สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 234 สอนเธอรู้อักษร (2)
ภายในห้องหนังสือมีพื้นที่ราวหนึ่งร้อยตารางเมตร
และสามด้านของด้านในมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่
และบนชั้นหนังสือวางหนังสือเล่มหนาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
และตรงกลางห้องหนังสือ กลับวางโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ทำจากไม้จื่นถานตัวหนึ่งไว้ บนโต๊ะต่างวางเครื่องเขียนไว้อย่างเป็นระเบียบ
ห้องนี้ปกติซินเอ๋อร์เข้ามาบ่อยครั้ง แต่เธอมาที่นี่เพื่อทำความสะอาด แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป
“มา พู่กันจับเช่นนี้ ไม่ใช่ เช่นนี้ เอาล่ะ เจ้าถือพู่กัน ลองเขียนอักษรลงบนกระดาษดู ท่าทางต้องดูดี และหลังตรง”
หลังมาถึงห้องหนังสือ เหลิ่งอวี้เซวียนสอนซินเอ๋อร์เขียนอักษรอยู่ด้านข้างไม่หยุด
สำหรับการที่ตนสามารถหยิบพู่กันเขียนอักษรอีกครั้ง สำหรับซินเอ๋อร์ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่ง
เพราะหลังมารดาจากไป พวกเธอสองพี่น้องต้องประคับประคองกัน ใช้ชีวิตอย่างลำบาก ทำให้ซินเอ๋อร์ทิ้งเรื่องที่ตนชื่นชอบมากมายไป ยกตัวอย่างเช่นการคัดอักษรและอ่านหนังสือ
เวลานี้ สถานะของเธอเป็นเพียงสาวใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น แต่กลับสามารถหยิบพู่กัน เรียนรู้อักษรใหม่อีกครั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์มีความสุข รู้สึกเพียงเธอตอนนี้กำลังฝัน
แต่เธอต้องรักษาโอกาสที่สามารถเขียนอักษรในตอนนี้ไว้ให้ดี ดังนั้นชายหนุ่มสอนสิ่งใด เธอพลันฟังอย่างตั้งใจ
ทว่าไม่รู้เพราะตนตื่นเต้นดีใจเกินไปหรือไม่ มือที่ถือพู่กันนั้นจึงสั่นเทา อักษรที่เขียนออกมาจึงบิดเบี้ยว ราวกับจิ้งหรีด ทำให้ซินเอ๋อร์หงุดหงิดอย่างยิ่ง
เธอก่อนหน้านี้ เขียนได้สวยกว่าตอนนี้!
คงเพราะไม่ได้เขียนอักษรมาหลายปี เธอจึงไม่คุ้นชินมากมายเช่นนี้
ขณะซินเอ๋อร์กำลังคิดในใจ คิดไม่ถึง ข้างใบหูของเธอกลับพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“ฮ่า ๆ เจ้ากำลังเขียนอักษร หรือว่ากำลังวาดจิ้งหรีดกัน!”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของชายหนุ่ม แฝงด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลหลายส่วน ทำให้คนฟังใจเต้นแรง
แต่คำพูดชายหนุ่มเวลานี้ สำหรับซินเอ๋อร์กระแทกใจอย่างมาก
เอ่ยว่าเธอเขียนอักษรหรือวาดจิ้งหรีด นี่ นี่มันช่างเหยียดหยามกันเกินไปแล้ว!
แม้คำพูดของเขาจะไม่ผิด เพราะกระทั่งเธอเองรู้สึกว่าคล้ายกับจิ้งหรีด แต่คำพูดนี้ดังออกมาจากปากเขา ทำให้เธอเก้อเขิน แก้มแดงก่ำ อย่างรวดเร็ว
ขณะหงุดหงิด เขินอายในใจ ซินเอ๋อร์อยากแทรกแผ่นดินหนีหายไป
เพราะอักษรที่เธอเขียนช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก!
