สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 238 สาวน้อยสวยพริ้ง
หลายวันมานี้ เธอฝึกการร่ายรำจนถึงเที่ยงคืน ทุกครั้งที่เธอเหนื่อยล้าสุดชีวิต คอแห้งผาก มักมีคนเช็ดเหงื่อ ส่งน้ำอุ่นให้ ความอ่อนโยนเอาใจใส่ รอบคอบเช่นนี้ จะไม่ให้เธอซาบซึ้งได้เช่นไร!
และพี่จื่ออีแม้จะอายุมากกว่าเธอหลายปี แต่มักทำให้เธอรู้สึกคล้ายมีมารดาคอยเอาใจใส่ก่อนหน้านี้ ทำให้เธอวางใจอย่างยิ่ง
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงชื่นชอบพี่สาวตรงหน้านี้ ขณะเห็นจื่ออีโศกเศร้าเสียใจ ในใจย่อมทนไม่ได้
สุดท้าย ขณะจื่ออีกำลังร้องไห้ ซินเอ๋อร์พลันตอบตกลง
“พี่จื่ออี ท่านอย่าร้องไห้เลย ข้ารับปากท่าน”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น เพราะเธอกลัวพี่สาวท่านนี้เสียใจจริงๆ!
หลังจื่ออีได้ยิน ใบหน้าน่าสงสาร พลันเบ่งบานรอยยิ้มดีใจออกมา
“จริงหรือ เจ้ารับปากแล้วหรือ!”
จื่ออีได้ยิน กุมมือซินเอ๋อร์อย่างดีใจ ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“อืม ข้าตกลง”
แม้จะไม่ต้องการสวมเสื้อผ้าเปิดเผยร่างกายเช่นนี้ แต่เพื่อพี่จื่ออี เธอสวมก็ได้!
ซินเอ๋อร์ก้มหน้าหลุบสายตา ถอนหายใจ
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า แววตาของจื่ออีพลันเปล่งประกาย
…
การแสดงของพวกซินเอ๋อร์คือระบำห่านขาว และระบำห่านขาวนี้ คือการแสดงสำคัญในงานแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ และจะแสดงในตอนเย็น
กลางวันคือกิจกรรมร่วมสนุกของ ‘หอสุราดับทุกข์’
เพียงจับฉลากได้จะรางวัล
รางวัลคือเงิน
รักความมั่งคั่งต่างคือนิสัยของทุกคน ดังนั้นไม่นานบนทะเลสาบไท่จื่อ ผู้คนแน่นขนัดจนไร้ที่ว่าง
บรรยากาศคึกคักเช่นนี้ ดำเนินต่อไปจนถึงตอนเย็น
เมื่อพระอาทิตย์สีทองบนท้องฟ้าเคลื่อนจากทิศตะวันออกลงสู่ทิศตะวักตก แสงอาทิตย์อบอุ่นนั้น ค่อยๆ ถูกแสงสีส้มเข้ามาแทนที่
เห็นเพียงท้องฟ้าทิศตะวันตก พระอาทิตย์ค่อยหายลับไป แสงอาทิตย์เรืองรองถูกแทนที่ด้วยความมืด
โคมไฟถูกแขวนขึ้น สายลมเย็นพัดเอื่อย
บนท้องฟ้ามืดมิดนั้น ดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มเปล่งประกาย ระยิบระยับ ดุจเพชรกำลังเปล่งประกายอยู่ด้านบน สวยงามเกินบรรยาย!
พระจันทร์เสี้ยวดุจเคียวเกี่ยวข้าว ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์สีขาวนวลนั้น ดุจหมอก ดุจผ้าแพร สาดลงมาบนพื้นดิน ทำให้ทั่วพื้นดิน ปรากฎสีสันน่าหลงใหลขึ้นมาหลายส่วน
คืนที่สวยงามดุจบทกวีภาพวาดเช่นนี้ เหมาะสมให้คู่รักพลอดรักใต้แสงจันทร์อย่างยิ่ง
เวลานี้ บนทะเลสาบไท่จื่อ ถึงแม้จะมีความมืดคืบคลานเข้ามา แทนที่จะเงียบงัน กลับกันคนที่เข้ามาชมการแสดงกลับคึกคัก มากมายกว่าตอนกลางวัน
เห็นเพียงเมื่อทอดสายตาออกไป บนทะเลสาบไท่จื่อ ผู้คนเดินขวักไขว่ รถม้าวิ่งสวนไปมาไม่ขาดสาย
บนทะเลสาบไท่จื่อ แขวนโคมไฟสวยงามเต็มพื้นที่
แสงไฟเลือนลางนั้น ทำให้ทั่วทะเลสาบไท่จื่อสว่างไสว
ผิวน้ำทะเลสาบวาววับ ทำให้ทิวทัศน์ริมทะเลสาบดูโบราณ สวยงามดุจบทกวีภาพวาด!
