สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 225 สาวใช้ของเขา (2)
ไม่ต้องพูดว่าเป็นสาวใช้ เพียงเขาช่วยน้องชายเธอ ต้องการให้เธอเป็นวัวเป็นม้าให้เขา เธอก็ยินยอม!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ และนึกขึ้นได้ว่า วันนี้พวกเธอเพิ่งพบกันครั้งแรก เหตุใดเขาจึงมาช่วยเหลือเธอ!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ จนเอ่ยสิ่งที่สงสัยออกมา
“เซวียน เหตุใดท่านดีกับข้าเช่นนี้ พวกเราเพิ่งรู้จักกัน มิใช่หรือ”
“ฮ่า ๆ”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ทั้งดีใจและไม่เชื่อสายตา
คล้ายคนยากจนตัวเปล่าที่จู่ๆ ฝันว่าได้รับเงินก้อนใหญ่ ก่อนพลันไม่กล้าลืมตา
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นอดยิ้มไม่ได้ ทันใดนั้นเอ่ยขึ้น
“พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว ทว่าเจ้าลืมข้าไปแล้วเท่านั้น”
“หา พวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือ!”
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์พลันตกใจ ดวงตาแวววาวคู่งามนั้น เบิกกว้างเพราะประหลาดใจ
จะโทษเธอที่ตกใจขนาดนี้ไม่ได้ เพราะคำพูดของชายหนุ่ม เกินความคาดคิดของเธอมากจริงๆ
เขาเอ่ยว่าพวกเธอเคยรู้จักกันมาก่อน แต่เหตุใดเธอจึงไม่รู้!
คล้ายชายหนุ่มตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือบุคลิก ล้วนโดดเด่นเหนือใคร ความสามารถไม่ธรรมดา คล้ายชายหนุ่มเช่นนี้ เพียงมองจดจำได้ไม่มีวันลืม
ดังนั้นหากก่อนหน้านี้เธอรู้จักกับเขาจริง เหตุใดเธอจึงจำไม่ได้!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ ดวงตาคู่งามแฝงความเหลือเชื่อนั้น แอบมองชายหนุ่มอีกรอบหนึ่ง หลังได้ข้อสรูปว่าเธอจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอรู้จักกับชายหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดเอ่ยอย่างขลาดกลัวไม่ได้
“คือ ท่านบอกได้หรือไม่ว่าพวกเรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด ข้า ข้าคล้ายจำไม่ได้ว่ารุ้จักกับท่าน!”
อาจเพราะรู้สึกคำพูดนี้ของตน ทำร้ายจิตใจเกินไป ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยอย่างระมัดระวัง ราวกลัวจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านี้โมโห
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้ สามารถช่วยชีวิตน้องชายเธอได้ ดังนั้นเธอห้ามทำให้เขาไม่พอใจเด็ดขาด!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเธอ หลังได้ยินกลับเพียงยิ้มไม่พูดจา
ก่อนยื่นมือใหญ่เรียวยาวนั้นยกจอกสุราหยกขาวบนโต๊ะขึ้น ก่อนสูดกลิ่นเบาๆ จากนั้นจิบลิ้มรส
ส่วนซินเอ๋อร์รอคอยคำตอบของชายหนุ่มอย่างเงียบเชียบ
ตอนนี้เมื่อเห็นชายหนุ่มจะดื่มสุราอีกครั้ง อดถอนหายใจไม่ได้
ชายผู้นี้ ไม่เพียงรูปโฉมโดดเด่น กระทั่งท่าทางดื่มสุรายังสง่างาม น่ามองจนทำให้คนมิอาจละสายตา!
ขณะซินเอ๋อร์อุทานในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งตรงข้ามเธอ มองสีหน้าหวาดหวั่นกังวลใจของเธอ
ขนตาเรียวงอนนั้น ด้านบนยังมีหยดน้ำตาเกาะอยู่ เมื่อเธอกระพริบตา จึงเกิดประกายน่าหลงใหล
จมูกเล็กนั้น เพราะร้องไห้เมื่อครู่จึงแดงก่ำ
เข้ากับผิวขาวผ่องดุจหยกไขมันแพะนั้นของเธอ ทำให้เธอคล้ายกระต่ายน้อยน่าสงสาร แต่กลับน่ารัก ทำให้คนโอบรัดไว้ในอ้อมกอด!
