สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 224 ใจหวั่นไหว (2)
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ สำหรับน้องชายของเธอ สิ่งอร่อยที่สุดที่เคยทานเป็นเพียงน่องไก่ที่เธอซื้อให้แก่เขาในวันเกิดเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ปวดใจ
นึกถึงมารดาผู้น่าสงสารที่เสียไปของตน นึกถึงน้องชายที่ยังหมดสติของตน ไม่รู้วันนี้หากเธอไม่กลับไป บิดาที่ใจดำผู้นั้น จะให้ท่านหมอรักษาเสี่ยวเป่าต่อไปหรือไม่
เพราะวันนี้เธอทำลายเรื่องของเขา
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เริ่มรู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมา
เพราะในใจเศร้าโศก กระทั่งดวงตาคู่งามนั้นเอ่อคลอด้วยน้ำตา ทำให้เธอดูน่าสงสารยิ่งขึ้น
หลังเห็นซินเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามอย่างกังวล
“เจ้าเป็นอันใด อาหารพวกนี้ไม่ถูกปากหรือ”
เหลิ่งอวี้เซวียนวางจอกสุราในมือลง ก่อนเอ่ยถาม
ความจริงเมื่อครู่เขาโกหก เขาทานอาหารเย็นมาแล้ว แต่เมื่อครู่หลังรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าหิว จึงโกหกออกไป ความจริงต้องการให้เธอกินบางอย่างเท่านั้น
เวลานี้เห็นสาวน้อยหน้าตาเศร้าโศก เขาอดปวดหนึบในใจไม่ได้
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน หลังได้ยินซินเอ๋อร์อดส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนก้มหน้าลงเช่นเดิม แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้น
“ไม่ อาหารพวกนี้อร่อยยิ่งนัก”
เสียงซินเอ๋อร์แผ่วเบา แม้จะพยายามควบคุม แต่ยังคงฟังออกว่าเธอกำลังกลั้นเสียงร้องไห้
หลังได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ ทันใดนั้นมือใหญ่เรียวยาวพลันยื่นดันศีรษะเล็กที่ก้มต่ำจรดหน้าอกของเธอขึ้นมา
เมื่อใบหน้าสาวน้อยเผยสู่สายตา เหลิ่งอวี้เซวียนอดดวงตาเบิกกว้างไม่ได้!
ใบหน้าเปื้อนน้ำตาอันน่าสงสาร!
เห็นเพียงบนใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามืออันประณีต และดวงตาคู่งามดุจอัญมณีนั้น เวลานี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา
น้ำตาแวววาวนั้นเอ่อล้นอยู่ภายในดวงตาของเธอไม่หยุด ทันใดนั้นไหลรินอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเขา
เมื่อเห็นน้ำตาสีเงินท่ามกลางแสงเทียนไหลรินลงบนสองแก้มขาวผ่องดุจหยก และการร้องไห้ไร้เสียงนั้น สวยงามจนน่าตกตะลึง และยากเกินกว่าจะบรรยายได้!
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงในใจเกิดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นมา คล้ายถูกบางสิ่งกระแทกอย่างรุนแรง กระแสไฟอันวาบหวาม ทะลุผ่านไปทั่วร่างของเขาจากผิวเนียนนุ่มใต้ปลายนิ้วนั้น
ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ ยังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก!
น้ำตาสาวน้อย แม้จะสวยงาม แต่กลับทำให้เขาปวดใจอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นความโศกเศร้าเสียใจในแววตาของสาวน้อย ทำให้ปวดใจยิ่งกว่าใช้มีดทิ่มแทงใจเขาเสียอีก!
