สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 227 ยั่วเย้า (1)
ขณะหวั่นไหวในใจ กลับเห็นชายหนุ่มพลันยื่นมือชูขึ้น จากนั้นเด็ดดอกอวี๋หลันขาวที่เบ่งบานลงมาหนึ่งดอก ก่อนแตะที่จมูกตนสูดดมเข้าไป ริมฝีปากงามนั้นอดยิ้มไม่ได้
ริมฝีปากแดงและดอกอวี๋หลันขาวผ่องนั้นเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ชายหนุ่มโดดเด่น หล่อเหลาเหนือผู้ใด!
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงหัวใจคล้ายถูกบางสิ่งกระแทกอยู่ชั่วขณะ เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรุนแรง เร็วจนเธอรับมือไม่ทัน
สวรรค์!
ชายผู้นี้ น่าชังยิ่งนัก!
ไม่ว่าทำสิ่งใด ล้วนสง่างาม น่าหลงใหลขนาดนี้!
และใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์นั้น ทำให้ชายหญิงทั่วใต้หล้าบ้าคลั่งได้
ชายหนุ่มสูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าหญิงสาวเช่นใรที่คู่ควรกับเขา
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ จู่ๆ รู้สึกเพียงได้ยินเสียงบางอย่างตกลงมา จึงได้สติ ก่อนรู้ว่าที่แท้ชายหนุ่มกำลังนำดอกอวี๋หลันขาวช่องามในมือเหน็บลงบนหูเธอ
“เอ่อ”
เมื่อถูกชายหนุ่มจู่โจมเช่นนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจจนอดดวงตาเบิกกว้างไม่ได้ แววตาดูเขินอายหลายส่วน
เพราะหลังจุมพิตโดยบังเอิญบนรถม้าเมื่อครู่ นี่คือครั้งแรกที่พวกเธอใกล้ชิดกันเช่นนี้
อาจเพราะสำหรับชายหนุ่ม นี่คือการกระทำที่ไม่ได้มีความหมายใด แต่กลับทำให้เธออดเขินอายไม่ได้
เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เธอยังไม่เคยใกล้ชิดกับชายอื่นมาก่อน!
แม้ตอนนี้เธอจะอยู่ในวัยที่ควรแต่งงานแล้ว เหล่าท่านป้าข้างบ้านต่างคิดจับคู่เธอให้กับบุตรชายตน หรือแนะนำบุตรชายของผู้อื่นให้แก่เธอ แต่เธอตอนนี้กลับไม่คิดเรื่องความรัก
เพราะตอนนี้สำหรับเธอ สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้องชายของเธอ
เธอต้องการพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อให้น้องชายมีชีวิตที่ดี
ดังนั้น สำหรับการกระทำในตอนนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกเขินอาย และหน้าแดงหลายส่วน
แต่หลังชายหนุ่มเหน็บดอกไม้ให้แก่เธอ มองสำรวจบนใบหน้าเธอไม่หยุด จนเธอรู้สึกใบหน้าแทบมีควันออกมา ก่อนเอ่ยอย่างพออกพอใจว่า
“บุปฝางดงาม แต่คนงามยิ่งกว่า!”