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์วางพู่กันในมือลง คิดลงมือทำลายอักษรทั้งหมดที่ตนเขียนเมื่อครู่
แต่มีมือข้างหนึ่งกลับเร็วกว่าเธอ หยิบอักษรที่เธอเขียนขึ้นมา ก่อนพับสอดเข้าไปในอกของตน
“เอ๊ะ!”
สำหรับการกระทำของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ไม่เข้าใจบางส่วน
“ฮ่า ๆ อักษรแม้จะอัปลักษณ์ แต่นี่คือครั้งแรกที่เจ้าเขียน ดังนั้นข้าต้องเก็บไว้ รอให้เจ้าฝึกฝนเขียนมากขึ้น ค่อยนำออกมาเปรียบเทียบว่าเจ้าก้าวหน้าหรือไม่”
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นซินเอ๋อร์ไม่เข้าใจจึงกล่าวยิ้มๆ
หลังได้ยินซินเอ๋อร์เพียงก้มหน้าลง ก่อนส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา ก่อนหยิบพู่กันขึ้นอีกครั้ง ฝึกเขียนอักษร
แต่เธอฝึกเขียนหลายตัวอักษร กลับเขียนออกมาได้ไม่ดี ทุกตัวอักษรต่างอัปลักษณ์ ทำให้ซินเอ๋อร์เสียใจ
บนใบหน้าเล็กนั้นค่อยๆ ปรากฎความเศร้าโศกและเสียใจขึ้นมา
คิดแล้ว เธอไม่เหมาะกับการเขียนอักษรจริงๆ!
ขณะคิดในใจ หูกลับได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น
“ไม่มีผู้ใดเก่งในเพียงพริบตาเดียว เพิ่งเริ่มฝึกฝนก็ท้อแท้แล้ว หรือความชอบของเจ้า มีเพียงนิดเดียวเท่านั้น!”
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นทันที
“ไม่ ข้าชื่นชอบอ่านหนังสือ เขียนอักษรจริงๆ!”
คำพูดนี้ของซินเอ๋อร์หนักแน่นอย่างยิ่ง!
หลังเอ่ยจบ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ก่อนสบเข้ากับดวงตาคู่งามยิ้มแย้มของชายหนุ่มพอดี!
ดวงตาชายหนุ่มน่ามองยิ่งนัก
ลายเส้นสมบูรณ์แบบ ลึกล้ำ มืดมิดดุจยามค่ำคืน เปี่ยมด้วยความเฉลียวฉลาดอย่างจะอธิบายได้ เมื่อสบตามักลุ่มหลงในดวงตาดำขลับนี้จนไม่อาจถอนตัวโดยไม่รู้ตัว
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ กลับพลันรู้สึกตนถูกโอบกอด และมือที่ถือพู่กันของเธอก็ถูกมือใหญ่หนากุมไว้แน่น
“เอ่อ”
การกระทำของชายหนุ่ม รวดเร็วเกินไป ทำให้คนรับมือไม่ทัน ซินเอ๋อร์หลังได้สติ ในใจพลันเต้นระรัวขึ้นมา ทันใดนั้นเอ่ยขึ้นอย่างตกใจทันที
“ท่าน ท่านจะทำสิ่งใด!”
กอดเธอโดยไร้เหตุผล หรือ…
ภาพในบ่อน้ำพุร้อนคืนนั้นพรั่งพรูขึ้นมาในสมองของซินเอ๋อร์อีกครั้ง ทำให้ซินเอ๋อร์อดหนาวสั่นไม่ได้ และยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว จนอดเริ่มดิ้นจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
อาจเพราะรับรู้ถึงความในใจของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มเพียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจนใจและขมขื่น
“อย่าขยับ หากเจ้าขยับต่อไป ข้าจะสอนเจ้าเขียนอักษรได้เช่นไร!”
