สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 230 เที่ยงคืนตีสอง
คนในห้องครัวทำงานได้รวดเร็ว เพราะได้จัดเตรียมอาหารในวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ซินเอ๋อร์เวลานี้ยืนอยู่ในห้องโถง ก่อนนำอาหารเลิศรสที่คนในครัวลำเลียงนำขึ้นมาวางบนโต๊ะกลมขนาดใหญ่
หลังทำทุกอย่างเสร็จสิ้น บ่าวไพร่ในครัวเหล่านั้นก็ถอยหลังเรียงรายออกไป
ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเดินเข้ามาจากประตู
หลังชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องโถง แสงแดดเจิดจ้าอ่อนโยนด้านนอกสาดลงมาบนตัวเขาพอดี ทำให้บนร่างกายเขาประดับด้วยชั้นประกายแสงอันอ่อนละมุน
เห็นเพียงชายหนุ่มวันนี้สวมเสื้อคลุมสีขาวลายดำชุบทองตัวหนึ่งบนกาย บนเอวคาดสายรัดสีทองพร้อมหยก
ผมยาวประดับด้วยกวนหยก เข้ากับใบหน้าคิ้วกระบี่โค้งงอน ดวงตาเป็นประกายดุจคบเพลิง จมูกโด่งคมชัด ริมฝีปากกระจับและรอยยิ้มมุมปากนั้น ทำให้เขาสูงส่งและงามสง่า!
จริงดังที่คาดคิด ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง!
เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวงามสง่างามหลายส่วน ในใจซินเอ๋อร์เกิดความผิดปกติจนแทบไม่สามารถควบคุมได้อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เธอควบคุมมันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยข่มกลั้นมันไว้ในใจ ก่อนเลียนแบบสาวใช้ในวังอ๋อง ย่อกายให้แก่ชายหนุ่ม
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นซินเอ๋อร์ก้มใบหน้าเล็กเช่นเดิม เพียงยิ้มมุมปาก ไม่พูดจา ก่อนเดินมาที่โต๊ะยกชายเสื้อขึ้นแล้วจึงนั่งลง
เห็นเพียงบนโต๊ะกลมขนาดใหญ่มีอาหารหกอย่างและซุปหนึ่งถ้วย ปริมาณเนื้อและผักเหมาะสม จัดจานอย่างประณีต รูปรสกลิ่นสีครบครัน
เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงคนเดียว ทานอาหารมากมายเหล่านี้ไม่หมดแน่นอน แต่หากเทียบกับครอบครัวขนาดใหญ่เหล่านั้น หนึ่งคนอาหารสิบอย่าง เขาถือว่าประหยัดแล้ว
ซินเอ๋อร์คิดในใจ เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนนั่งลง จึงตักข้าวให้แก่เขา จากนั้นถอยกลับมาอยู่ด้านข้าง รอคอยหากเหลิ่งอวี้เซวียนมีคำสั่งใด เธอจะไปจัดการ
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนเห็นซินเอ๋อร์ทำเรื่องพวกนี้อย่างเงียบงัน ด้วยร่างเล็กบอบบางนั้น
บนกายเธอสวมชุดของสาวใช้ชั้นหนึ่ง
คิดดูแล้ว ตั้งแต่อายุสิบห้าปีนั้น หลังสาวใช้ข้างกายเขาลาออกไป ภายในวังอ๋องไร้คนสวมเครื่องแบบสาวใช้ชั้นหนึ่งนี้
เพราะสาวใช้ชั้นหนึ่งปรนนิบัติเจ้านาย เมื่อเขาไม่ต้องการสาวใช้ปรนนิบัติ จึงย่อมไร้คนกล้าสวมใส่ชุดสาวใช้ชั้นหนึ่ง
และชุดสาวใช้ชั้นหนึ่ง ในฤดูใบไม้ผลิจะเป็นชุดกระโปรงหลัวฉวินสีขาวบางเบา
ก่อนหน้านี้เหลิ่งอวี้เซวียนไม่เคยสังเกตว่ากระโปรงหลัวฉวินสีขาวตัวบางนี้มีเอกลักษณ์เช่นใด แต่วันนี้หลังเห็นซินเอ๋อร์สวมกระโปรงหลัวฉวินสีขาวบางนี้ กลับรู้สึกงดงามน่ามองเป็นพิเศษ
อาจเพราะเธอ ผิวขาวใสดุจหิมะ สวยงามตามธรรมชาติ ไม่ว่าสวมสิ่งใดล้วนงดงาม โดยเฉพาะชุดสีขาวนี้ ทำให้เธอดุจเซียนสาว
ทุกท่วงท่ามีชีวิตชีวาแฝงอรชรอ้อนแอ้น งดงามจนทำให้คนมิอาจละสายตา
เห็นเช่นนั้น ในใจเหลิ่งอวี้เซวียนอดอ่อนลงไม่ได้ ก่อนคิดว่าสาวน้อยตรงหน้านี้ คล้ายภรรยาตัวน้อยกำลังยุ่งกับการปรนนิบัติสามีตนเสียจริง
ภรรยาตัวน้อยหรือ!