เสียง ‘ปัง’ ดังนั้น ก่อนซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงภายในสมองพลันถูกฟ้าผ่าลงมา ขาวโพลน
แม้ซินเอ๋อร์ทราบดีว่าตนรูปโฉมไม่เลว ปกติรอบกายมีคนชื่นชมไม่น้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด สำหรับคำชมของผู้อื่น เธอเพียงยิ้มอย่างมีมารยาท แต่สำหรับชายหนุ่มตรงหน้านี้ กลับทำให้เธอรู้สึกแตกต่างจากผู้อื่น
ในใจคล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้งหอมหวาน และแฝงความเขินอาย
ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดอย่างมาก แต่กลับทำให้เธอชื่นชอบ
แต่เวลานี้ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ว่าควรตอบชายหนุ่มเช่นไร จึงเพียงหลุบสายตาลง
และเธอไม่รู้ว่าท่าทางเขินอายเวลานี้ของตนนั้น งดงามจับตายิ่งกว่าบุปผาเสียอีก
ผู้คนมักเอ่ยว่า สาวงามในดงบุปผา ยิ่งมองยิ่งงดงาม ประโยคนี้ไม่ผิดแม้แต่น้อย
ท่ามกลางแสงเทียน เห็นสาวน้อยเขินอายหน้าแดง ใบหน้าดุจดอกฝูหรง (ชบา) อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าอ่อนช้อย
ขนตาเข้มดุจพัดนั้น หลุบลงต่ำ เกิดเป็นเงาใต้ดวงตาของเธอ ทำให้เธอยิ่งน่าสงสารมากขึ้น
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้นแรง สาวน้อยน่าสงสารเช่นนี้ ต่อไปต้องเป็นของเขา…
และเมื่อนึกถึงจุมพิตบนรถม้าเมื่อครู่ สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนเคลื่อนไปที่ริมฝีปากนุ่มของสาวน้อย
เห็นเพียงริมฝีปากคู่นี้ เป็นคู่ที่งดงามที่สุดที่เขาเคยเห็นมา
ริมฝีปากชุ่มฉ่ำ เล็กแต่กลับงดงาม สีริมฝีปากดุจดอกเหมยที่เบ่งบานในเดือนสิบสอง สวยงามจนทำให้คนอยากเข้าไปใกล้ชิด
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้นแรง เขาเวลานี้ต้องการอยากลิ้มลองรสชาติริมฝีปากคู่นี้อีกครั้งเสียจริง
ขณะคิดในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนไม่เกรงใจ ทำตามความนึกคิดของตน ค่อยๆ โน้มตัวลง
หลังรู้สึกร่างกายชายหนุ่มประชิดตนเข้ามาเรื่อยๆ ซินเอ๋อร์หวั่นวิตก จนถอยหลังออกไปทันที
ผู้ใดจะรู้ เธอถอยหลัง ฝีเท้าชายหนุ่มกลับขยับตามเธอเข้ามา จนกระทั่งเธอถึงทางตัน ด้านหลังชนเข้ากับต้นดอกอวี๋หลันขาว
“เจ้าหวาดกลัวมากหรือ”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์แผ่นหลังแนบติดกับต้นไม้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ราวกับกระต่ายน้อยถูกหมาป่าไล่ต้อนจนตกใจหวาดกลัว เหลิ่งอวี้เซวียนอดหัวเราะไม่ได้
แม้เขาต้องการจุมพิตกระต่ายน้อยตัวนี้โดยไม่สนใจสิ่งใด แต่เขารู้ว่าเธอกำลังหวาดกลัว และเขาชอบมองท่าทางหวาดหวั่นวิตกของเธอ
ฮ่า ๆ เขาเอ่ยแล้วว่าตนไม่ใช่คนดี!
สำหรับเหลิ่งอวี้เซวียนเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความคิดในใจของเขา ทว่าหลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ส่ายหน้าดุจระลอกคลื่นทันที
“ไม่ ไม่ใช่”
“จริงหรือ!”
ก้มลงมองสองมือพันกันของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนคิดบางอย่างพร้อมยิ้มออกมา
อาจเพราะความจริงเธอไม่รู้ว่าทุกครั้งที่ตนกังวล สองมือมักพันเข้าหากัน!
เฮ้อ นี่คือสาวน้อยที่กระทั่งอะไรก็ไม่เข้าใจ
จะไม่ให้เขาชื่นชอบได้เช่นไร!