“อะไรนะ ที่แท้ท่านต้องการสอนข้าเขียนอักษรหรือ!”
หลังซินเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มพลันหยุดดิ้นลง ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ก่อนเอ่ยถามชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู
ชายหนุ่มได้ยิน เห็นใบหน้าแปลกใจของสาวน้อย เพียงเลิกคิ้วงามขึ้น ตั้งใจถามกลับไปว่า
“มิฉะนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะทำสิ่งใด!”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน
ที่แท้เมื่อครู่เธอเข้าใจผิด!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกเสียใจต่อชายหนุ่มกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่เธอกลับไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่น
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น จึงถอนหายใจ ก่อนเอ่ยว่า
“ที่แท้ ข้าในสายตาเจ้ากลับเกินจะรับได้เช่นนี้!”
พอคิดถึงตรงนี้ บนใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งอวี้เซวียน เผยท่าทางเสียใจผิดหวังออกมา
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์พลันตกใจ และเริ่มกังวลขึ้นมา
“ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น เซวียน ท่านฟังข้าอธิบายก่อนดีหรือไม่ ท่านดีอย่างยิ่ง!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยความจริง
เพราะเขาไม่ได้รู้จักกับเธอ แต่กลับช่วยเหลือเธอและน้องชายหลายครั้ง บุญคุณนี้เธอจะตอบแทนเช่นไร ไม่มีทางหมด
ดังนั้น เมื่อเห็นสีหน้าเสียใจของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์พลันเริ่มอธิบาย
และบนใบหน้าเล็กประณีตนั้น ปรากฎความกังวลขึ้นหลายส่วน คล้ายกลัวเหลิ่งอวี้เซวียนไม่เชื่อคำพูดของตน และถอนหายใจอย่างเสียใจ
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่อธิบายอย่างกังวล เหลิ่งอวี้เซวียนกลับเผยสีหน้าชอบใจออกมา ก่อนกล่าวยิ้มๆ
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“อืม ย่อมจริงแน่นอน!”
เมื่อเห็นสีหน้าชอบใจของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์พลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น
แต่สีหน้าชอบใจของชายหนุ่มตรงหน้ามีอยู่ได้ไม่นาน ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนเอ่ยว่า
“แต่เหตุใด เจ้ามักหวาดกลัวข้าขนาดนี้ และยังหลบหน้าข้า หรือเพราะเรื่องครั้งก่อน!”
เหลิ่งอวี้เซวียนหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ่อน้ำพุครั้งก่อน
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ร่างกายพลันสั่นไหว ทันใดนั้นพลันก้มหน้าลง ไม่พูดจา
แต่การกระทำนี้ กลับแสดงถึงการยอมรับเงียบๆ ของเธอ
เห็นเช่นนั้น ครั้งนี้แววตาของเหลิ่งอวี้เซวียนอดปรากฎความละอายใจหลายส่วนขึ้นมา ก่อนเอ่ยขอโทษขึ้น
“ขออภัย เรื่องครั้งก่อนข้าทำไม่ถูก ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย และตอนนี้ข้าสัญญากับเจ้าว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องเช่นครั้งที่แล้วขึ้นอีกเด็ดขาด เจ้าโปรดเชื่อข้า และให้อภัยข้าได้หรือไม่!”