สีหน้าเสียใจของสาวน้อย ทำให้เขาอดลูบไล้ปลอบใจไม่ได้
เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของสาวน้อยและเสียงหัวเราะที่ไพเราะ ดังที่ผ่านมา
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนหลังตกใจที่เห็นน้ำตาของสาวน้อย ไม่พูดจา ก่อนพลันล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ เพื่อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของสาวน้อยอย่างอ่อนโยนและใส่ใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนพลางเช็ด พลางเอ่ยเสียงเบาขึ้น
“มีเรื่องทุกข์ใจอันใด เอ่ยออกมาเถิด ไม่ต้องเก็บไว้ในใจ เช่นนั้นมีแต่ทำให้ตนไม่สบายใจ”
เสียงทุ้มต่ำแฝงแหบพร่าของชายหนุ่ม กลับแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ปลอบประโลมหัวใจผู้คน ทำให้คนอยากระบายความทุกข์ในใจออกมา
แม้จะรู้ว่าไม่ควรเอ่ยเรื่องทุกข์ใจกับคนแปลกหน้า แต่ซินเอ๋อร์อดทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลังมารดาเสียชีวิต เธออยู่กับน้องชายที่ยังเล็กเพียงลำพัง แม้วันหน้าจะต้องทุกข์ยากเพียงใด เธอจะกัดฟันฝ่าฟันต่อไป
เพราะตอนนี้เหลือเพียงพวกเธอสองพี่น้อง เธอที่เป็นพี่สาวจำเป็นต้องต้านทานทุกสิ่งเพื่อน้องชาย
และเธอจะให้น้องชายเห็นถึงความทุข์ยากไม่ได้เด็ดขาด เพราะเช่นนี้จะทำให้เขาเสียใจ
แม้น้องชายของเธออายุยังน้อย แต่กลับเริ่มรู้เรื่องมากขึ้น
แต่เขารู้ความเช่นนี้ เป็นพราะได้รับผลกระทบจากครอบครัว สำหรับเรื่องนี้เธอปวดใจอย่างมาก
น้องชายเธอ ปีนี้เพิ่งหกขวบ ควรจะมีวัยเด็กที่สวยงาม ไม่ต้องกังวลสิ่งใด แต่ แต่ตอนนี้…
พอคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดซินเอ๋อร์อดร้องไห้ดังลั่นขึ้นมาไม่ได้
“ข้า คิดถึงน้องชาย ฮือๆ”
“น้องชายข้าหลายวันก่อนตกต้นไม้ ศีรษะกระทบกระเทือนอย่างหนัก แต่ข้าไม่มีเงิน ฮือๆ ดังนั้นข้าจึงพาน้องชายกลับไปหาท่านพ่อ เดิมคิดว่าแม้ท่านพ่อจะตัดขาดกับท่านแม่แล้ว ยังเห็นแก่ความเป็นบุตรสาวบุตรชายของพวกเรา ช่วยเหลือน้องชาย ผู้ใดจะรู้ ฮือๆ”
“น้องชายข้าตอนนี้ยังอยู่ในเรือนของท่านพ่อ วันนี้ข้าหนีออกมา ทำให้เขาเสียเรื่อง ฮือๆ แต่ข้าไม่อยากไปกับชายชราผู้นั้น ฮือๆ ตอนนี้ข้าควรทำเช่นไร ข้าไม่มีเงินรักษาน้องชาย ข้าควรทำเช่นไร ฮือๆ”
อาจเพราะเก็บงำความทุกข์ไว้ในใจนานเกินไป และชายหนุ่มตรงหน้านี้ให้ความรู้สึกปลอดภัยเกินไป เพราะทราบดีว่าหลังจากวันนี้จะไม่ได้พบกับเขาอีก ดังนั้นเวลานี้ซินเอ๋อร์จึงไม่อดกลั้นอีกต่อไป เอ่ยระบายความทุกข์ในใจทั้งหมดออกมา
น้ำตาเม็ดโตนั้นไหลรินลงมาจากดวงตาคู่งามของเธอไม่หยุด ราวกับเขื่อนแตก ที่คิดหยุดก็หยุดไม่ได้
เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้าร้องไห้เพื่อระบายความในใจ จึงรู้ว่าเธอลำบากมานานเหลือเกิน ท่าทางน่าสงสารนั้น ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนมองอย่างปวดใจและโมโห
เพราะจากคำพูดของสาวน้อย คนฉลาดเช่นเขาย่อมรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น สาวน้อยจึงต้องลำบากเช่นนี้ ดังนั้นจึงรู้สึกโมโหแทนสาวน้อย
น่าชังนัก บนโลกนี้ยังมีบิดาที่ไร้เยื่อใยเช่นนี้อยู่หรือ!
