สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 231 ปรนนิบัติอาบน้ำ
“อย่าร้องไห้เลย เหตุใดเจ้าจึงชอบร้องไห้ยิ่งนัก!”
เสียงถอนหายใจและแฝงเห็นใจดังขึ้น จึงทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ทันใดนั้นจึงหันดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตามองไป
เห็นเพียงเหลิ่งอวี้เซวียนยืนอยู่ข้างกายเธอไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
และร่างสูงใหญ่นั้นบดบังแสงจากด้านนอก ทำให้ภาพตรงหน้าเธอมืดมน
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เพราะสูงใหญ่เช่นนี้ หากฟ้าถล่มลงมา เขาสามารถต้านทานมันไว้ให้เธอได้
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์พลันใจเต้นแรง
นานแล้ว นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้ได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อบอุ่นในใจ ดวงตาคู่งามเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้าทันที
“เหตุใดท่านถึงดีกับข้าขนาดนี้”
หรือเพราะก่อนหน้านี้พวกเธอรู้จักกันจริงๆ!
ซินเอ๋อร์ไม่เข้าใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ รู้ว่าเธอยังไม่เข้าใจ
เพราะภายในดวงตาคู่งามของเธอนั้น เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจ และโง่เขลา
แสดงให้เห็นว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องความรัก
สำหรับเรื่องนี้เหลิ่งอวี้เซวียนทั้งดีใจและกังวลใจ
ดีใจเพราะเธอไม่เข้าใจเรื่องความรัก ไร้เดียงสาดุจกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง จากสีหน้าเธอก่อนหน้านี้ไม่เคยชื่นชอบชายใดมาก่อน
ส่วนกังวลคือ หากให้เธอเข้าใจเรื่องความรักที่เขามีต่อเธอ ต้องใช้เวลายาวนานทีเดียว
ทว่าเรื่องนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลใจมิใช่หรือ!
เพราะเธอตอนนี้อยู่ข้างกายเขา ชั่วชีวิตนี้เขามีเวลาทำให้เธอเข้าใจความรักที่เขามีต่อเธออย่างค่อยเป็นค่อยไป และนั่นคือสัญญาในใจเขาที่มีต่อเธอในวัยเด็ก
แต่ตอนนี้ สำหรับสายตาสงสัยของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยขึ้น
“หรือการดีต่อเจ้า จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ!”
“เอ่อ เรื่องนี้”
คล้ายไม่จำเป็นจริงๆ แต่คนผู้หนึ่งดีต่อเธออย่างไร้สาเหตุ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง
ความรู้สึกนี้ ซินเอ๋อร์คล้ายเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ไม่กล้ามั่นใจ ดังนั้นทำให้เธอกังวลสับสนในใจ
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนเมื่อเห็นคิ้วเข้มของซินเอ๋อร์ขมวดขึ้น คล้ายรับรู้สิ่งที่เธอกำลังคิด จึงไม่ได้เอ่ยปากขึ้น
เพราะเขาต้องให้เธอค่อยๆ เข้าใจตนเอง
แต่ซินเอ๋อร์ตอนนี้ไม่กล้าคาดเดาส่งเดช เพียงยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มือเล็กดุจหยกขาวผ่องคู่นั้น เพราะกังวลจึงพันรวมเข้าด้วยกัน
เวลานี้ทั้งสองคนภายในห้องต่างไม่พูดจา
ซินเอ๋อร์เพียงยืนเงียบๆ ก้มหน้าลง ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนยืนอดทนรออยู่ตรงนั้น คล้ายรอคอยเธอคิดคำตอบออกมาได้
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเหยียบลงพื้นดังขึ้นที่นอกประตู พลันมีเสียงเคาะประตูไม้ที่ปิดกั้นไว้ดังเข้ามา
เมื่อได้ยินเหลิ่งอวี้เซวียนหมุนกายเดินออกไป
เพราะการจากไปของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกโล่งอก
ทว่าเธอยังไม่ได้หายใจออกมาจนสุด เหลิ่งอวี้เซวียนที่จากไปพลันเดินกลับมา และยังนำข่าวดีเรื่องหนึ่งมาอีกด้วย
“ซินเอ๋อร์ เจอหมอประหลาดตงฟางแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่หุบเขาผีเสื้อ ประเดี๋ยวข้าจะส่งน้องชายเจ้าไป!”
