สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 226 จุมพิตแรก (1) (รีไรท์)
ซินเอ๋อร์สูดดม ก่อนอุทานในใจหอมยิ่งนัก!
ที่แท้กลิ่นกายชายหนุ่มหอมกรุ่นเช่นนี้ เธอเพียงรู้ในตอนนี้
อาจเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน!
เธอครอบครัวยากจน สถานที่อยู่อาศัยเป็นเขตสามัญชนทั่วไปในเมืองหลวง ดังนั้นชายหนุ่มที่ใกล้ชิด บนกายมักมีกลิ่นเปรี้ยว บางครั้งยังมีกลิ่นเหงื่อไคล
ไร้หนทางเพราะทุกคนต่างออกไปทำงานหนัก แตกต่างกับชายหนุ่มตรงหน้านี้
ชายผู้นี้ เพียงมองก็รู้ว่าคือคนในตระกูลสูงศักดิ์ กลิ่นกายจึงงามสง่า ทำให้คนหลงใหล
หลงใหลหรือ!
จู่ๆ คำนี้ปรากฎขึ้นในใจ ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก จนดวงตาเบิกกว้าง
สวรรค์ เธอกำลังคิดเหลวไหลสิ่งใดกันแน่!
ดูท่าวันนี้เธอตื่นเต้นดีใจเกินไป จึงมักคิดเหลวไหล
ซินเอ๋อร์คิด และอดเคาะศีรษะเล็กของตนอย่างหงุดหงิดไม่ได้ คิดไม่ถึงมีเสียงหัวเราะขบขันดังขึ้น ทันใดนั้นซินเอ๋อร์ที่ใจลอยพลันได้สติ ก่อนหันไปสบตาแฝงรอยยิ้มคู่นั้น จนใบหน้าเล็กพลันเก้อเขิน
สวรรค์ เรื่องน่าอายของตนเมื่อครู่ต้องถูกเขาเห็นเข้าแน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าซินเอ๋อร์พลันแดงระเรื่อ ดวงตาคู่งามแฝงเขินอายและหงุดหงิดหลุบต่ำลง
สำหรับสีหน้าเขินอาย ขลาดกลัวเช่นนี้ของเธอ คล้ายกับกระต่ายน้อยขี้ขลาดตัวหนึ่ง เพียงลมพัดต้นหญ้าขยับ สามารถทำให้มันตกใจ แต่ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนที่เห็นหัวเราะลั่น
ฮ่าๆ สาวน้อยผู้นี้ ยังสามารถน่ารักกว่านี้ได้อีกหรือไม่!
ความจริง หลังเขาขึ้นมาบนรถม้า แอบมองสาวน้อยข้างกายนี้ตลอดเวลา เห็นเพียงสาวน้อยผู้นี้มีสีหน้าที่หลากหลาย น่าสนใจยิ่งนัก
ประเดี๋ยวใจลอย ประเดี๋ยวหงุดหงิด ตอนนี้ยังใช้มือเคาะศีรษะของตน
ไม่รู้ภายในสมองของเธอบรรจุสิ่งใดกันแน่ จึงทำให้เธอน่ารักเช่นนี้
และต้องพูดว่าแม้จะมองเธออยู่เงียบๆ เช่นนี้ สำหรับเขาถือว่ามีความสุข!
คิดดูแล้ว ตั้งแต่เขาสิบขวบ หลังสนใจเรื่องการค้า ตนหมกมุ่นอยู่กับสมุดบัญชีเล่มหนาพวกนั้นโดยไม่ลืมหูลืมตา
ตั้งแต่นั้น นอกจากการคำนวณตัวเลขที่ดึงดูดความสนใจเขา ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เขาสนใจได้
จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดก็ตามหาเรื่องอื่นที่ทำให้เขารู้สึกสนใจพบ
พอคิดถึงตรงนี้สายตาที่มองซินเอ๋อร์ยากที่จะคาดเดา จนซินเอ๋อร์เก้อเขินและขนลุกชัน
ชายผู้นี้เหตุใดชอบหัวเราะเช่นนี้!
แม้เมื่อเขายิ้มจะดูดีมากก็ตาม แต่เธอไม่ลืมว่าเพราะเหตุใดเขาจึงยิ้ม
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เขินอายในใจ พลันเอ่ยขึ้น
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้!”