เวทีที่สร้างขึ้นบนทะเลสาบไท่จื่อ สว่างไสว
ด้านล่างเวที มีเหล่าราษฎรเข้ามานั่งรอชมการแสดงจนเต็มพื้นที่ ที่นั่งแถวหน้าสุด คือที่นั่งของกลุ่มคนสูงศักดิ์มีอำนาจ
หลังพิธีกรในการแสดงครั้งนี้เอ่ยเริ่มการแสดง ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารออยู่ด้านล่างเวที
เพราะทั่วเมืองหลวง ผู้ใดต่างทราบดีว่าการร่ายรำในชั้นสามของ ‘หอสุราดับทุกข์’
คือการร่ายรำที่ดีที่สุดในเมืองหลวง
ทุกวันคนที่เข้ามาชั้นสามของ ‘หอสุราดับทุกข์’ มีมากมายนับไม่ถ้วน
ดังนั้น วันนี้ คนที่เข้ามาชมการแสดงจึงทำให้ทะเลสาบไท่จื่อแทบพังทลาย
ทุกคนอยากชมที่สุด คือระบำห่านขาวในครั้งนี้
เพียงได้ยินชื่อการร่ายรำนี้ ทำให้ทุกต่างตั้งตารอคอย ไม่รู้ระบำนี้ จะแสดงสมดังชื่อ ระบำห่านขาวหรือไม่!
ขณะทุกคนตั้งตารอคอย มีรถม้าหรูหราคันหนึ่งกำลังพุ่งทะยานมาทางนี้
เมื่อคนรถส่งเสียงร้องคำราม รถม้ากลับพลันหยุดนิ่งลง
จากนั้นหนุ่มน้อยอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีและคนรถที่นั่งอยู่บนรถกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว พลันเอ่ยกับคนด้านในรถม้าอย่างนอบน้อมว่า
“นายท่าน ถึงทะเลสาบไท่จื่อแล้ว”
“อืม”
หลังได้ยิน มีเสียงดังออกมาจากภายในรถม้า ทันใดนั้น มือใหญ่สวยงามค่อยๆ เลิกม่านขึ้น
นี่คือมือใหญ่ที่น่ามองคู่หนึ่ง
นิ้วเรียวยาวดังต้นหอม สีผิวขาวโปร่งดังหิมะ เมื่อรวมเข้ากับแหวนหยกไขมันแพะที่รังสรรค์อย่างสวยงามอวบอิ่มบนนิ้วโป้งนั้น สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง!
เพียงเห็นมือคู่นี้ รู้ว่ามีเพียงคนที่สูงศักดิ์เท่านั้นที่มีได้
และมือน่ามองของคนผู้นี้ ทำให้คนคิดเตลิดไปไกล อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนผู้นี้!
ดังนั้นทุกคนที่เดินผ่าน เมื่อเห็นมือของคนบนรถม้า อดแปลกใจ ต่างหันมองไม่ได้ จึงถูกรถม้าหรูหราคันนี้ดึงดูดไว้
จนกระทั่งสุดท้ายหลังคนในรถม้าเลิกม่านขึ้น ลงจากรถม้า เสียงสูดหายใจอย่างไม่เชื่อสายตา ดังขึ้นไม่ขาดสาย
สายตาที่ทุกคนมองหนุ่มน้อย ตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง!
เห็นเพียง นี่คือหนุ่มน้อยอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีผู้หนึ่ง!
สวมเสื้อคลุมสีขาวสวยงามจากไหมน้ำแข็ง ชายเสื้อและปกเสื้อปักลายดอกไม่ที่ประณีตสวยงาม คาดสายรัดเอวสีทอง ประดับด้วยหยกไขมันแพะชั้นดี
เสื้อคลุมประณีตสวยงามตัวนี้ ทำให้รูปร่างของหนุ่มน้อยสูงโปร่ง
บนใบหน้าดุจกวนหยกนั้น คิ้วโก่งงอนไปจนถึงจอนผม ดวงตาหงส์ หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ปิดบังสีหน้าเย่อหยิ่งไว้ไม่ได้!