“ตามหาท่านหมอประหลาดนั้นเจอแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นความดีใจทะลักขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว และไม่สนใจว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิด ใช้สองมือกอดแขนของเหลิ่งอวี้เซวียนไว้แน่น ก่อนดีใจอย่างสุดที่จะบรรยาย
เพราะตอนนี้เธอตื่นเต้นเกินไป
เพียงตามหาหมอประหลาดนั้นพบ เช่นนั้นน้องชายของเธอจะรอดชีวิตมิใช่หรือ!
ซินเอ๋อร์ดีใจอย่างบ้าคลั่ง สองมือกอดแขนเหลิ่งอวี้เซวียนแน่น ใบหน้าเล็กอันประณีตนั้นคลายความโศกเศร้าในหลายวันลง ก่อนยิ้มแย้มออกมา
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ย่อมรับรู้ถึงความดีใจของเธอ
เพราะชื่นชอบที่สุดคือ ได้เห็นท่าทางดีใจของเธอ
ขณะซินเอ๋อร์ดีใจอยู่นานอย่างไม่ง่ายที่จะสงบลง พบว่าตนเวลานี้ลืมตัว และกำลังกอดรัดแขนของเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่
หลังได้สติ ซินเอ๋อร์ตกใจไปทั่วร่าง พลันคลายมือออกจากแขนของเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวแล้วยืนอยู่ตรงนั้น
“เอ่อ เมื่อครู่ ข้า..”
ซินเอ๋อร์ก้มศีรษะลงเอ่ยปากตะกุกตะกัก บนใบหน้าแฝงความแดงก่ำไม่เสื่อมคลายหลายส่วน
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น เพียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องพูดหรอก ตอนนี้เมื่อรู้ว่าตัวประหลาดอยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้ข้าจะส่งตัวน้องชายเจ้าไป”
“ไปส่งด้วยตัวเองหรือ”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจ
เพราะเขาเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเทียนหยวน ทว่ากลับทำเรื่องการรับส่งผู้คนเช่นนี้ ช่างทำให้เธอตกใจอย่างไม่คาดฝันจริงๆ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ เพียงพยักหน้าเอ่ยว่า
“ถูกต้อง ข้าเข้าใจตัวประหลาดนี้ดีที่สุด หากเป็นผู้อื่นเขาต้องไม่ยอมรักษาแน่ ดังนั้นครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องไปด้วยตนเอง”
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์พลันตกใจ และยิ่งรู้สึกซาบซึ้งต่อเหลิ่งอวี้เซวียนมากขึ้น
“เช่นนั้น โปรดให้ข้าไปกับท่าน”
“ไม่ได้ หุบเขาผีเสื้อความจริงห่างจากที่นี่ไม่ไกล ข้าไปส่งน้องชายของเจ้าแล้วจะกลับมา เจ้าเป็นเด็กดีรอข้ากลับมา อยู่ในวังเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายสามีให้ภรรยาอยู่รอในวัง น้ำเสียงรักใคร่และอ่อนโยน ทำให้ซินเอ๋อร์ได้ฟัง ในใจดีใจและขวยเขินหลายส่วน
เหลิ่งอวี้เซวียนให้คนเตรียมรถม้า จากนั้นพาตัวเสี่ยวเป่าออกเดินทางสู่หุบเขาผีเสื้อ
เมื่อเห็นรถม้าหรูหราคันนั้นวิ่งออกไป จนกระทั่งหายลับไปจากสายตาของตน ซินเอ๋อร์จึงละสายตากลับมาอย่างตัดใจไม่ได้ จากนั้นกลับไปยังตำหนักหยกขาว
เวลานี้เสี่ยวหวนมาตามเธอไปทานอาหาร หลังพวกเขาทานอาหารเสร็จผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนยังไม่กลับมา ซินเอ๋อร์ร้อนใจยืนตั้งตารออยู่ที่ประตูตำหนักหยกขาว คล้ายภรรยาตัวน้อยรอสามีกลับมา
ทว่ารออยู่นานไม่เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนกลับมา แต่กลับเป็นหลี่ฝูคนรับใช้ชายข้างกายเขาเดินทางกลับมา
เพียงเห็นสีหน้าหลี่ฝูเต็มไปด้วยความกังวล ซินเอ๋อร์พลันหวั่นใจ พลางคิดในใจคงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรอกนะ!