“ฮ่า ๆ”
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนอดหัวเราะขึ้นไม่ได้
เมื่อพลันได้ยินเสียงหัวเราะของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์อดตะลึงไม่ได้ ก่อนเงยหน้ามองชายหนุ่มที่หัวเราะอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความไม่เข้าใจ
อาจเพราะรับรู้ถึงสายตาไม่เข้าใจของซินเอ๋อร์ แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับไม่หุบยิ้มบนมุมปากลง หันศีรษะไปเอ่ยกับซินเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เจ้าทานอาหารเช้าหรือยัง”
“เอ่อ ยังเจ้าค่ะ”
แม้ไม่รู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนเหตุใดจึงเอ่ยถามเช่นนี้ ทว่าซินเอ๋อร์ยังตอบตามจริง
เพราะเธอตอนนี้ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเวลาทานอาหารคือยามใด
หลังตื่นตอนเช้า ล้างหน้าหวีผมแต่งตัวเสร็จ ก็มาปรนนิบัติเหลิ่งอวี้เซวียน
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงท้องว่าง พลางคิดในใจว่าหลังปรนนิบัติเหลิ่งอวี้เซวียนเสร็จ จะไปเอ่ยถามทางห้องครัวถึงเวลาทานอาหาร
เพราะหลังผ่านไปหนึ่งคืน เธอตอนนี้ก็หิวมากยิ่งนัก
เมื่อครู่ไม่เอ่ยถึงยังดี เพียงเอ่ยขึ้นท้องของเธอมอบความจริงใจให้แก่เธอ โดยการส่งเสียง ‘จ๊อกๆ’ ขึ้นมา
“ฮ่า ๆ ช่างซื่อสัตย์ยิ่งนัก!”
อาจเพราะได้ยินเสียงท้องร้องของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดหัวเราะไม่ได้
เมื่อได้ยิน สองแก้มซินเอ๋อร์ร้อนผ่าว แววตาแฝงความเขินอาย
“นั่งลงทานด้วยกันเถิด!”
เมื่อเห็นท่าทางเต็มไปด้วยความอึดอัดและเขินอายของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดเอ่ยปากขึ้นไม่ได้
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงงัน
“ทานด้วยกันหรือ!”
“ถูกต้อง นั่งลงเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนชี้นิ้วไปยังที่นั่งตรงข้ามเขา ก่อนเอ่ยปากขึ้น
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้ล้อเล่น แต่ซินเอ๋อร์ยังส่ายหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปทานเอง”
แม้เมื่อคืนเธอจะทานอาหารร่วมโต๊ะกับเขา แต่ตอนนั้นสถานะของพวกเขาไม่เหมือนกัน
ตอนนี้พวกเขาคนหนึ่งคือเจ้านาย อีกคนคือบ่าวไพร่ จะนั่งทานอาหารด้วยกันได้เช่นไร!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ทันใดนั้นเธอรู้สึกเพียงมีพลังสายหนึ่งดึงที่ข้อมือ เธอจึงพลันรับมือไม่ทัน หลังได้สติก็นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียนแล้ว
“ทานเถิด ทานกับข้าไม่ต้องเกรงใจ”
ตรงข้ามกับความกังวลของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนกลับมีท่าทางตามสบาย
มองท่าทางตะลึงตาเบิกกว้างของซินเอ๋อร์ ก่อนยิ้มอย่างเอ็นดูอ่อนโยน
เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์ร้อนผ่าว ทันใดนั้นรู้สึกเพียงแน่นบนมือ ก่อนตะเกียบและถ้วยคู่หนึ่งปรากฎขึ้นมาบนมือเธอ
เมื่อครู่เธอสงสัย เหลิ่งอวี้เซวียนทานอาหารคนเดียว เหตุใดจำต้องจัดเตรียมตะเกียบและถ้วยสองชุด ตอนนี้ในที่สุดเธอจึงเข้าใจ
แต่เมื่อวานเขามิได้บอกว่าให้เธอเป็นสาวใช้หรือ
แต่ตอนนี้สิ่งที่ได้พบ เหตุใดจึงคล้ายคนผู้หนึ่งในครอบครัวใหญ่กัน!