ซินเอ๋อร์หงุดหงิด แก้มสองข้างแดงก่ำ เบ้ริมฝีปากขึ้นเพราะเขินอายจนโมโห
แต่หลังได้ยินคำพูดของเธอ ชายหนุ่มกลับไม่ทำตาม แต่หัวเราะสุขใจมากขึ้น
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ทั้งเขินอายและหงุดหงิด สุดท้ายจึงคิดไม่ให้เขาหัวเราะอีก ดังนั้นจึงยื่นมือเล็กปิดปากชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะอยู่ทันที
หลังลงมือเสร็จ เธอกลับตกตะลึง
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่ตกตะลึง เหลิ่งอวี้เซวียนก็พลันหยุดหัวเราะทันที ใบหน้าตะลึงงัน ดวงตาที่แฝงด้วยรอยยิ้มคู่นั้นตกตะลึง ก่อนมองสาวน้อยตรงหน้าเงียบๆ
เมื่อรู้สึกถึงมือเล็กบนริมฝีปาก ที่ให้ความรู้สึกเย็นเฉียบ
และยังมีความรู้สึกหยาบกร้าน แต่กลับทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้นแรง
คล้ายส่วนลึกลับในใจถูกคนดึงขึ้นมา
เหลิ่งอวี้เซวียนหวั่นไหวในใจ ดวงตาแคบยาวนั้นสบตากับดวงตาคู่งามของซินเอ๋อร์
ทันใดนั้น ทั้งสองต่างไม่พูดจา เพียงสบตากัน ทำให้ภายในรถม้าคล้ายละมุนขึ้นมาหลายส่วน
ด้านบนรถม้าแขวนไข่มุกราตรีเม็ดกลมไว้ เพื่อให้แสงสว่าง
เวลานี้แสงอ่อนนวลนั้นสาดส่องลงมา ท่ามกลางแสงไข่มุกราตรี เห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้ามีอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าที่ประณีตอย่างน่าเหลือเชื่อ
คิ้วเข้มงอนดุจเทือกเขา โดยไม่ต้องเขียนวาด ดวงตาชุ่มฉ่ำดุจสายน้ำ งดงามจับตา!
ริมฝีปากเนียนนุ่มใต้จมูกเล็กนั้น เพราะแปลกใจจึงเผยออกเล็กน้อย เผยฟันขาวเรียงสวยออกมา
ผิวของเธอเมื่อมองใกล้ๆ กลับไม่มีกระทั่งเส้นขนสักเส้น ขาวเนียนนุ่ม ดุจหยกไขมันแพะงดงามไร้ราคี
และกลิ่นหอมเย็นจางๆ ที่กระจายจากร่างกายของเธอนั้น คล้ายกลิ่นหอมของดอกมะลิ
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้นรุนแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด เวลานี้คล้ายมีบางสิ่งดึงดูดเขา และทำให้เขาไม่เป็นตนเอง จ้องริมฝีปากเนียนนุ่มดุจบุปผาของสาวน้อยนั้น
ไม่รู้ปากเล็กคู่นี้ จะหอมหวานดังเจ้าของหรือไม่!
ขณะคิดในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนดุจปีศาจร้าย ค่อยๆ ยื่นมือดึงมือเล็กที่ปิดปากตนลง จากนั้นโน้มตัวก้มศีรษะลงคร่อมสาวน้อยตรงหน้า
สำหรับการกระทำของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ไม่ใช่ไม่รับรู้ ทันใดนั้นหัวใจเต้นระรัว
สวรรค์!
เขาคิดทำสิ่งใดกันแน่!
หรือเขาจะ…
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หวาดกลัวและกังวลใจ สิ่งแรกที่ทำคือเอนกายไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนหลบหลีกจากชายหนุ่มได้
หลังเห็นการกระทำของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนได้สติและอดปรากฎแววตาผิดหวังขึ้นมาไม่ได้
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนยังไม่หายผิดหวัง รถม้าที่วิ่งไปด้านหน้าอย่างมั่นคง พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น ก่อนซินเอ๋อร์จะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนัก ทันใดนั้นขณะไม่ได้สติ ร่างกายของเธอตอบสนองตรงกันข้ามโดยพุ่งไปที่ด้านหน้า
และด้านหน้าเธอคือเหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
เธอโผเข้าหาชายหนุ่มพอดี
ความจริงซินเอ๋อร์ไม่ได้หนัก แม้จะถูกเธอโผเข้ามาเหลิ่งอวี้เซวียนสามารถรับตัวเธอไว้ได้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนี้ เมื่อซินเอ๋อร์โผเข้ามาเขาล้มลงไปด้านหลังทันที
ทันใดนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียง บนร่างกายมีร่างเล็กอ่อนนุ่มกดทับอยู่ และสิ่งที่เหนือความคาดคิดของเขาคือริมฝีปากเขาพลันถูกริมฝีปากนุ่มนั้นประกบลง
เรื่องนี้เหลิ่งอวี้เซวียนคิดไม่ถึง แต่สำหรับเขากลับเป็นเรื่องน่าตกตะลึงอันยิ่งใหญ่!
เพราะเขาถูกจุมพิต!
น่าตายนัก จุมพิตแรกของเขา! ฮ่า ๆ
ความรู้สึกบนริมฝีปากอ่อนนุ่มกว่าที่เขาคาดคิดและเชื่อมั่น ราวกับขนมสายไหมที่เขาทานในตอนเด็ก แม้เขาตอนนี้อยากอ้าปากกัดลงไป แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น เพราะเช่นนั้นเขาจะดูร้อนรนเกินไป และไม่อยากทำให้สาวน้อยตรงหน้าตกใจ!
ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนแม้ในใจจะตื่นเต้นดีใจอย่างมาก แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้เผยมันออกมา กลับกันดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ!
