สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 229 ปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า (2)
หน้าผากมน จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากหนา คางอันเด็ดเดี่ยว
ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลา เมื่ออยู่กลางแสงสีทองดุจเทพเจ้ากรีก ทันใดนั้นหัวใจสงบเงียบของซินเอ๋อร์ คล้ายถูกบางสิ่ง ทำให้สั่นไหวชั่วขณะ
“อรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่!”
ขณะซินเอ๋อร์ตกตะลึง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาด้านหน้าเธอด้วยฝีเท้ามั่นคง ก่อนเอ่ยขึ้น
ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งตื่นนอนหรือไม่ เสียงของชายหนุ่มจึงแหบพร่า แต่กลับมีเสน่ห์
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์พลันได้สติ ก่อนพบว่าตนเพราะความงามและตกตะลึง พลันสองแก้มแดงก่ำ ใบหน้าจิ้มลิ้มเก้อเขิน จึงพลันก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
เพราะเธอเวลานี้ รู้สึกตนอับอายเกินไป
ขณะหงุดหงิดในใจ สำหรับคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ยังเอ่ยตะกุกตะกักขึ้น
“อืม ดี ไม่เลว”
ซินเอ๋อร์พูดความจริง
ไม่รู้เพราะเมื่อคืนผ่านเรื่องที่ทำให้อารมณ์ขึ้นลงมากเกินไปหรือไม่ ความจริงคิดว่าเธอคงนอนไม่หลับ
แต่เมื่อเธอนอนลงบนเตียงใหญ่อ่อนนุ่มนั้น ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงฝันไป
หลับสนิทจนถึงฟ้าสาง!
นี่คืออีกครั้งที่เธอหลับสบายที่สุดในรอบหลายปีมานี้
เพราะทุกวันเธอต้องออกไปทำงานแต่เช้ากลับดึกดื่น แต่เมื่อกลับไปเข้านอนลงบนเตียงแข็งทื่อนั้น ไม่รู้เพราะยุ่งมาทั้งวันหรือเพราะเหตุใด จึงมักพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ
แต่เมื่อคืน เธอกลับหลับสนิท
หลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าเธอพูดความจริง ดังนั้นจึงอดยิ้มมุมปากไม่ได้
“หลับสบายก็ดีแล้ว”
เอ่ยจบ เหลิ่งอวี้เซวียนเดินไปด้านข้าง ก่อนยื่นมือลงไปในถาดทองแดง จากนั้นก็เริ่มล้างหน้า
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น รีบหยิบผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่ง ปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง
แม้เธอจะไม่เคยปรนนิบัติผู้ใด แต่เมื่อคืนเธอรู้จากปากของเสี่ยวหวนว่าการปรนนิบัติต้องทำสิ่งใดบ้าง
หลังเหลิ่งอวี้เซวียนล้างหน้าเสร็จ เดินไปที่หลังฉากกันลม จากนั้นยืดแขนตรง
ซินเอ๋อร์เห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงงัน
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น กล่าวยิ้มๆ ว่า
“เปลี่ยนชุด”
“โอ้ เจ้าค่ะ”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์จึงได้สติ
ทันใดนั้น ร่างเล็กรีบร้อนเดินไปข้างกายชายหนุ่ม เพื่อปลดชุดชั้นในบนกายลง
ความจริงชุดชั้นในบนกายชายหนุ่ม เพียงผูกสายรัดที่เอวไว้อย่างหลวมๆ เพียงซินเอ๋อร์ใช้มือดึง ชุดชั้นในบนกายชายหนุ่มคลายออกอย่างง่ายดาย
ความจริงเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้ ความจริงง่ายดายยิ่งนัก!
ขณะกำลังคิด ร่างกายสีน้ำตาลอ่อนแข็งแกร่งพลันปรากฎต่อสายตาของซินเอ๋อร์ ใจของเธอเกิดเสียง ‘ปัง’ ขึ้น คล้ายถูกค้อนขนาดใหญ่กระแทกอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นหัวใจอดเต้นระรัวไม่ได้
และไอความร้อนทะลักจากหัวใจขึ้นสู่เหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว!
สองแก้มอดร้อนผ่าวไม่ได้
เพราะใช้ชีวิตมากว่าสิบหกปี ซินเอ๋อร์เห็นร่างเปลือยของชายหนุ่มเป็นครั้งแรก
และยังใกล้ชิดขนาดนี้
เห็นเพียงร่างกายนี้ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เอวคอดไหล่กว้าง กล้ามเนื้อเด่นชัด หน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน
กล้ามเนื้อแข็งแกร่งนั้น คล้ายเปี่ยมด้วยพละกำลัง ทำให้คนมองอดนึกถึงราชสีห์ทรงพลังไม่ได้
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกภายในปากแห้งผาก หัวใจเต้นเร็วขึ้น สองแก้มก็ยิ่งร้อนผ่าว ดุจไฟกำลังลุกโชน
ไม่ได้ เธอไม่ควรคิดเช่นนี้ มิฉะนั้นเธอจะเขินอายสุดชีวิต!
