเห็นเขาหันศีรษะกลับมา
ทันใดนั้น ทั้งคู่สบตากัน ดวงตาดำขลับลึกล้ำของชายหนุ่ม ตกอยู่ในสายตาของซินเอ๋อร์ทันที
เวลานี้ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงใจของตน คล้ายถูกลูกตุ้มกระแทกอย่างรุนแรง
ความผิดปกตินั้น พรั่งพรูขึ้นในใจของเธออย่างรวดเร็ว
สำหรับความผิดปกติเช่นนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์วิตกกังวล และสับสนมึนงง
ตนวันนี้เป็นสิ่งใดกันแน่ วันนี้หัวใจมักเต้นผิดจังหวะ หรือว่าเธอ…จะป่วย!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์กังวล
เพราะเธอตอนนี้ ยากจนกระทั่งไม่มีเงินไปดูอาการน้องชาย!
ทว่าผิดปกติในใจ ถือว่าไม่ได้เจ็บป่วยหนัก คงต้องพักสักระยะจึงจะหายดีเป็นปกติ!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ดวงตาก็หลุบลง ไม่สบตาชายหนุ่มอีก
เพราะเธอรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นผิดปกติ เพราะเธอมองหน้าของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มผู้นี้ คล้ายเป็นสาเหตุของปัญหา รูปโฉมชวนหลงใหลเกินไป!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ หูกลับพลันได้ยินเสียงหยอกล้อของชายหนุ่มดังขึ้น
“ที่นี่ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา ฉะนั้นข้าคือผู้ใด เจ้าคงต้องคาดเดาดู”
“เอ่อ”
สำหรับคำตอบของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ถึงกลับตะลึงงัน
ลองเดาหรือ!
เธอจะเดาได้เช่นไร!
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้ วันนี้เธอเจอเขาเป็นครั้งแรก ความจริงกระทั่งนามของอีกฝ่ายล้วนไม่ทราบ ตอนนี้ให้เธอเดาถึงสถานะของเขา ดูยากลำบากเกินไป!
ทว่าซินเอ๋อร์ยังก้มหน้าขบคิด ทันใดนั้นดวงตาคู่งามแวววาวนั้น มองสำรวจชายหนุ่มอย่างขลาดกลัวแวบหนึ่ง หลังผ่านไปนาน คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ จึงเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้คำตอบแล้ว!”
“โอ ได้คำตอบแล้วหรือ เช่นนั้นพูดออกมาเถิด”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดบางอย่างได้ ดวงตาแวววาวนั้นคล้ายอัญมณีสีดำคู่งามกลางแสงอาทิตย์ เปล่งประกายสดใส
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยอย่างสนใจ
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์รีบเอ่ยขึ้น
“ชั้นห้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา แต่ท่านอยู่ที่นี่ แต่งกายไม่ธรรมดา ข้าเดาว่าท่านต้องเป็นเถ้าแก่ใหญ่เจ้าของ ‘หอสุราดับทุกข์’ อย่างแน่นอน ใช่หรือไม่!”
เมื่อซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ใบหน้าเล็กดุจหยกนั้นเชิดขึ้นอย่างลำพองใจ ริมฝีปากดุจบุปผานั้นยิ้มอย่างสดใสเบิกบาน
ท่าทางนั้น คล้ายกับเด็กน้อยที่ได้รับรางวัล ก่อนรีบร้อนให้ผู้ใหญ่เอ่ยชื่นชม ทำให้คนมองอดยิ้มไม่ได้
และเหลิ่งอวี้เซวียนก็หัวเราะอย่างจริงจัง
เสียงหัวเราะสดใส กระจ่างใส อบอุ่นนั้น ทำให้ซินเอ๋อร์ที่ได้ฟังอดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้ คล้ายกับรู้สึกว่าตนพูดสิ่งใดผิดไป ก่อนส่งเสียงออกมา และขมวดคิ้วถามขึ้น
“ท่านหัวเราะอันใด หรือข้าพูดไม่ถูก!”
“ไม่ใช่ แต่เจ้าพูดถูกเพียงครึ่งเดียว!”
เมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้
“ถูกเพียงครึ่งเดียว ที่ใดหรือ”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
แต่ชายหนุ่มได้ยิน กลับเอาแต่ยิ้มไม่ตอบคำถาม ก่อนมองเธอเงียบๆ
เมื่อเห็นดวงตาแฝงไปด้วยรอยิ้มหลายส่วน แต่กลับลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้งของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันรู้สึกว่าใจตน เริ่มแปลกไป
สวรรค์!
หรือชายหล่อเหลาตรงหน้านี้ ไม่ใช่มนุษย์!
หากให้พูด เขาคล้ายปีศาจตัวหนึ่ง
เพราะเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้มาก่อน
ปากตาหูจมูก ทุกส่วนต่างสมบูรณ์แบบ คมสันดุจคมมีด
โดยเฉพาะดวงตาของเขา
นี่คือดวงตาเช่นไรกันแน่!
ลึกล้ำดุจมหาสมุทร ดำขลับดุจยามราตรี ประกายแสงในแววตา คล้ายดวงดาวสะดุดตากลางท้องฟ้า ช่างงดงามยิ่งนัก!
และเมื่อสบดวงตาคู่นี้เป็นเวลานาน มักรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้ คล้ายวังวนลึกลับมืดมน เมื่อมองนานสติของตนคล้ายถูกดูดกลืนไป
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตกใจในใจ ทันใดนั้นหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มอีก
เพราะเธอตอนนี้รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ร้ายกาจ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกกังวลในใจ
แต่ทันใดนั้น กลับได้ยินเสียงเรียกแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้น
“ซินเอ๋อร์”
“หา!”
สำหรับการเรียกขานของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตอบรับทันที
แต่หลังเห็นสายตาหยอกล้อของชายหนุ่มนั้น ในใจกลับอดแปลกใจไม่ได้
ชายผู้นี้ เหตุใดจึงรู้ชื่อของเธอ!
แต่คลับคล้ายว่าเธอไม่เคยเอ่ยถึงชื่อตนกับเขามาก่อน!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ ก่อนความสงสัยนั้นพลันหายไป
เมื่อนึกถึงเมื่อครู่บิดาเอ่ยเรียกตน ดูท่าชายผู้นี้จะรู้ชื่อของเธอจากเมื่อครู่
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เข้าใจทันที
แต่หลังจากกระจ่างชัด กลับพลันรู้สึกแปลกประหลาด
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้ นี่คือการพบกันครั้งแรก แต่เขากลับเรียกชื่อเธอออกมาตรงๆ และไม่รู้เหตุใด ขณะได้ยินเขาใช้เสียงแหบพร่าพิเศษนั้นเรียกชื่อเธอ จึงทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและแปลกใจมากขึ้น
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดตื่นตระหนกและใจเต้นไม่ได้
ดวงตาที่หลุบลงนั้น เพราะกังวลจึงเป็นประกายไม่หยุด กระทั่งขนตาเรียวงอนนั้นก็กระพริบไปมา
ภายใต้แสงเทียนพร่ามัวนี้ ทำให้เธอยิ่งบอบบาง สวยงาม และชวนลุ่มหลงมากขึ้น!
หากเป็นหญิงอื่น เหลิ่งอวี้เซวียนคงคิดว่าอีกฝ่ายต้องการยั่วยวนเขา
แต่เมื่อเป็นสาวน้อยตรงหน้านี้ เขากลับรู้สึกว่าเธอช่างไร้เดียงสา
อาจเป็นเพราะเธอคือสาวน้อยที่ไม่รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง สิ่งใดคือล่อลวง สิ่งใดคือยั่วยวน เธอไม่รู้แม้แต่นิดเดียว
แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่าตนคล้ายของล้ำค่าบนโลกนี้ แม้เธอไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนผู้คน แต่จากท่าทางเป็นธรรมชาตินั้น อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่กระตุ้นเย้ายวนใจ
เธอสวยงามเช่นนี้ ความจริงคือสิ่งล้ำค่าที่เกิดมาล่อลวงผู้คน!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งอวี้เซวียนพลันเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกอยากเก็บซ่อนเธอไว้ขึ้นมา
เพราะสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด ล้วนดึงดูดสายตาทั้งชายและหญิง
เขากลัว หากไม่เก็บซ่อนเธอไว้ วันหน้าเธอจะถูกชายอื่นแย่งชิงไป
เพียงนึกถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งอวี้เซวียนลนลานและไม่สบายใจ
ดูท่าเขาต้องคิดหาวิธี จะทำเช่นไรให้เธอยินยอมอยู่ข้างกายเขา
เพียงเธอยินยอมอยู่ข้างกายเขา วันหน้ายังอีกยาวไกล เขามีเวลาที่จะค่อยๆ ช่วงชิงหัวใจของเธอ เช่นนี้เธอจึงจะอยู่ข้างกายเขาไปตลอดชีวิต
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของเหลิ่งอวี้เซวียนปรากฎความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
แต่ซินเอ๋อร์ที่เอาแต่ก้มมองปลายเท้าตน กลับไม่รู้ตัวว่าตนถูกคนตีตราไว้แล้ว
จนกระทั่ง ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“เซวียน ต่อไป ให้เจ้าเรียกข้าว่าเซวียน!”