หลังเอ่ยจบ เสียงของเหลิ่งอวี้เซวียนแฝงด้วยความระมัดระวังหลายส่วน
เพราะหลายวันนี้ เขาโทษตนเองไม่หยุด
สาวน้อยตรงหน้านี้ ไม่คล้ายกับผู้อื่นที่ลุ่มหลงในความหรูหรา หากเป็นหญิงอื่น เพียงเขากระดิกนิ้วพลันถูกส่งมาที่ประตูทันที
แต่คนพวกนั้น ให้ความสำคัญเพียงรูปโฉมของเขา อำนาจบารมีของเขา เพราะอยู่กับเขาพวกเขาจะได้รับความเกรงใจ
สำหรับคนที่ลุ่มหลงในอำนาจเงินทองพวกนั้น เขาไม่แยแส
แต่สาวน้อยตรงหน้านี้ กลับแตกต่างออกไป
แม้เธอจะไร้เงินทอง แต่กลับไม่โลภในเงินทอง และความฟุ้งเฟ้อ
หากคืนนั้น เธอกลายเป็นคนของเขา เขาจะไม่ให้เธอเสียเปรียบแน่นอน
ต่อไปเธอจะกลายเป็นนายหญิงแห่งวังแห่งนี้
แต่เธอกลับไม่ทำเช่นนั้น
เธอหลบหน้า หลีกเลี่ยงเขาไม่หยุด
ในสายตาเธอ สิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ความมั่งคั่งของเขา
หญิงที่ไม่รักความฟุ้งเฟ้อ ไร้เดียงสาเช่นเธอนี้ คล้ายดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาบนน้ำโดยไร้โคลนตมแปดเปื้อน จะไม่ให้เขาใจเต้นได้เช่นไร!
ดังนั้นมีเพียงหญิงสาวเช่นนี้ จึงคู่ควรให้เขามอบใจ และคู่ควรให้เขาทะนุถนอม
เขาต้องการรักเธอ ทนุถนอมเธอ ทำให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกนี้
ขณะเดียวกัน เขาไม่ยินยอมและหวาดกลัวที่สุดคือ เธอหลบหน้าเขา กลัวเขา เรื่องนี้ทำให้เขาเสียใจ
ดังนั้นตอนนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงขอร้องซินเอ๋อร์จากใจจริง เพื่อให้เธอสามารถอภัยเรื่องที่เขาทำกับเธอครั้งก่อน
เพราะเขาทนกับความหวาดกลัว หลบหน้าเขาของเธอมาเพียงพอแล้ว
สำหรับความจริงใจของเหลิ่งอวี้เซวียน ความจริงซินเอ๋อร์ก็มองออก
เมื่อเห็นชายหนุ่มสูงศักด์รูปงามตรงหน้านี้ ซินเอ๋อร์ใจเต้น
ชายผู้นี้มั่งคั่งมีอำนาจอย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาคือคนที่ยืนอยู่บนที่สูงตระหง่าน ทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา ยอมสยบ
คนเหนือผู้คนเช่นเขานี้ กลับเอ่ยขอโทษกับบ่าวไพร่ชั้นต่ำอย่างเธอ อ้อนวอนขออภัยเธอ
เรื่องนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ
เพราะซินเอ๋อร์เห็นชายหนุ่มตรงหน้านี้ ก็รู้สึกชื่นชอบเช่นกัน
หลายปีนี้ เธอทำงานในบ้านของพวกเศรษฐี เห็นพวกคนร่ำรวยเหล่านั้น ถือว่าเป็นคนมีเงินทอง จึงไม่เห็นบ่าวไพร่อยู่ในสายตา แม้จะเป็นเรื่องที่ตนทำผิด แต่กลับไม่ยอมขอโทษ
เพราะพวกเขาคิดว่าตนคือคนชั้นสูง และพวกเธอเป็นเพียงบ่าวไพร่ชั้นต่ำเท่านั้น
เพียงนึกถึงฝีปากและหน้าตาดุร้ายของคนพวกนั้น และมองชายหนุ่มที่ลดเสียงขอโทษตนอย่างจริงใจตรงหน้า ดวงตาของซินเอ๋อร์เป็นประกายชั่วขณะ ทันใดนั้นท่ามกลางสายตารอคอยของชายหนุ่ม ดวงตาคู่งามพลันโค้งขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้มดุจบุปผา
“เมื่อท่านขอโทษจากใจจริง ยอมรับว่าตนทำผิด เอาเถิด ข้าให้อภัยท่าน!”