ด้านล่างจมูกโด่งสง่างามนั้น คือริมฝีปากแดงสดดุจดอกเหมยเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ เย้ายวนใจอย่างที่สุดออกมา!
แต่ริมฝีปากน่ามองเวลานี้กลับเม้มสนิท เห็นชัดถึงอารมณ์ไม่ดีของเจ้าของ!
เห็นเพียงหลังหนุ่มน้อยลงจากรถม้า ไม่สนใจสายตาตกตะลึงของผู้คนรอบกาย อาจเพราะเคยชินเป็นปกติ จึงไม่แยแส
ดวงตาหงส์เรียวยาวแฝงความเย็นชาหยิ่งยโสคู่นั้น หลังกวาดมองรอบด้าน คิ้วโก่งนั้นอดขมวดไม่ได้ ก่อนเอ่ยกับหนุ่มน้อยหน้าตาหมดจดข้างกายว่า
“อาชิง วันนี้วันใดหรือ ที่นี่เหตุใดผู้คนมากมายเช่นนี้”
หลังได้ยินคำพูดของหนุ่มน้อย อาชิงพลันเอ่ยอย่างนอบน้อม
“นายท่าน วันนี้คือการแสดงศิลปะของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ที่จัดขึ้นปีละครั้ง จึงทำให้ผู้คนมามากมายเช่นนี้!”
“หอสุราดับทุกข์หรือ!”
หลังได้ยิน หนุ่มน้อยอดพึมพำไม่ได้ ทันใดนั้นก้มหน้าขบคิดบางอย่าง ชั่วขณะเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับอาชิงว่า
“ไป พวกเราไปดูกันเถิด!”
“ขอรับ”
…
หลังหนุ่มน้อยหล่อเหลาพาบริวารจากไป ก็มีรถม้าหรูหราอีกคันหนึ่ง ค่อยๆ หยุดลงตรงตำแหน่งที่หนุ่มน้อยเมื่อครู่ยืนอยู่
หลังรถม้าหรูหราคันนั้นหยุดลง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เดินลงมาจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อชายหนุ่มปรากฎตัว รอบด้านมีเสียงสูดหายใจอย่างไม่เชื่อสายตาดังขึ้นอีกครั้ง
เห็นเพียงชายผู้นี้ สวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้มบนกาย คาดสายรัดเอวสีดำ ประดับด้วยหยกดำชั้นดี
เส้นผมรวบในกวนหยก ทำให้ใบหน้านั้น ดุจเทพเซียนรังสรรค์ออกมาอย่างประณีตงดงาม
ดวงตาเฉลียวฉลาดคมกริบคู่นั้น เมื่อมองซ้ายและขวา มีกลิ่นอายสูงส่ง ดุดันน่าเกรงขาม!
โดยเฉพาะเมื่อสบตา จะถูกดึงดูดจิตวิญญานไป!
หลังชายเสื้อคลุมชุดม่วงเพิ่งลงจากรถม้า หญิงสาวรูปงามสวมกระโปรงหลัวฉวินสีฟ้าบางเบาคนหนึ่ง พลันเดินอย่างอรชรเข้ามา
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”
“อืม การแสดงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใช่หรือไม่!”
เมื่อเห็นจื่ออีเดินเข้ามา เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงพยักหน้าให้แก่เธออย่างเย็นชา พลันเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น
บนใบหน้าเยือกเย็นนั้น มีสีหน้าเย็นชา ดวงตาคมกริบหลักแหลมนั้น เรียบเฉย คล้ายเรื่องทุกเรื่องบนโลกนี้ สำหรับเขาต่างไม่ใช่สิ่งที่ต้องใส่ใจ!
และคนผู้นี้ คือเหลิ่งอวี้เซวียนในสายตาคนนอก!
ภูมิฐานหนักแน่น ใบหน้าเย็นชา ทั่วกายกระจายกลิ่นอายดุดันสูงส่งออกมา แต่กลับเย็นชาจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้!
ดังนั้น เมื่อจื่ออีเห็นท่าทางที่เหลิ่งอวี้เซวียนมีต่อซินเอ๋อร์ จึงรู้ว่าซินเอ๋อร์สำคัญในใจของเหลิ่งอวี้เซวียน!