“หา เซวียนหรือ!”
หลังได้ยินคำที่จู่ๆ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน หลังได้สติจึงพบว่านี่คือชื่อของชายหนุ่ม
แต่เซวียน!
เหตุใดมีเพียงตัวอักษรเดียว หากต่อไปเธอเรียกเขาเช่นนี้จริง คล้ายสนิทสนมกันเกินไปจริง!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนคิดว่าสามารถเปลี่ยนคำเรียกได้หรือไม่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอ ก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์เพียงวิ่งตามหลังชายหนุ่มไปอีกครั้ง พร้อมคิดในใจเซวียนก็เซวียน ถึงอย่างไรวันนี้ได้พบกับชายหนุ่มอย่างไม่คาดฝัน
รวมทั้งการที่เธอและชายหนุ่มได้พบกัน คงมีเพียงแค่วันนี้ หลังทานอาหารเป็นเพื่อนชายหนุ่มมื้อนี้เสร็จ เธอต้องเอ่ยอำลากับเขา
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
แต่เธอเวลานี้ กลับไม่รู้ตัวว่าการพบกันของตนและชายหนุ่ม ไม่ใช่เพียงทานอาหารมื้อนี้แล้วแยกย้ายกันไป
แน่นอนเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ไม่รู้
เวลานี้เธอเพียงรีบร้อนตามหลังชายหนุ่ม ลงจากชั้นห้าไปที่ชั้นสอง
หลังมาถึงชั้นสอง เห็นสภาพแวดล้อมหรูหราคุ้นตานี้ อดทำให้ซินเอ๋อร์หวาดกลัวไม่ได้
เพราะเธอไม่ลืมว่าเมื่อครู่เธอหนีจากที่นี่ขึ้นไปบนชั้นห้า
และไม่รู้ว่าบิดาของเธอจากไปแล้วหรือไม่ และยังมีเถ้าแก่ชุยที่บิดาประจบเอาใจตลอดเวลาผู้นั้น
เพียงนึกถึงชายชราที่สามารถเป็นปู่ของเธอได้ แต่กลับยังคงมองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และมือที่อยู่ไม่สุขหมายยื่นเข้ามาหาเธอไม่หยุดของเขานั้น
เพียงนึกถึงซินเอ๋อร์หวาดกลัว ก่อนยืนอยู่ตรงทางเดินชั้นสองดุจก้อนหิน แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น และไม่กล้าก้าวเดินเข้าไปด้านใน
เพราะเธอหวาดกลัว!
เหลิ่งอวี้เซวียนที่เดินอยู่ด้านหน้า หลังเดินเพียงไม่กี่ก้าวรู้ว่าคนด้านหลังเงียบไป อดหยุดฝีเท้าลงไม่ได้ ทันใดนั้นหันกลับไป แต่กลับเห็นสาวน้อยร่างเล็กนั้น ยืนนิ่งยู่ตรงนั้น บนใบหน้าเล็กประณีตดุจหยกนั้นหวาดกลัวอย่างไม่ปิดบัง
ท่าทางคล้ายกระต่ายน้อยที่ยืนอยู่ปากรังหมาป่า ขณะที่รู้ว่าด้านในคือรังหมาป่า จึงหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเข้ามา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดสงสารไม่ได้
และปวดใจแทนสาวน้อยร่างเล็กตรงหน้า
…………………………………………………………………………………..