พอคิดถึงตรงนี้ ศีรษะเล็กของซินเอ๋อร์ก้มต่ำลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองร่างแกร่งงดงามของชายหนุ่มนั้นอีก
เพียงหลังจากถอดชุดชั้นในบนกายชายหนุ่มลง พลันก็หยิบเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านอีกชุดมาสวมลงบนกายชายหนุ่ม
แต่เรื่องการสวมเสื้อผ้านี้ สวมให้กับตนเองนั้นง่ายดาย แต่สวมให้กับผู้อื่น ซินเอ๋อร์ยังทำเป็นครั้งแรก
และศีรษะของเธอก้มต่ำลงเพราะกังวล เสียเวลาอยู่นานช่วยชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าไม่ได้แม้ชิ้นเดียว
หลังเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ซินเอ๋อร์รู้สึกถึงสายตาร้อนแรงคู่หนึ่ง กำลังจับจ้องมาที่เธอ ทำให้เธอยิ่งวิตกกังวล กระทั่งมือหยิบเสื้อผ้ายังสั่นเทาเล็กน้อย
“เจ้าไม่มองข้า จะสวมเสื้อผ้าให้ข้าได้เช่นไร!”
เสียงแฝงความขบขันและหยอกล้อดังขึ้นเหนือศีรษะของซินเอ๋อร์ หลังได้ยินร่างกายเธอดุจถูกไฟดูด สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์กังวล เหลิ่งอวี้เซวียนอดขบขันไม่ได้ ทันใดนั้นเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นว่า
“หรือข้าหน้าตาดังสัตว์ร้าย!”
“ไม่ ไม่ใช่”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์พลันเงยหน้าขึ้น ก่อนส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น
เห็นท่าทางวิตกของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนยิ่งยิ้มอย่างชอบใจ
รอยยิ้มมุมปากบนใบหน้านั้น แฝงความร้ายกาจหลายส่วน ทำให้ใบหน้ามีเสน่ห์นั้นของเขา หล่อเหลาชั่วร้าย น่ามองจนทำให้คนไม่อาจละสายตา
เสียงนั้นดุจสุราชั้นดีที่น่าสัมผัส ชวนลุ่มหลง
“หากไม่ใช่ เหตุใดเจ้ากังวลขนาดนี้ เช่นนั้น…คือหวาดกลัวข้าหรือ!”
“เอ่อ”
สำหรับคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์เพียงก้มศีรษะลงช้าๆ ไม่รู้ควรตอบเช่นไร
เพราะเธอไม่ได้กลัวเขา เพียงกังวลเกินไปเท่านั้น
ความจริง ความกล้าของเธอมีไม่น้อย หากเห็นพวกหนูแมลงสาบ ยังลงมือตบพวกมันหรือไล่พวกมันไป เพราะเธอเป็นพี่สาว หากเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ล้วนหวาดกลัว จะปกป้องน้องชายได้อย่างไร!
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด สำหรับชายหนุ่มตรงหน้า เธอไม่กลัวเขาอย่างชัดเจน เพราะเขาไม่ใช่สัตว์ร้าย กลับกันรูปโฉมยังหล่อเหลาสดใสดังพระอาทิตย์
แต่ไม่รู้เหตุใด ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่งควบคุมไม่อยู่ คล้ายเจ็บป่วย
ทุกครั้งที่สบตาเขา มือไม้ของเธอไม่รู้ควรวางที่ใด เหงื่อซึมที่ฝ่ามือ กังวลเป็นที่สุด
สวรรค์ หรือเธอเจ็บป่วยจริงๆ แต่เธอไม่มีเงินไปพบหมอ
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ขมขื่นในใจ
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนหลังเห็นสาวน้อยทำหน้าอย่างสับสนขมขื่น รู้ว่าเธอกังวล ดังนั้นจึงไม่ทำให้เธอลำบากใจอีก เพียงรับเสื้อในมือของเธอมา ก่อนเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ เสื้อผ้าข้าสวมด้วยตนเองเพียงพอแล้ว เจ้าไปให้คนเตรียมอาหารเช้าเถิด!”
