สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 227 ยั่วเย้า (2)
“เซวียน ท่านต้องการ...”
“ชู่ว ฟังท่านหมอเอ่ยก่อน”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ที่ตามมาด้านหลัง ดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางทั้งดีใจและตื่นเต้น เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงยิ้มมุมปาก บอกให้เธออย่าเพิ่งตื่นตูม
หลังได้ยิน แม้ซินเอ๋อร์จะตื่นเต้น แต่ยังข่มความดีใจอย่างบ้าคลั่งของตนไว้ในใจ สายตาละจากเหลิ่งอวี้เซวียนไปมองหมอชราที่เดินมาตรงหน้าพวกเขาทันที
“ท่านหมอชุย เด็กด้านในอาการเป็นเช่นไร”
“เถ้าแก่เหลิ่ง เด็กน้อยผู้นั้น เพราะตกจากที่สูง และยังล่าช้ากินเวลา ภายในสมองจึงมีเลือดคั่ง หากต้องการรักษา ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย”
หมอชุยยังเอ่ยไม่จบ ซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็หวาดกลัวในใจ จึงกุมชายเสื้อของหมอชุยไว้ทันที ก่อนเอ่ยถามอย่างกังวลว่า
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ท่านหมอ ท่านตรวจผิดหรือเปล่า ครั้งก่อนบิดาข้าให้ท่านหมอมาดูอาการเขาที่บ้าน หมอผู้นั้นเอ่ยตรงๆ ว่าศีรษะน้องชายข้ามีเลือดคั่ง แต่เพียงรักษาไปสักระยะ อาการจะดีขึ้น!”
“เด็กน้อย เจ้าอย่าเพิ่งตื่นตูม!”
หมอชุยที่ถูกซินเอ๋อร์จับกุมชายเสื้ออย่างตื่นเต้น เห็นชัดว่าตกใจอย่างหนัก
เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น เพียงยื่นมือดึงซินเอ๋อร์กลับมา เพื่อให้หมอชุยเอ่ยวิธีรักษาออกมา
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอย่างเพิ่งกังวล”
“ด้านในนั้นคือน้องชายของข้า น้องชายเพียงคนเดียวของข้า ท่านจะให้ข้าไม่ต้องกังวลได้อย่างไร หากคนด้านในนั้น คือน้องชายของท่าน ท่านจะทำเช่นไร!”
เวลานี้ซินเอ๋อร์ทั้งกังวลหวาดกลัว ดังนั้นจึงพูดจาอย่างไม่คิด
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น เข้าใจความรู้สึกของเธอเวลานี้ดี ดังนั้นย่อมไม่คิดใส่ใจ เพียงเอ่ยถามหมอชุยที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา
“ไม่มีทางรักษาจริงหรือ!”
“หมอไม่อาจพูดว่าไร้หนทางรักษา แต่ค่อนข้างยาก หรือต้องเปิดศีรษะดูดเลือดที่คั่งอยู่ด้านในออกมา แต่เรื่องประเภทนี้ ข้าไม่เคยทำมาก่อน!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ หมอชุยรู้สึกลำบากใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขารู้จักกับท่านหมอชุยมานาน ทราบดีว่าหมอชุยเอ่ยเช่นนี้ เรื่องราวคงยากที่จะจัดการ
ซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดหมอชุย ตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง
“อะไรนะ ต้องเปิดศีรษะ ท่าน ท่านกำลังล้อเล่นหรือ คนหากเปิดศีรษะ จะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ!”
สำหรับคำพูดหมอชุย ซินเอ๋อร์ตื่นตระหนกอย่างหนัก และไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ด้านในนั้นคือน้องชายของเธอ หลายวันก่อนยังดี ๆ อยู่ กระโดดโลดเต้นอยู่กับเธอ หัวเราะพูดคุยกับเธอ แต่ตอนนี้กลับต้องเปิดศีรษะ เลือดคั่งในสมอง เรื่องพวกนี้จะให้เธอยอมรับได้เช่นไร!
“ซินเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นลงก่อนดีหรือไม่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนกุมไหล่บางของซินเอ๋อร์แน่น และเอ่ยปลอบโยน
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์คล้ายถูกคนดูดกลืนวิญญานไป และอดร้อง ‘ฮือ’ ออกมาไม่ได้ ก่อนหมุนกายกอดเหลิ่งอวี้เซวียน ร้องห่มร้องไห้ออกมา
“สวรรค์ จะทำเช่นไร ข้าควรทำเช่นไร น้องชายข้าไร้หนทางช่วยเหลือจริงหรือ ฮือๆ น้องชายของข้า เขาคือน้องชายคนเดียวของข้า ข้าจะมองเขาตายไปได้เช่นไร ฮือๆ ก่อนท่านแม่จะจากไป เอ่ยให้ข้าดูแลน้องชายให้ดี แต่ตอนนี้น้องชายกลับ…ฮือๆ”
“ซินเอ๋อร์ อย่าเสียใจไปเลย ข้าจะไม่ให้น้องชายเจ้าเป็นอันใดแน่”
เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดร้องไห้อย่างน่าสงสารเช่นนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนในดวงตาคู่งามนั้นจะเต็มไปด้วยความกังวลและสงสาร
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า เผยสีหน้าสงสารเห็นใจเช่นนี้ออกมา กลับทำให้หมอชุยแปลกใจอย่างยิ่ง
เพราะเขารู้จักกับชายอายุน้อยตรงหน้านี้มานาน
ปกติภายในวังผู้ใดเจ็บป่วย ต่างจะไปเชิญเขามาดูอาการ
ดังนั้นเขาจึงเข้าใจชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้มักเห็นชายตรงหน้า ฉลาดเฉลียวเก่งกาจ เด็ดขาดคล่องแคล่ว มีพรสวรรค์ด้านการค้า
แต่นิสัยของเขากลับไม่ชอบพูดจา ไม่ยิ้มแย้ม ทำให้คนที่เห็นไม่กล้าลบหลู่ล่วงเกิน
ความจริงแม้คล้ายเทพเซียนที่เข้าใจเรื่องทางโลก ก็เป็นเพียงบุรุษปกติผู้หนึ่งเท่านั้น
เห็นเช่นนั้น แววตาหมอชุยปรากฎความยินดีขึ้นมา
เพราะแม้เขาจะเป็นหมอ แต่รู้จักชายหนุ่มตรงหน้ามาหลายปี จึงเห็นเขาเป็นดังบุตรหลานของตน ตอนนี้เห็นเขารู้จักสงสารหญิงสาวผู้หนึ่ง เขาย่อมดีใจ
และเมื่อมองสาวน้อยตรงหน้า รูปโฉมอ่อนช้อย บริสุทธิ์ดังดอกบัว อ่อนหวานงดงาม เมื่ออยู่กับชายหนุ่มหล่อเหลาโดดเด่นตรงหน้านี้ กลับเหมาะสมกันอย่างมาก!
พอคิดถึงตรงนี้ หมอชุยเห็นสาวน้อยร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มอยู่นาน จึงยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน
“เมื่อครู่ข้าเอ่ยว่าไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะไม่เคยทำมาก่อน!”
“อะไรนะ ความหมายของท่านคือ น้องชายข้ายังมีทางรักษาใช่หรือไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูดหมอชุย ซินเอ๋อร์ที่ร้องไห้อย่างหนัก เริ่มมีความหวังในใจขึ้นมา และผละจากอ้อมกอดของเหลิ่งอวี้เซวียนทันที จึงหันไปจับกุมชายเสื้อของหมอชุยอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามอย่างกังวล
“ท่านหมอชุย น้องชายข้ายังสามารถยังษาได้ ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
“เอ่อ แม่นางน้อย เจ้าเบาก่อน เบาหน่อย ข้าแก่แล้วทนการเขย่าเช่นนี้ของเจ้าไม่ได้”
ซินเอ๋อร์แม้ร่างกายจะบอบบาง แต่เพราะตื่นเต้น จึงมีเรี่ยวแรงมากขึ้น
หมอชุยถูกเธอโยกคลอนอย่างตื่นเต้นเช่นนี้ กระดูกแทบหักลงมา
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงยืดแขนดึงซินเอ๋อร์ที่ตื่นเต้นเกินไปกลับมาอีกครั้ง และเอ่ยปลอบโยนเธอราวปลอบเด็กน้อยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ หยุดตื่นตูมก่อน ท่านหมอชุยจะช่วยน้องชายเจ้าแน่”
“อืม”
เมื่อรู้น้องชายตนยังมีทางรักษา ซินเอ๋อร์ที่ตื่นตระหนกค่อยๆ สงบลง
เวลานี้สายตาจับจ้องที่หมอชุย ดังนั้นย่อมไม่สังเกตว่าท่าทางของเธอและชายหนุ่มเวลานี้คลุมเคลือมากเพียงใด
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน ราวกับภูเขาไท่ซานสูงตระงห่าน
เห็นเพียงสองมือทรงพลังของชายหนุ่ม กำลังโอบรัดเอวเล็กของสาวน้อยนั้นไว้แน่น ทำให้สาวน้อยจมอยู่ในอ้อมกอด
สาวน้อยรูปร่างเล็กบอบบาง แต่ถูกชายหนุ่มกอดแสดงความเป็นเจ้าของเช่นนี้ ภาพนี้ดูแล้วกลับเหมาะสมกันยิ่งนัก คล้ายกับทั้งสองคนคือคู่รักที่สวรรค์ลิขิตมา!
ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รับรู้
เหลิ่งอวี้เซวียนใช้สองมือกอดรัดซินเอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอดแน่น รุ้สึกเพียงสาวน้อยในอ้อมกอด ร่างกายบอบบาง อ่อนนุ่มหอมสดชื่น เมื่อโอบกอดทำให้เขาตัดใจปล่อยมือไม่ได้ คิดเพียงอยากกอดเธอเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เหลิ่งอวี้เซวียนมองสาวน้อยอ่อนโยนลง
ทันใดนั้น หันไปมองหมอชุยที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขา เห็นหมอชุยกำลังมองเขาด้วยสายตาหยอกล้อหลายส่วนเข้าพอดี
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดเก้อเขินไม่ได้
แม้เขาจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่สำหรับหมอชุย เขากลับปฏิบัติดังเช่นผู้อาวุโสมาโดยตลอด
เวลานี้ เห็นหมอชุยมองอย่างหยอกล้อ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันรู้สึกอึดอัดหลายส่วน
แต่แขนที่โอบรัดซินเอ๋อร์ไว้ กลับไม่คลายลง
เพียงตั้งใจกระแอมขึ้นคำหนึ่ง ก่อนเอ่ยกับหมอชุย
“ท่านหมอชุย ท่านรีบพูดมาเถิด ยังมีผู้ใดสามารถช่วยน้องชายของนางได้”
หลังได้ยินคำพูดเหลิ่งอวี้เซวียน หมอชุยไม่รีรออีก รีบเอ่ยคำตอบออกมาทันที
“หมอประหลาดตงฟาง”
“หมอประหลาดตงฟางหรือ!”
หลังได้ยินคำพูดของหมอชุย เหลิ่งอวี้เซวียนอดเลิกคิ้วงามไม่ได้ ก่อนคิดในใจ
ถูกต้อง เมื่อครู่เขามัวแต่สนใจแต่ซินเอ๋อร์ กลับพลันลืมว่ายังมีคนที่ยอดเยี่ยมผู้นี้
ทว่าเพียงนึกถึงคนผู้นี้ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกปวดหัว
แม้หมอประหลาดตงฟางผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับเขา แต่คนนิสัยมุทะลุนั้น คล้ายคลึงกับบิดาที่ท่องเที่ยวไปไกลทั่วใต้หล้านั้นเสียจริง
และหมอประหลาดตงฟางผู้นี้ ชื่นชอบการท่องเที่ยวอย่างมาก ตอนนี้ไม่รู้เขาอยู่ที่ใด
แต่หากต้องการตามหาเขา ไม่ใช่ไร้หนทาง
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยกับหมอชุยว่า
“ตกลง คนผู้นี้ข้าจะตามหาเอง ท่านหมอชุยเพียงยื้อชีวิตน้องชายของนางไว้ ตามหาตัวหมอประหลาดตงฟางพบก็เพียงพอแล้ว”
“อืม เรื่องนี้ข้าย่อมเข้าใจ ทว่าเถ้าแก่เหลิ่ง ท่านต้องรีบตามหาตัวหมอประหลาดตงฟางนั้นให้พบ มิฉะนั้นอาการของเด็กน้อยผู้นี้ หากยืดเวลาออกไปนาน เกรงว่าแม้จะยื้อชีวิตไว้ได้ แต่อาจเคลื่อนไหวไม่ได้”
คำพูดสุดท้ายหมอชุยไม่เอ่ยออกมา แต่ทุกคนกลับเข้าใจความหมายของเขา
หลังหมอชุยจากไป ซินเอ๋อร์ดุจถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด จนร่างกายอ่อนระทวย โชคดีที่ด้านหลังเธอมีเหลิ่งอวี้เซวียนประคองอยู่ มิฉะนั้นเธอคงล้มลงไปแล้ว
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ย่อมสงสารเห็นใจ
“ซินเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล หมอประหลาดตงฟางผู้นี้ ข้าตามหาเขาพบแน่นอน ชีวิตน้องชายของเจ้า ข้าจะช่วยกลับมาให้ได้”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยอย่างหนักแน่น และเขาผู้นี้พูดคำไหนคำนั้น
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ดวงตาที่สิ้นหวัง พลันเปี่ยมไปด้วยความหวัง ก่อนหมุนกายกุมมือเหลิ่งอวี้เซวียนไว้แน่น ก่อนเอ่ยอย่างร้อนใจว่า
“ท่านพูดจริงหรือ แต่หมอประหลาดตงฟางผู้นั้น ข้าได้ยินผู้คนมากมายต่างพูดกันว่า เขาคือหมอประหลาด แม้จะมีวิชาแพทย์ที่โดดเด่น สามารถช่วยคนตายฟื้นคืนชีพมาได้ แต่กลับไม่ช่วยชีวิตผู้ใดง่ายๆ เขาจะช่วยน้องชายข้าจริงๆ หรือ ทำได้จริงหรือ!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ไม่มั่นใจอย่างยิ่ง
เพราะแม้หมอชุยจะเอ่ยคนที่สามารถช่วยน้องชายเธอได้ออกมา แต่สำหรับหมอประหลาดตงฟางผู้นี้ เธอเคยได้ยินคนมากมายเอ่ยถึงมาก่อน
เขาผู้นี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง!
ไม่ชอบสิ่งของล้ำค่า เห็นเงินทองราวของไม่มีค่า และไร้ร่องรอยเบาะแส แม้มีเงินทอง ไม่สามารถตามหาเขาพบ แม้จะตามหาเขาพบ เขาอาจจะไม่ยอมรักษา!
ลือกันว่าหมอประหลาดผู้นี้เป็นเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเขาเคยมีความรักมาก่อน
…………………………………………………………………………………..