เวลานี้หลังได้ยินคำพูดของเจ้านาย จื่ออีไม่กล้าปิดบัง ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยออกไปทั้งหมด ดวงตาคู่งามเปล่งประกายชั่วขณะ ก่อนกล่าวยิ้มๆ
“เท้าของชิงเอ๋อร์หลายวันก่อนไม่ระวังจึงพลิก การแสดงครั้งนี้นางจึงไม่ได้เข้าร่วม”
“อะไรนะ!”
หลังได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนหยุดฝีเท้าลง ขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเขายังกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เพียงเหลือบมองจื่ออีแวบหนึ่ง
เพราะจื่ออีเป็นคนเช่นไร เขารู้อย่างแจ่มแจ้ง
หญิงคนนี้คือคนมีความสามารถ ดังนั้นมีเธออยู่ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจ
จริงอย่างที่คิด ได้ยินจื่ออีเอ่ยต่อว่า
“ทว่านายท่านไม่ต้องกังวล ข้าเปลี่ยนคนอื่นมาแทนชิงเอ๋อร์แล้ว และคนผู้นี้ร่ายรำงดงามกว่าชิงเอ๋อร์มากนัก!”
จื่ออีเอ่ยถึงตรงนี้ หน้าตาดูภูมิใจและมั่นใจอย่างมาก
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเอ่ยขึ้น
“เป็นเช่นนั้นก็ดี!”
เอ่ยจบ ก้าวเดินเข้าไปที่เวทีการแสดง
เพราะแถวแรกด้านล่างเวทีคือที่นั่งของแขกกิตติมาศักดิ์ จึงมีการจัดที่นั่งไว้สำหรับเขาแล้ว
หลังเหลิ่งอวี้เซวียนเดินเข้ามานั่งลงแถวด้านหน้า ดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนกลิ่นอายสูงส่ง ใบหน้าหมดจด เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
มีบางคนคิดประจบประแจง แต่เหลิ่งอวี้เซวียนมีบุคลิกเยือกเย็นมาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดเข้าไปใกล้
และการปรากฎตัวของเหลิ่งอวี้เซวียน ดึงดูดความสนใจของหนุ่มน้อยรูปงามกลางฝูงชนขึ้น
“อาชิง ไปตรวจสอบดูว่าคนผู้นั้นคือผู้ใด!”
เห็นเพียงหนุ่มน้อยรูปงามชี้มือไปยังชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีม่วงนั่งอยู่ด้านหน้าสุด ก่อนเอ่ยสั่งการอาชิงที่อยู่ด้านหลัง
อาชิงได้ยิน พยักหน้า พลันจากไป
หลังหายไปนาน ก็เดินกลับมา
“นายท่าน คนผู้นั้นสถานะไม่ชัดเจน ทว่าสามารถนั่งในที่นั่งแขกกิตติมาศักดิ์ได้ และบุคลิกไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!”
หลังได้ยินคำอาชิง หนุ่มน้อยรูปงามเพียงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเดินเข้าไป
เขาเดินไปยังตำแหน่งที่สามารถมองเห็นค่อนข้างชัดเจน พบว่าที่นั่งตรงนั้นมีคนนั่งอยู่ ดังนั้นจึกยกเท้าเตะเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ
หลังหนุ่มน้อยรูปงามยกเท้าเตะออกไปอย่างแรง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ดีๆ ตรงนั้นแผดร้องขึ้น ทันใดนั้นล้มลงบนพื้น
หลังชายผู้นั้นได้สติ ลุกขึ้นมาจากพื้น หันมามองอย่างโมโห ก่อนยกหมัดขึ้นจะโจมตีหนุ่มน้อยรูปงาม พร้อมเอ่ยอย่างโมโห
“เป็นเจ้าที่กล้าเตะข้า!”
ตรงข้ามกับ ชายหนุ่มที่มีสีหน้าหาเรื่อง ดุร้ายเหี้ยมโหด หนุ่มน้อยกลับไร้สีหน้าขลาดกลัว ดวงตาหงส์แคบยาวน่ามองคู่นั้น ปรากฏความดูถูกและรังเกียจขึ้นมาอย่างไม่ปิดบังหลายส่วน สบตากับชายหนุ่ม
เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มยิ่งโมโห
เพราะนั่งอยู่ดี ๆ ถูกคนเตะเข้าที่เท้า จนล้มกลิ้งดังสุนัข ตอนนี้ลุกขึ้นมายังถูกคนมองอย่างดูถูก เกรงว่านักบวชคงโมโหเดือดดาล!