เพียงนึกถึงวันหน้ากระต่ายน้อยตัวนี้ ต้องใช้ชีวิตร่วมกับเขา เหลิ่งอวี้เซวียนอดใจลอยไม่ได้ หัวใจดุจอาบไปด้วยน้ำผึ้งอันหวานหอม
แต่เห็นท่าทางสงสัยของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงเม้มริมฝีปาก ก่อนพลันเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้จำไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล วันหน้าเจ้าจะค่อยๆ นึกขึ้นมาได้เอง!”
เพราะถึงอย่างไร เวลาของพวกเขายังอีกยาวไกล มิใช่หรือ!
วันหน้าเขาต้องทำให้เธอนึกขึ้นให้ได้ว่าพวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด และรู้ว่าพวกเขารู้จักกันมานานมากแล้ว
ซินเอ๋อร์หลังได้ยิน เพียงขมวดคิ้วเข้มมุ่น ก่อนพลันคลายลง
เพราะแม้เธอจะแปลกใจว่าพวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด แต่เรื่องนี้ความจริงไม่ได้สำคัญ
สิ่งสำคัญคือ ปัญญาหนักที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้ในที่สุดคลี่คลายได้แล้วมิใช่หรือ!
เพียงนึกถึงน้องชายของเธอมีโอกาสรอดชีวิต และเธอไม่ต้องกลับบ้านที่ไม่ใช่ของเธอหลังนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด
สีหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางยิ้มแย้มของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นตอนนี้ เจ้าคงทานอาหารได้แล้วกระมัง”
“อืม ตกลง”
ซินเอ๋อร์ตอบตกลง
เพราะเมื่อครู่นึกถึงเรื่องน้องชาย เธอจึงไม่อยากอาหาร ตอนนี้จัดการเรื่องน้องชายได้แล้ว ซินเอ๋อร์จึงเริ่มหิวขึ้นมาอีกครั้ง
ดังนั้น ครั้งนี้ซินเอ๋อร์หยิบตะเกียบขึ้นทานอาหารอย่างไม่เกรงใจ
อาหารตรงหน้าพวกนี้ คือมื้อที่เธอทานอย่างครบครันและอร่อยที่สุดในชีวิตนี้
และตอนนี้พวกเธอมีเพียงสองคน แม้ตีให้ตาย ก็ทานไม่หมด
แต่เพราะสภาพครอบครัว ตั้งแต่เด็กและหลายปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างยากแค้น ทำให้ซินเอ๋อร์มีนิสัยไม่ฟุ่มเฟือย
เพราะใกล้จะถึงระดับทานไม่อิ่ม จะฟุ่มเฟือยได้อย่างไร!
ตอนนี้เมื่อเห็นอาหารสิบอย่างตรงหน้า และทุกจานเพียงมองดูก็รู้ว่าราคาแพง หลังทานอาหารมื้อนี้ เธอต้องทำงานกี่สิบปีกว่าจะชดใช้เงินครั้งนี้หมด!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจ และสงสัยในตัวชายหนุ่มตรงหน้าไปพร้อมกัน
ชายผู้นี้คือผู้ใดกันแน่!
เขาคล้ายมีเงินมากมายจริงๆ!
แม้จะประหลาดใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการบอกกล่าว ซินเอ๋อร์ก็ไม่ไถ่ถาม
เพียงตักอาหารเข้าปากตนไม่หยุด จนกระทั่งทานมาราวครึ่งวัน หน้าท้องที่แบนราบของซินเอ๋อร์กลมนูนขึ้น เธอจึงรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าเธอ นอกจากทานอาหารคำแรก ต่อมาจิบสุราอยู่ตลอดเวลา
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดวางตะเกียบลง และเอ่ยถามขึ้นไม่ได้
“เหตุใดท่านจึงเอาแต่จิบสุราไม่ทานหรือ เช่นนี้ไม่ดีต่อร่างกาย!”
คำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ย่อมค่อยๆเอ่ยจากปากออกมา
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของตน หลังชายหนุ่มได้ฟังอดใจเต้นแรงไม่ได้
เพราะจากคำพูดของสาวน้อย เขารับรู้ถึงความห่วงใยของเธอ
คิดแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต ข้างกายเขาไม่เคยขาดแคลนคนที่ห่วงใย ทว่านอกจากเสด็จพ่อเสด็จแม่และเหล่าแม่นมที่ดูแลเขา ผู้อื่นห่วงใยเขาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง
แต่สาวน้อยตรงหน้านี้ น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ความใสซื่อในแววตาของเธอ ทำให้คนมองรู้สึกสบายใจ
ดวงตาของเธองดงามจริงๆ ราวกับธารน้ำที่กระจ่างใส เมื่อได้สบตา สามารถขจัดความวุ่นวายและอ่อนล้าบนกายลงได้
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก ก่อนกล่าวขึ้น
“เจ้าทานเพียงพอแล้ว อิ่มหรือไม่”
เพราะเขาทานอาหารเย็นมาแล้ว ดังนั้นย่อมไม่หิว ตอนนี้เขาเป็นห่วงที่สุดคือเธอทานไม่อิ่ม เพราะเธอผอมบางเกินไป!
ร่างบอบบางนั้น คล้ายจะปลิวไปตามสายลม ทำให้คนมองกังวลใจ
ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนหลังเห็นซินเอ๋อร์วางตะเกียบลง รีบเอ่ยขึ้น
“เหตุใดจึงทานน้อยเช่นนี้ ทานอีกหน่อยเถิด!”
“อืม ไม่ไหว ข้าอิ่มแล้ว”
ซินเอ๋อร์วางตะเกียบลง ใช้มือลูบหน้าท้องที่กลมนูนของตน ก่อนเอ่ยขึ้น
คิดแล้ววันนี้คือมื้อที่เธออิ่มที่สุดในรอบหลายปี
หลังมารดาจากไป เธอต้องรับผิดชอบงานในบ้านทุกอย่างเพียงลำพัง เพื่อให้น้องชายตนมีชีวิตที่ดี ทานอิ่ม มีเสื้อผ้าสวมใส่
เธอจะเป็นเช่นไรไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรเพียงน้องชายสบายดีก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นอาหารมื้อนี้ เธอจึงทานอย่างพออกพอใจ
วันหน้าไม่รู้ยังจะทานดีเช่นนี้หรือไม่ อีกสักครู่ไม่รู้เธอจะสามารถห่อกลับบ้านได้หรือไม่! เพราะตรงนี้มีอาหารหลายจานที่ทานเพียงสองคำ ทิ้งขว้างไปเสียดายแน่!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าบนใบหน้าตนแสดงความในใจของตนออกมา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดยิ้มไม่ได้
เห็นชายหนุ่มมองตนก่อนพลันหัวเราะลั่น ซินเอ๋อร์จึงตะลึงงัน กระพริบตาอย่างสงสัย และเอ่ยถามขึ้น
“ท่านหัวเราะอันใด”
“ไม่ ไม่มีสิ่งใด เอาล่ะ เมื่อตอนนี้ทานอิ่มแล้ว พวกเราก็กลับกันเถิด!”
เอ่ยจบ เหลิ่งอวี้เซวียนลุกขึ้นจากเก้าอี้
ซินเอ๋อร์ได้ยินอดตะลึงงันไม่ได้
“กลับ กลับไปที่ใด”
“เมื่อครู่เจ้าตกลงเป็นสาวใช้ของข้ามิใช่หรือ ตอนนี้ย่อมกลับไปที่เรือนของข้า!”
สำหรับคำถามของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยตอบขึ้นอย่างมีเหตุผล
หลังหยุดชะงัก เอ่ยขึ้นต่อว่า
“เรื่องน้องชายของเจ้า เจ้าวางใจเถิด ข้ารับปากว่าจะช่วยเจ้า ย่อมทำได้แน่นอน”
หลังได้ยินซินเอ๋อร์ใจเต้น อดมองชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งไม่ได้ ก่อนเอ่ยเบาๆ ขึ้น
“ขอบคุณ”
คำนี้เธอเอ่ยจากใจจริง!
เพราะชายหนุ่มตรงหน้านี้ ดีกับเธอเกินไปจริงๆ
สำหรับใบหน้าเล็กที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงกล่าวยิ้มๆ ว่า
“หากซาบซึ้งข้าจริง ต่อไปก็ปรนนิบัติข้าให้ดีก็แล้วกัน”
คำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน แอบแฝงไปด้วยความหมายอื่น แต่ซินเอ๋อร์ไร้เดียงสา จึงฟังไม่ออก เพียงพยักหน้าตกลงอย่างหนักแน่น
“อืม วันหน้าข้าต้องปรนนิบัติ คุณชาย อย่างดีแน่นอน!”
สำหรับคำพูดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วงามมุ่นไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ต่อไป เจ้าต้องเรียกข้าว่าเซวียน!”
“หา!”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์กลับตกตะลึง
เพราะสาวใช้ที่ใดเอ่ยเรียกชื่อเจ้านายตนตรงๆ เช่นนี้!
ทว่าเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ซินเอ๋อร์เพียงตอบตกลง
เห็นซินเอ๋อร์เชื่อฟัง เหลิ่งอวี้เซวียนชอบใจ คิดแล้วต่อไปช่วงเวลาที่มีเธอ เขาต้องมีความสุขอย่างมากแน่!
…
หลังออกมาจาก ‘หอสุราดับทุกข์’ เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์นั่งบนรถม้าหรูหราที่มาหยุดคอยอยู่หน้าประตูใหญ่
รถม้าหรูหราเช่นนี้ ซินเอ๋อร์ยังนั่งเป็นครั้งแรก
เห็นเพียงรถม้าคันนี้ ไม่เพียงด้านนอกจะหรูหรา ด้านในคล้ายห้องขนาดเล็กห้องหนึ่ง
ภายในปูด้วยพรมหนาหลายชั้น ทำให้คนนั่งไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน
ด้านหน้ามีโต๊ะหนังสือขนาดเล็กทำจากไม้จันท์สีดำวางอยู่
ด้านบนมีหนังสือวางอยู่หลายเล่ม
ตำแหน่งตรงกลาง กลับวางโต๊ะเล็กแกะสลักตัวหนึ่ง โต๊ะตัวนี้สร้างติดกับพื้นรถม้าด้านล่าง และบนโต๊ะมีของว่างน้ำชาและผลไม้ จัดวางไว้อย่างสวยงาม
เวลานี้ซินเอ๋อร์นั่งอยู่กับเหลิ่งอวี้เซวียน
ความจริงเมื่อครู่ตอนขึ้นรถม้า ซินเอ๋อร์เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนนั่งลง จึงคิดนั่งลงตรงข้ามเขา แต่เห็นเขาพลันตบลงตำแหน่งด้านหน้าเขา หมายถึงให้เธอนั่งลงข้างกายเขา
สำหรับการกระทำนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ลังเลใจเล็กน้อย
แต่ต่อมาหลังขบคิด อีกฝ่ายตอนนี้คือเจ้านายเธอ เพียงเขาไม่ทำเรื่องที่มากเกินไป เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เธอย่อมไม่อาจปฏิเสธ
ดังนั้นเธอจึงนั่งลงข้างกายเขาอย่างเชื่อฟัง
เพราะนั่งอยู่ใกล้ชิดกับเขา กลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันจึงโชยเข้ามาที่จมูกของเธอ
…………………………………………………………………………………..