“โอ ได้เจ้าค่ะ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์รู้สึกโล่งใจ
รีบพยักหน้ารับทันที ทันใดนั้นกลัวชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจ จึงรีบร้อนพุ่งออกจากประตูไป
เมื่อเห็นร่างเล็กของซินเอ๋อร์หายไปอย่างรวดเร็วราวสายลม เหลิ่งอวี้เซวียนอดหันหน้าให้กับกระจกทองแดงด้านหลังไม่ได้ ก่อนลูบไล้คางเกลี้ยงเกลาของตน พลางจ้องตนเองในกระจก พร้อมพึมพำว่า
“หล่อเหลาตั้งแต่เกิดจริงๆ แต่เหตุใดนางเห็นข้าแล้ว มีแต่คิดหนีกัน หรือข้ายังมีเสน่ห์ไม่พอ!”
…
ซินเอ๋อร์รีบร้อนออกจากห้อง ย่อมไม่รับรู้ถึงความหลงตนเองของเหลิ่งอวี้เซวียน หลังออกมาจากห้อง เธอรู้ลึกโล่งใจอย่างที่สุด
“เฮ้อ เมื่อครู่กังวลยิ่งนัก ดูท่าเรื่องปรนนิบัตินี้ จะไม่ได้ง่ายดายทีเดียว”
ซินเอ๋อร์พึมพำกับตนเอง ก่อนยื่นมือลูบที่หน้าผาก จึงพบว่าเมื่อครู่เพียงใกล้ชิดกับชายหนุ่มขั่วขณะ เธอกังวลจนเหงื่อซึนบนหน้าผาก
ทว่าจะโทษเธอไม่ได้ จะพูดเช่นไร เธอคือสตรียังไม่ออกเรือนผู้หนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่เคยใกล้ชิดสัมผัสกับชายหนุ่มมาก่อน
เวลานี้เธอกลับต้องปรนนิบัติชายหนุ่ม ผลัดเปลี่ยนชุดให้ มองร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม
เพียงนึกถึงหน้าอกแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มเมื่อครู่นั้น ที่แท้รูปร่างชายหนุ่มเป็นเช่นนี้ ดูแล้วความกำยำนี้น่าจะให้ความรู้สึกปลอดภัยมากมายทีเดียว
ขณะคิดในใจ ภายในสมองของเธออดนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ไม่ได้ ทันใดนั้นสองแก้มร้อนผ่าวอีกครั้ง ความรู้สึกร้อนผ่าวนี้ ทำให้เธอแม้ไม่ส่องกระจก ก็รู้ว่าสองแก้มตนต้องแดงก่ำแน่นอน
ขณะซินเอ๋อร์กำลังใจเต้นอย่างหนัก พลันมีเสียงไพเราะดังขึ้นมาด้านหลังของเธอ
“เจ้าพึมพำอันใดกับตนเอง เอ๊ะ เหตุใดหน้าเจ้าจึงแดงก่ำเช่นนี้!”
ผู้พูดคือเสี่ยวหวนที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด
เห็นเพียงเสี่ยวหวนเพียงผ่านมา เมื่อเห็นซินเอ๋อร์จึงเข้ามาทักทาย คิดไม่ถึง กลับเห็นซินเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ อดร้องอย่างตกใจไม่ได้ ก่อนรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา
เพราะเรื่องนินทาคือนิสัยที่มีมาตั้งแต่เกิดของสตรี เธอเองก็ไม่ยกเว้น!
ก่อนนึกได้ว่าเมื่อครู่ซินเอ๋อร์พุ่งออกมาจากห้องของนายท่าน หรือว่า…
พอคิดถึงตรงนี้ สมองของเสี่ยวหวนนึกถึงภาพที่ทำให้คนหวั่นไหวขึ้นมา
เมื่อเห็นแววตาคลุมเคลือของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์รู้ว่าเธอกำลังคิดสิ่งใด ใบหน้าจิ้มลิ้มจึงแดงก่ำ
“เสี่ยวหวน เจ้าอย่าคิดเหลวไหล ความจริงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างเขินอาย ทว่าเสี่ยวหวนกลับยิ้มเย้าแหย่
“โอ้ ข้าไม่พูดสิ่งใด เจ้ารีบร้อนปฏิเสธอันใด หรือเมื่อครู่เจ้ากับนายท่านเกิดสิ่งใดขึ้น เอ่อ…”
เสี่ยวหวนยังพูดไม่จบ ถูกซินเอ๋อร์ที่โมโหยื่นมือปิดปากของเธอไว้ทันที
“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว ข้าต้องไปให้คนจัดเตรียมอาหารเช้า”
ซินเอ๋อร์ปกติหน้าบาง เมื่อเห็นเสี่ยวหวนยิ่งพูดเรื่องนั้น ยิ่งลนลาน หลังเอ่ยจบรีบร้อนตรงไปที่ห้องครัว
เสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้น เพียงยิ้ม ก่อนไปทำงานของตน