หรือหมอประหลาดผู้นั้นไม่ยินยอมรักษาน้องชายเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ร้อนรนในใจ พลันพุ่งเข้าไปข้างกายหลี่ฝูอย่างตื่นตระหนก เอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“อาฝู ท่านเป็นอันใดหรือ หรือท่านหมอประหลาดนั้นไม่ยอมรักษาน้องชายข้า!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ใกล้จะร้องไห้ออกมา
หลี่ฝูที่มีสีหน้าร้อนใจหลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ จึงพบว่าซินเอ๋อร์เข้าใจบางอย่างผิด พลันส่ายหน้าเอ่ยขึ้น
“ไม่ เจ้าไม่ต้องกังวล เพียงนายท่านของเราออกหน้า มีเรื่องใดที่ไม่สำเร็จบ้างหรือ!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ บนใบหน้าของหลี่ฝูภาคภูมิใจหลายส่วน
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ใจที่เดิมทีหวาดหวั่นจึงโล่งอกอย่างที่สุด ทันใดนั้นพลันฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามขึ้น
“อาฝูเมื่อครู่เหตุใดท่านดูกังวลร้อนใจเช่นนั้น เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ!”
ซินเอ๋อร์ไม่เอ่ยยังดีเสียกว่า เพราะเพียงเอ่ยขึ้นสีหน้าหลี่ฝูพังทลายลง ก่อนเอ่ยอย่างกังวลร้อนใจ
“ถูกต้อง เมื่อครู่ที่บ้านให้คนมาส่งข่าวว่าภรรยาข้าจะคลอด ข้าจึงร้อนรนกลับมา”
“หา ยินดีกับท่านด้วย เช่นนั้นท่านรีบกลับไปเถิด!”
ซินเอ๋อร์ได้ยินรู้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ จึงเร่งรีบเอ่ยขึ้น
หลี่ฝูได้ยินกลับไร้สีหน้าดีใจ ก่อนถอนหายใจออกมา
“ข้าก็อยากกลับไปที่บ้าน แต่นายท่านใกล้จะกลับมาแล้ว ทุกวันข้าต้องปรนนิบัตินายท่านอาบน้ำ หากข้าไปแล้ว ผู้ใดจะปรนนิบัตินายท่านกัน!”
“หา เช่นนี้หรือ งั้นควรทำเช่นไร เปลี่ยนเป็นผู้อื่นได้หรือไม่!”
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น กังวลใจแทนหลี่ฝู
เมื่อเห็นท่าทางร้อนใจใกล้จะร้องไห้ของหลี่ฝู วิธีใดก็คิดไม่ออก
แต่ทันใดนั้นหลี่ฝูที่กังวลอย่างหนัก คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาเปล่งประกาย พลันใช้มือกุมมือซินเอ๋อร์ ก่อนมองเธออย่างอ้อนวอนแล้วเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าช่วยข้าด้วยเถิด ประเดี๋ยวเจ้าปรนนิบัตินายท่านอาบน้ำได้หรือไม่!”
“หา จะได้เช่นไร!”
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ตกใจทันที
แม้เธอจะเป็นสาวใช้ของเหลิ่งอวี้เซวียน แต่วันนี้เพียงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเธอยังกังวลอย่างที่สุด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการปรนนิบัติเขาอาบน้ำ
อีกอย่างเธอคือสตรี!