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียนที่ตกตะลึง ซินเอ๋อร์ที่ทับอยู่บนกายเขาก็ตกใจอย่างหนักเช่นกัน!
สวรรค์ เธอกลับจุมพิตเขา!
จะทำเช่นไร เธอไม่ได้ตั้งใจ!
และนี่จะโทษเธอไม่ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นฉับพลันเกินไป ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน ดังนั้นเธอจึงโผเข้าหาเขา ก่อนจะจุมพิตเขา!
เพียงนึกถึงตนยังทับอยู่บนกายชายหนุ่ม ริมฝีปากยังแนบชิดกับริมฝีปากชายหนุ่ม ท่าทางของพวกเขาคลุมเคลือ เช่นนี้ แนบชิดใกล้กัน แม้มีเสื้อผ้าขวางกั้น เธอยังรู้สึกถึงความอบอุ่นบนร่างกายของอีกฝ่ายได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก ทันใดนั้นหลังจากได้สติ ร่างกายดุจบรรจุสปริงไว้ กระโดดออกจากกายชายหนุ่มทันที
“นี้คือ เมื่อครู่ ขะ…ข้า มะ…ตั้งใจ!”
เพราะกังวลมากเกินไป ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
บนใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้น เพราะเขินอายกังวล จึงแดงระเรื่อ ดุจมะเขือเทศ จนแทบมีควันลอยออกมา
และดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้น เวลานี้เต็มไปด้วยความวิตกกังวล กระพริบไปมาน่ารักยิ่งนัก
ส่วนมือเล็กขาวผ่องนั้น เพราะกังวลจึงพันกันอย่างเคยชิน จนแทบกลายเป็นขนมหม่าฮัว
ตรงข้ามกับสาวน้อยที่วิตกกังวล เหลิ่งอวี้เซวียนกลับลุกขึ้นจากพรมนุ่มช้าๆ พลางใช้มือจัดเสื้อคลุมที่ยับย่นของตนอย่างสง่างาม พลางมองซินเอ๋อร์และเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า
“โอ้ เมื่อครู่ที่แท้เจ้าตั้งใจหรือ”
รู้ว่าซินเอ๋อร์เอ่ยผิดเพราะกังวล แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับเห็นว่าเธอยังเขินอายไม่พอ จึงเอ่ยขึ้น
ซินเอ๋อร์ได้ยิน แทบหยุดหายใจ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้า ข้าเมื่อครู่พูดผิดไป เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพราะจู่ๆ รถม้าสั่นสะเทือน ข้าจึง ข้าจึง เฮ้อ สรุปคือข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านโปรดเชื่อข้าเถิด!”
ซินเอ๋อร์ส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น เพราะกลัวชายหนุ่มตรงหน้าไม่เชื่อตน จนแทบยกมือสาบาน
เธอกลัวชายหนุ่มเข้าใจผิด เรื่องเมื่อครู่ที่เธอจุมพิตเขา
แต่ซินเอ๋อร์กลับคิดมาก และเมื่อครู่นั้นก็เป็นจุมพิตแรกของเธอเช่นกัน
ขณะซินเอ๋อร์วิตกกังวล เหลิ่งอวี้เซวียนอดหยอกล้อเธออีกครั้งไม่ได้ แต่ขณะที่หยอกล้อเธอ เห็นเธอตื่นตระหนกน่าขบขัน จึงคิดว่าแค่เพียงเท่านี้พอแล้ว เพราะเขากลัวว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเธออาจตกใจวิ่งหนีไปได้
เก็บไว้ครั้งหน้า ค่อยตั้งใจหยอกล้อเธออีกครั้ง!
ฮ่า ๆ ที่แท้เขาไม่ใช่คนดี!
ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความตั้งใจของเหลิ่งอวี้เซวียน เพียงมองชายหนุ่มอย่างสับสน อธิบายอย่างร้อนรน
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดเธอ คล้ายเชื่อใจ พร้อมเอ่ยว่า
“ข้าเชื่อเจ้า ทว่า…” เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถึงตรงนี้ ตั้งใจหยุดลง สาวน้อยได้ยินตกหลุมพราง ร้อนใจเอ่ยถามขึ้น
“ทว่าอันใดหรือ
เมื่อเห็นปลาติดเบ็ด เหลิ่งอวี้เซวียนดีใจ แต่บนใบหน้ากลับเผยท่าทางเขินอายเสียใจขึ้นมา ก่อนใช้มือลูบไล้บนริมฝีปากตน พร้อมเอ่ยว่า
“เมื่อครู่นั้น เป็นจุมพิตแรกของข้า เจ้าว่าควรทำเช่นไรดี”
“ทำเช่นไร”
สำหรับคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์เอ่ยถามกลับไป
เพราะเธอไม่รู้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ความตั้งใจของเธอ ตอนนี้เขาถามเธอ เธอต้องถามผู้ใด!
ดังนั้น เวลานี้เพราะปัญหานี้ ซินเอ๋อร์จึงอดขมวดคิ้วเป็นปม อย่างทุกข์ใจไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าแววตาของชายหนุ่มพลันปรากฎความเจ้าเล่ห์ออกมา