เสือร้ายยังไม่กินลูกของมัน ชายผู้นั้นเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!
เหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะโมโหในใจ แต่เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้าร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ในใจเจ็บปวดแทนเธอ ขณะเดียวกันอดคิดคำปลอบโยนไม่ได้
เรื่องการค้าเขาฉลาดเฉลียว เมื่อพูดถึงการปลอบโยนคน เขากลับไม่เคยทำมาก่อน
น้ำตาของสาวน้อยไหลอย่างไม่รู้จบ จนกระทั่งผ้าเช็ดหน้าในมือของเขาเปียกชุ่มไปหมดแล้ว
สตรีทำจากน้ำจริงอย่างที่คิด!
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนถอนหายใจ พลันยื่นมือกุมที่ไหล่บอบบางของสาวน้อย
ขณะที่มือจะตกลงบนไหล่ของสาวน้อย อดหยุดชะงักไม่ได้ ก่อนตบลงเบาๆ
“อย่าร้องไห้อีกเลย เด็กดี”
ไม่รู้เขาไม่เข้าใจว่าควรปลอบโยนเช่นใด หรือน้ำเสียงเขาอ่อนโยนเกินไป กลับทำให้สาวน้อยร้องไห้หนักขึ้น
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจนปัญญา แต่กลับรู้ดีว่าสาวน้อยเวลานี้หยุดร้องไห้ไม่ได้ ตอนนี้เธอจำต้องระบายออกมาและต้องการการปลอบโยน
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยืดแขนเกี่ยวเอวเล็กที่บอบบางอย่างไม่น่าเชื่อของสาวน้อยทันที ก่อนรวบเธอเข้าสู่อ้อมกอด
การกระทำนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน เกิดขึ้นจากความปวดใจ
เขาเพียงต้องการให้สาวน้อยอาศัยอ้อมกอดตน อย่างน้อยสามารถร้องไห้ระบายความรู้สึกออกมาได้มากขึ้น
แต่สาวน้อยที่จู่ๆ ถูกเขาโอบกอดกลับพลันตกใจ จนลืมร้องไห้
เมื่อรู้สึกว่าตนถูกดึงเข้าสู่ภายในหน้าอกอันอบอุ่นแข็งแกร่ง หน้าอกที่กว้างหนา และกลิ่นกายที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันจางๆ ทำให้คนรู้สึกสบายใจ
หลังสูดดมกลิ่นดอกอวี๋หลันนี้ ใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตา และแนบชิดอยู่บนอกของชายหนุ่ม โดยมีเพียงเสื้อผ้าชิ้นบางขวางกั้นนั้น ทำให้ซินเอ๋อร์รู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านเสื้อผ้าออกมาของอีกฝ่าย และเสียงหัวใจเต้นอย่างหนักนั้น
เสียง ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างเป็นจังหวะ คล้ายกับบทเพลงที่ทำให้ผู้คนสงบใจเพลงหนึ่ง
ทำให้เธอที่แทบเสียสติ ค่อยๆ สงบลงมา
เมื่อถูกชายหนุ่มโอบกอดโดยไม่พูดจา นิ่งเงียบ และฟังเสียงหัวใจอันมั่นคงของชายหนุ่ม และถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มตบลงแผ่นหลังอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบขวัญ
ความอ่อนโยนเช่นนี้ ความสนิทสนมเช่นนี้ ความเอ็นดูเช่นนี้ เธอไม่เคยรู้สึกมานานเพียงใดแล้ว!