ความจริงซินเอ๋อร์ไม่รู้ก็คือตระกูลใหญ่โตส่วนใหญ่ ไม่ว่าคุณชายหรือคุณหนู การให้สาวใช้ปรนนิบัติอาบน้ำคือเรื่องปกติธรรมดา
น่าเสียดายซินเอ๋อร์ไม่เคยเป็นสาวใช้มาก่อน จึงย่อมไม่รู้เรื่องนี้
ทว่าเห็นหลี่ฝูเวลานี้ร้อนใจจนใกล้ร้องไห้ออกมา จนแทบคุกเข่าขอร้องเธอ เห็นเช่นนั้นซินเอ๋อร์ลำบากใจ แต่สุดท้ายยังทนต่อการอ้อนวอนของหลี่ฝูไม่ได้ จึงเพียงตอบตกลง
เพราะแม้จะรู้จักกับหลี่ฝูได้ไม่นาน แต่หลี่ฝูผู้นี้ยังดีอย่างมาก!
แต่ตอนนี้เธอควรทำเช่นไร!
ต้องปรนนิบัติเหลิ่งอวี้เซวียนอาบน้ำจริงหรือ!
ซินเอ๋อร์ช่างลำบากใจ
…
หลังจัดการเรื่องหรงเสี่ยวเป่าเสร็จ เหลิ่งอวี้เซวียนควบม้ารีบกลับมาโดยไม่หยุดพัก
เดิมทีคิดไปดูซินเอ๋อร์ ทว่าเมื่อนึกถึงระหว่างเดินทางตนเปรอะเปื้อนฝุ่นและเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก เพราะวันนี้เขายุ่งตลอดทั้งวัน เมื่อตอนเย็นกลับมา ยังต้องจัดการเรื่องหรงเสี่ยวเป่า
จากที่นี่ถึงหุบเขาฝีเสื้อ ระยะห่างแม้จะไม่ไกล แต่เมื่อควบม้ากลับมาไม่หยุด เขาไม่ใช่คนเหล็กจึงเหนื่อยล้า
ดังนั้นเมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนกลับมาถึง เดินมุ่งหน้าไปทางห้องอาบน้ำ
แม้เขาจะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของแคว้นเทียนหยวน ร่ำรวยเงินทอง ความจริงกลับลำบากกว่าคนปกติสิบเท่า
ดังนั้นปกติเขาชื่นชอบที่สุดคือ การอาบน้ำอย่างสุขสบายสักรอบ
หลายปีก่อน หลังเขาพบว่าบนเขามีน้ำพุร้อนธรรมชาติ จึงให้คนสูบน้ำพุร้อนเข้ามาในตำหนักหยกขาว ก่อนสร้างบ่อน้ำพุส่วนตัวขึ้นมา
ทุกวันหลังกลับมา เขาจะแช่ตัวอยู่ที่นี่ราวหนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งความเหนื่อยล้าบนกายสลายไป วันนี้ก็เช่นกัน
หลังถอดเสื้อผ้าบนกายลงอย่างคล่องแคล่ว เหลิ่งอวี้เซวียนกระโดดลงไปในบ่อน้ำร้อนควันลอยกรุ่นนั้น ก่อนว่ายน้ำอยู่ในนั้นครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ กลับมาที่ริมบ่อ ยืดสองมือออกไป ปิดดวงตาลง พิงขอบบ่อน้ำพุ
หลังผ่านไปไม่นานได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นทางด้านหลัง เหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เพียงตบลงบนไหล่ที่ปวดเมื่อยของตน พร้อมเอ่ยขึ้น
“อาฝู ช่วยนวดไหล่ให้ข้าทีเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ ผ่านไปไม่นานก็ไม่ได้ยินหลี่ฝูตอบกลับมา จึงขมวดคิ้วมุ่นคิดเอ่ยบางอย่างออกไป แต่ทันใดนั้น มีมือคู่หนึ่งค่อยๆ วางลงบนไหล่เขา จากนั้นนวดอย่างเบามือ