สถานที่พักไม่เพียงดีอย่างยิ่ง น้องชายเธอยังมีผู้เชี่ยวชาญดูแล ตอนนี้กระทั่งทานอาหาร เขาก็ยังให้เธอร่วมโต๊ะ
ชายหนุ่มตรงหน้าเรียบง่ายเป็นกันเองเกินไปหรือไม่…
ซินเอ๋อร์ไม่กล้าคิดต่อไป เพียงเลือกสิ่งแรก
อาจเพราะชายผู้นี้ไม่ได้ถือตัว เขาจึงปฏิบัติกับทุกคนดีเช่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ ใจที่กังวลของซินเอ๋อร์ อดโล่งอกลงบางส่วน
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า ชายหนุ่มที่ไม่ถือตัวในสายตาเธอ ความอ่อนโยนของเขา ความผ่อนคลายของเขา ความเอ็นดูของเขา แสดงออกมากับเธอเพียงคนเดียว
หากต่อหน้าผู้อื่น เขากลับเป็นชายเงียบขรึม พูดน้อย เปี่ยมด้วยความสามารถ
ทำให้ผู้คนเลื่อมใส นับถือ แต่ว่ากลับหวาดกลัว!
เวลานี้ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้ ภายใต้การกำชับของชายหนุ่ม จึงเพียงหยิบตะเกียบค่อยๆ เริ่มทานอาหารบนโต๊ะ
เพราะเธอหิวมากจริงๆ รวมทั้งอาหารบนโต๊ะทุกจานต่างมีรสชาติอันโอชะ ทำให้คนอยากอาหารขึ้นมา
“มา ดื่มซุปรังนกก่อน เจ้าผอมบางเกินไป”
เหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้ไม่รีบร้อนทานอาหาร กลับทำตัวเป็นบ่าวไพร่คีบอาหาร ตักซุปให้ซินเอ๋อร์ไม่หยุด
ท่าทางเอาใจใส่นั้น ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจกับการกระทำอันอบอุ่นของเขา
“เอ่อ คือว่า ข้าจัดการเองได้ เซวียน ท่านก็ทานเถิด!”
“ฮ่า ๆ ได้ เช่นนั้นทานด้วยกัน”
หลังจากนั้นแม้ทั้งสองจะไร้คำพูด แต่บรรยากาศกลับสนิทสนมรักใคร่
หลังทั้งสองทานอิ่ม เหลิ่งอวี้เซวียนมองท้องฟ้าก็รู้ว่าเริ่มสายแล้ว
เมื่อก่อนเวลานี้ เขาต่างออกไปตรวจตรากิจการของตน
เพราะเขามีกิจการมากมาย ไม่ได้มีเพียง ‘หอสุราดับทุกข์’ หอดนตรีพวกนั้น
แม้เขาจะเป็นมหาเศรษฐี แต่ทุกวันต่างต้องตื่นเช้ากลับดึก งานยุ่งไม่รู้จักจบ
ผู้อื่นเพียงมองความรุ่งโรจน์งดงามตรงหน้าเขา กลับมองไม่เห็นเบื้องหลังอันยากลำบาก
ส่วนซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนจะออกจากวัง พลันเดินตามหลังเขาไป เพราะเธอตอนนี้คือสาวใช้ของเขา โดยหลักการต้องติดตามอยู่ข้างกายเขามิใช่หรือ!
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับเพียงสั่งให้เธออยู่ในวัง รอเขากลับมา
เพราะทุกวันเขางานยุ่ง ด้านนอกแสงแดดร้อนแรงดุจไฟ เขาจะให้เธอตามอยู่ด้านหลังให้ลำบากได้อย่างไร!
ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความตั้งใจของเหลิ่งอวี้เซวียน เพียงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลังเขาจากไป จึงกลับไปเก็บกวาดอาหารที่เหลือเมื่อครู่ในห้องโถง
เพราะพวกนี้คืองานของเธอ
เมื่อเก็บกวาดพวกนี้เสร็จ ซินเอ๋อร์ไปปัดกวาดตำหนักหยกขาว และใบไม้ที่หล่นอยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวก็ถึงเวลาพลบค่ำแล้ว
เมื่อมองพระอาทิตย์ด้านนอกคล้อยต่ำลงทางทิศตะวักตก ซินเอ๋อร์ที่ทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พลันรู้สึกโล่งอก
และนึกได้ว่าตอนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาพัก ดังนั้นจึงคิดไปเยี่ยมน้องชายของตน
เหลิ่งอวี้เซวียนดีกับพวกเธอสองพี่น้องยิ่งนัก ที่พักและอาหารของเธอล้วนไม่เลว และที่พักของเสี่ยวเป่าก็อยู่ใกล้กับเธอมาก และยังมีผู้เชี่ยวชาญปรนนิบัติดูแล
และคนที่ปรนนิบัติดูแลเสี่ยวเป่าคือ เสี่ยวหวน!
ดังนั้นเมื่อมาถึงห้องของเสี่ยวเป่า ซินเอ๋อร์เอ่ยขอบคุณเสี่ยวหวน ก่อนเข้าไปดูอาการเสี่ยวเป่า
แม้เสี่ยวเป่าตอนนี้จะยังไม่ได้สติ ทำให้ซินเอ๋อร์ทรมานในใจ แต่อย่างน้อยตอนนี้เสี่ยวเป่ายังอยู่ข้างกายเธอ
และเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยว่าเขาต้องช่วยเสี่ยวเป่าแน่นอน มิใช่หรือ!
ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอจึงเชื่อมั่นในตัวชายผู้นี้เช่นนี้ เห็นชัดว่าพวกเขาเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานมิใช่หรือ!
ไม่ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยว่าพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน แต่เธอกลับลืมเลือนว่ารู้จักเขาเมื่อใด
เพราะชายหนุ่มที่โดดเด่นเช่นเขานี้ หากเธอรู้จักเขาจริงๆ ต้องไม่มีทางลืมเลือนแน่นอนมิใช่หรือ!
หรือเหลิ่งอวี้เซวียนจำคนผิด จึงเข้าใจผิดว่าเธอคือหญิงสาวที่เขารู้จัก!
เรื่องเหล่านี้ซินเอ๋อร์ไม่เข้าใจเช่นกัน
เวลานี้เธอกำลังนั่งอยู่หน้าเตียงของเสี่ยวเป่า เพื่อดูแลเขาต่อจากเสี่ยวหวน ใช้มือหนึ่งหยิบผ้าขนหนูเปียกขึ้นมาเช็ดตัวให้เสี่ยวเป่า ็วยิ่รั
เพราะตั้งแต่เด็กตนคล้ายดั่งมารดาคอยดูแลเสี่ยวเป่า ดังนั้นขณะซินเอ๋อร์ทำเรื่องเหล่านี้จะดูคุ้นเคยอย่างยิ่ง
ก่อนเช็ดใบหน้าเล็กกลมมนของเสี่ยวเป่า แม้เขาเวลานี้จะยังคงไม่ได้สติ แต่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากมาย
ดวงตาปิดสนิทคู่นั้น และลมหายใจที่ปกติ ทำให้เขาดูคล้ายหลับไปเท่านั้น
ทำให้ซินเอ๋อร์มองอย่างห่วงใยและเสียใจ
“เสี่ยวเป่า เมื่อใดเจ้าถึงจะลืมตาขึ้นมา เรียกข้าว่าท่านพี่เหมือนดังปกติ!”
“เสี่ยวเป่า เจ้าต้องรีบหายดี ต้องอดทนรู้หรือไม่ มิฉะนั้นพี่จะเสียใจยิ่งนัก ตอนนี้พี่เหลือเจ้าเพียงคนเดียว หากกระทั่งเจ้าก็ทิ้งพี่ไป พี่จะทำเช่นไร!”
เมื่อเอ่ยพูด น้ำตาของซินเอ๋อร์อดไหลอาบเต็มสองแก้มไม่ได้
เพราะเธอตอนนี้ ทุกข์ทรมานยิ่งนัก!
นี่คือน้องชายเพียงคนเดียวของเธอ เธอกลัวจริงๆ ว่าจะสูญเสียเขาไป!
ยิ่งคิด ในใจซินเอ๋อร์ยิ่งหวาดกลัว น้ำตาไหลพรากหนักขึ้นราวกับเขื่อนแตก
แต่ทันใดนั้น ผ้าเช็ดหน้าอ่อนนุ่มผืนหนึ่งกลับปรากฎขึ้นมาตรงหน้าเธอ ก่อนซับน้ำตาบนใบหน้าเธอออกไป