ก่อนหน้านี้ขณะมารดายังมีชีวิต หากเธอได้รับความไม่เป็นธรรม สิ่งแรกที่ทำคือหลบอยู่ในอ้อมกอดของมารดา มารดาของเธอจะปฏิบัติกับเธอเช่นเดียวกับชายหนุ่มในตอนนี้ ตบที่แผ่นหลังเธอเบาๆ ก่อนเอ่ยปลอบเธอ
ความรู้สึกเช่นนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
ชายผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับ…
“ท่านคล้ายกับท่านแม่ข้ายิ่งนัก”
ซินเอ๋อร์อดเอ่ยความในใจออกมาไม่ได้ แต่หลังเอ่ยจบ รู้สึกเพียงชายหนุ่มที่กอดตนอยู่สั่นเทิ้ม การกระทำทุกอย่างหยุดชะงักลง
เห็นเช่นนั้นซินเอ๋อร์ตกใจ เพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มต้องเข้าใจเธอผิดแน่
พอคิดถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์รีบผละจากอกของชายหนุ่ม จากนั้นเงยหน้าขึ้นอธิบายกับชายหนุ่มอย่างลนลาน
“คือ เมื่อครู่คำพูดของข้านั้น ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความว่าท่านคือท่านแม่ของข้า ข้าต้องการเอ่ยว่าท่านทำให้ข้ารู้สึกคล้ายมีท่านแม่อยู่ เอ่อ ไม่ใช่ ความหมายของข้าคือท่านทำให้ข้ารู้สึกปลอดภัย คล้ายกับท่านแม่ของข้า”
เอ่ยจบ ซินเอ๋อร์ไม่รู้ว่าตนกำลังเอ่ยสิ่งใด เพราะเธอยิ่งกังวล ยิ่งไม่รู้ควรพูดเช่นไร ลิ้นเริ่มพันกัน
แต่เธอกลัวว่าหากไม่อธิบาย ชายหนุ่มอาจจะเข้าใจผิด
เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดหรือโมโห
เพราะเขาคือคนแรกที่ดีกับเธอที่สุด นอกจากมารดา!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ยิ่งกังวล
ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ภายในดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาระยิบระยับ จมูกที่แดงก่ำเพราะร้องไห้นั้น ทำให้เธอดูคล้ายดอกไม้ช่อเล็กกลางลมพายุที่โอนเอน ทำให้คนเห็นอดเห็นใจไม่ได้
ความจริงหลังจากเหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ ก็หมดคำพูดและไม่รู้ควรพูดเช่นไรถึงจะดี
เพราะความจริงเขาไม่รู้ว่าเสียงปลอบโยนสาวน้อยในอ้อมกอดที่แผ่วเบาของตน กลับกลายมาเป็น…
ท่านคล้ายท่านแม่ของข้ายิ่งนัก!
คำพูดนี้ สำหรับเขากระแทกใจอย่างที่สุด!
จะพูดเช่นไร เขาเป็นชายหนุ่มสง่างาม เหตุใดจึงถูกคนเอ่ยว่าเป็นสตรีไปได้ และยังเป็นมารดาของผู้อื่น!
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงสับสนในใจอย่างที่สุด
แต่เมื่อเห็นสาวน้อยอธิบายอย่างกังวล คล้ายกลัวตนเข้าใจผิด ความลนลาน กังวล และจนปัญญานั้น ทำให้เขาทำใจไม่ได้ สุดท้ายเพียงถอนหายใจอย่างจนใจ
เฮ้อ ไร้หนทาง ผู้ใดให้ประโยคนี้ดังออกมาจากปากของเธอ
เหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะหมดคำพูด แต่หลังเห็นสาวน้อยไม่ร้องไห้อีกแล้ว ในใจจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมา
“เจ้าไม่ต้องอธิบาย ข้าเข้าใจ”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน
เขาเข้าใจหรือ!
…………………………………………………………………………………..