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ดวงตาน่ามองคู่นั้น ก็ค่อยๆ ปกคลุมด้วยรอยยิ้ม
สำหรับใบหน้าเหลิ่งอวี้เซวียนที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ซินเอ๋อร์พลันคล้ายคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงมีสีหน้าเก้อเขิน
หรือเมื่อครู่เขาตั้งใจเย้าแหย่เธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเข้าใจผิดเรื่องเมื่อครู่ และยังโกรธเคืองเหลิ่งอวี้เซวียน
แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใด องครักษ์สวมชุดเกราะเหน็บกระบี่ที่เอวผู้หนึ่ง พลันรีบร้อนเดินเข้ามาทางนี้ สุดท้ายอยู่ห่างจากเหลิ่งอวี้เซวียนประมาณสองเมตร หยุดลง ก่อนก้มหน้าเอ่ยกับเขาอย่างนอบน้อม
“นายท่าน”
“อืม รู้แล้ว ตอนนี้คนอยู่ที่ใด”
องครักษ์ไม่ต้องตอบ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ความหมายขององครักษ์ผู้นั้น จึงเอ่ยถามขึ้น
องครักษ์ผู้นั้นได้ยิน เอ่ยขึ้นต่อว่า
“อยู่ที่ปีกด้านตะวันตก”
“อืม เจ้าไปเถิด”
หลังได้ยินคำพูดขององครักษ์ เหลิ่งอวี้เซวียนโบกมือให้เขาออกไป
ส่วนซินเอ๋อร์เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน กลับสับสน ฟังไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว
ต่อมาหลังขบคิด น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน และไม่ควรสนใจ
เวลานี้หลังเห็นองครักษ์ผู้นั้นจากไป ซินเอ๋อร์นึกถึงเรื่องที่ตนถูกเย้าแหย่เมื่อครู่ อดโมโหไม่ได้ จึงเดินเข้าไปเงยหน้าเอ่ยบ่นกับเหลิ่งอวี้เซวียน
“เมื่อครู่ท่านล้อข้าเล่นหรือ!”
“โอ๊ะ ข้าล้อเจ้า ข้าจะล้อเจ้าเล่นเรื่องใด!”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์คล้ายแมวน้อยถูกเหยียบหางตัวหนึ่ง เหลิ่งอวี้เซวียนจึงรู้ว่าแม้จะเป็นกระต่ายน้อย แต่ก็โมโหได้
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้ อย่างใสซื่อเช่นเดิม
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น แม้จะโมโหในใจ แต่เวลานี้กลับไม่รู้ควรเอ่ยเช่นใด
หรือการตำหนิเขาเมื่อครู่ ทำให้เธอเข้าใจผิด หรือเขาต้องการจุมพิตเธอ!
สวรรค์ เรื่องนี้น่าอับอายเกินไป ทำให้คนยากที่จะเอ่ยปากออกไป!
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงหมดคำพูดอยู่นาน และพูดไม่ออก แต่ใบหน้าเล็กกลับพองกลม เพราะโมโห ทำให้เธอดูคล้ายกบน้อยขี้โมโหตัวหนึ่ง น่ารักยิ่งนัก
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดหัวเราะลั่นไม่ได้ ส่วนซินเอ๋อร์โมโหจนดวงตาเบิกกว้าง
ชายผู้นี้ เหตุใดร้ายกาจเช่นนี้!
“ห้ามหัวเราะ!”
“ฮ่าๆ ไม่มีทาง ผู้ใดให้เจ้าน่ารักเช่นนี้!”
สำหรับท่าทางกระทืบเท้าอย่างโมโหของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนกลับหัวเราะลั่นไม่หยุด
เสียงหัวเราะสดใสนั้น ในยามค่ำคืนเงียบงันเช่นนี้จึงดังกังวานเป็นพิเศษ และดังไปถึงหูของเหล่านางกำนัลที่ยังไม่นอน ขณะได้ยินเสียงหัวเราะสดใสมีความสุขนี้ หลังเดาได้ว่าเสียงหัวเราะนี้ ดังออกมาจากปากของนายท่านผู้เฉลียวฉลาด อายุน้อยมีความสามารถ แต่กลับพูดน้อยผู้นั้นของพวกเขา ต่างพากันตกใจ
หรือวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก!
คำตอบนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ และซินเอ๋อร์ย่อมไม่รู้เช่นกัน ว่าการปรากฎตัวของเธอ จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในวัง
เวลานี้เธอเพียงหลังจากได้ยินคำพูดชายหนุ่ม โมโหจนพูดไม่ออก
สุดท้ายเธอพูดไม่ออก โมโหจนเหนื่อย เพียงก้มหน้าลง ไม่มองใบหน้าที่เห็นเธอเป็นตัวตลกนั้นอีก
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น รู้สึกเพียงพอแล้ว หลังหุบยิ้มเอ่ยขึ้นว่า
“เอาล่ะ ข้าไม่หัวเราะแล้ว เจ้าอย่าโมโหเลย มา ข้าจะพาเจ้าไปพบคนผู้หนึ่ง!”
“พบคนคนหนึ่ง พบผู้ใด!”
ซินเอ๋อร์ที่โมโห หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ไม่ใส่ใจปัญหาเมื่อครู่อีก เพราะซินเอ๋อร์มีความคิดจิตใจบริสุทธิ์ โมโหง่ายหายเร็ว
เวลานี้หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม พลันรู้สึกแปลกใจ
เพราะที่แห่งนี้ นอนจากคนตรงหน้า เธอไม่รู้จักผู้ใด
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดกระพริบตากลมโตมองชายหนุ่มอย่างแปลกใจไม่ได้
เห็นเพียงดวงตาชายหนุ่มยังคงแฝงด้วยรอยยิ้บางส่วน หลังสบตาแปลกใจของเธอ กลับตั้งใจเล่นตัว
“เรื่องนี้บอกเจ้าไม่ได้ เจ้าไปถึงย่อมรู้เอง มา พวกเราไปกันเถิด!”
เอ่ยจบ ชายหนุ่มหมุนกายเดินมุ่งไปด้านหน้า
ขณะที่เขาพลันหมุนกายนั้น เห็นเพียงสายลมพัดเสื้อและเส้นผมของเขาขึ้น ทำให้เขาสูงส่งและสง่างามหลายส่วน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ดวงตาเป็นประกายอย่างตกตะลึง ทว่ากลับไม่คิดให้มากความ รีบก้าวเดินตามไป
แม้เวลานี้จะเป็นตอนกลางคืน แต่ภายในวังหรูหราแห่งนี้ ทุกก้าวต่างแขวนโคมหนังวัวไว้ ทำให้รอบด้านสว่างไสว ดุจตอนกลางวัน
ซินเอ๋อร์เดินตามหลังชายหนุ่ม ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวนั้น เห็นหน้าต่างประตูบานสลักรอบด้าน และภูเขาจำลองน้ำตกด้านนอก บุปผานานานพันธุ์เบ่งบาน ทุกภาพทิวทัศน์ต่างสวยงามสบายตา
สุดท้ายพวกซินเอ๋อร์เดินราวหนึ่งเค่อ ในที่สุดก็มาถึงด้านนอกเรือนเล็กที่เงียบสงบและงามสง่า
เห็นเพียงเวลานี้ ด้านนอกเรือนเล็กนั้น แขวนโคมไฟให้แสงสว่างไว้สองอัน ห้องภายในเรือนจุดไฟสว่างไสว และคล้ายเห็นเงาคนเดินไปมา
แต่รอบด้านกลับเงียบงัน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น เกิดสงสัย ไม่รู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนพาเธอมาที่นี่ ต้องการให้พบผู้ใดกันแน่
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนไม่พูด เธอจึงเก็บงำความสงสัยไว้ในใจ
ภายในห้องพลันมีหมอชราแบกกล่องยาเดินออกมา ซินเอ๋อร์ตกใจ และคล้ายเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่