ชายหนุ่มที่โมโหเดือดดาล ยังไม่ได้ระบายอารมณ์ออกไป เมื่อเห็นเงินสีทองวิบวับตรงหน้า พลันเปลี่ยนไปยิ้มแย้ม
การเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วนั้น ยอดเยิ่ยมยิ่งกว่าการเปลี่ยนหน้างิ้วของเฉสวน!
“เจ้าคนโง่ รับเงินนี้ไป แล้วไสหัวไป!”
เสียงหนุ่มน้อยราบเรียบ แม้จะด่าทอคน แต่เสียงนั้นกลับดุจธารน้ำในเดือนสาม ไพเราะจับใจ
หลังได้ยิน ชายหนุ่มนั้นไม่สนว่าเมื่อครู่จะโมโหเดือดดาลเพียงใด เวลานี้ความสนใจอยู่ที่เงินสีทองวิบวับตรงหน้านี้
เพราะทองนี้ อย่างน้อยมีราคาห้าสิบตำลึง!
เขาลำบากทำงานหลายปี ก็หาเงินไม่ได้เท่านี้!
ดังนั้นชายผู้นั้นเห็นเข้า ไม่สนใจสิ่งอื่น พลันหัวเราะก่อนหยิบเงินนั้นขึ้น พลันโค้งคำนับชายรูปงาม เอ่ยอย่างประจบประแจงว่า
“ฮ่า ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ไปตอนนี้เลย!”
เอ่ยจบ ชายหนุ่มผู้นั้นหยิบทองในมือ ไม่ถึงวินาที หายไปจากสายตาของหนุ่มน้อยรูปงามทันที
เห็นเช่นนั้น อาชิงอดยิ้มอย่างดูถูกไม่ได้
ชายหนุ่มรูปงามเพียงยิ้ม พลันดึงสายตากลับมา จากนั้นจับจ้องไปบนเวที
…
ขณะเดียวกัน เหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งอยู่บนที่นั่งกิตติมศักดิ์ คล้ายฉุกคิดขึ้นได้ จึงหันไปเอ่ยถามจื่ออีที่นั่งอยู่ด้านข้างว่า
“ซินเอ๋อร์เล่า อยู่ที่วังหรือ นางน่าจะชมชอบการแสดงพวกนี้ เจ้าให้คนไปรับตัวนางมาเถิด!”
“เอ้อ นายท่าน คือว่า…”
หลังได้ยิน ใบหน้างดงามของจื่ออีตะลึงงัน ดวงตาเป็นประกายชั่วขณะ ท่ามกลางสายตาสงสัยของเหลิ่งอวี้เซวียน จึงเอ่ยขึ้นว่า
“นายท่าน ความจริงแม่นางซินเอ๋อร์ มาแล้ว”
“โอ้เช่นนั้นหรือ ตอนนี้ให้คนเรียกนางเข้ามาเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขึ้น
เพราะเขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาสิบวันแล้ว
สิบวันมานี้ ทุกวันเขายุ่งวุ่นวายจัดการเรื่องการค้าที่ฉางโจว ทั้งใจและสมองต่างนึกถึง คิดถึง เงาร่างของสาวน้อยผู้นั้น
เขาคิดว่าคงถูกพิษของเธอ จนหลงเสน่ห์เธอแล้ว!
สิบวันนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าไม่พบหน้าเพียงวันเดียว ราวจากกันกว่าสามปี!
ตอนนี้เขารีบร้อนกลับมา ในใจล้วนคิดถึงเพียงเธอ
ตอนนี้ต้องการพบเธอ จากนั้นกอดเธอไว้ในอ้อมกอด เอ่ยความคิดถึงที่มีต่อเธอในช่วงที่ผ่านมากับเธอ
ตรงข้ามกับความคิดของเหลิ่งอวี้เซวียน จื่ออีดูออกจากสีหน้าของชายหนุ่ม
ดูแล้ว ซินเอ๋อร์มีความสำคัญต่อเจ้านายอย่างมาก มากกว่าที่เธอคาดคิดไว้
ยิ่งเป็นเช่นนี้ จื่ออียิ่งกังวลในใจ ไม่รู้ตนทำเช่นนี้ ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
เพราะความโมโหของนายท่าน หนักหนารุนแรงยิ่งนัก!
สวรรค์ สวรรค์อย่าให้เธอตายอย่างอนาถเลย!
…………………………………………………………………………………..