สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 239 ระบำห่านขาว (1)
จื่ออีอธิษฐานในใจ ทันใดนั้นถูกจับจ้องจนหนังศีรษะชาวาบ ก่อนคิดเอ่ยบางอย่างขึ้น ระหว่างการจ้องมองของเหลิ่งอวี้เซวียน
แต่ทันใดนั้น บนเวทีพลันมีเพลงอันไพเราะดังขึ้นมา
หลังได้ยิน จื่ออีมีสีหน้าชะงักงัน และรู้ว่าการแสดงจะเริ่มขึ้นแล้ว แม้ตอนนี้คิดสิ่งใด ล้วนเปล่าประโยชน์
ดังนั้น เพียงเม้มริมฝีปาก ไม่พูดจา
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น อดขมวดคิ้วไม่ได้
เพราะไม่รู้เหตุใด เขามักรู้สึกว่าจื่ออีวันนี้แปลกไป
คล้ายมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขา
แต่เธอจะปิดบังเรื่องใดกัน!
เหลิ่งอวี้เซวียนสงสัยไม่เข้าใจ แต่เมื่อมองตามจื่ออีไปที่บนเวที เมื่อเห็นร่างคุ้นตาและงดงามนั้นบนเวที เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียง ร่างกายดุจถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น!
เห็นเพียงบนเวทีใหญ่โต แสงไฟสว่างไสวนั้น บนพื้นปูด้วยพรมขนแกะสีขาว
สาวน้อยชุดเขียวแปดคน กำลังร่ายรำอยู่บนเวที ด้วยท่าทางงดงามเป็นระเบียบพร้อมเพรียงกัน
สุดท้ายหลังสาวน้อยชุดเขียวล้อมวงกัน พลันแยกจากกันอย่างรวดเร็ว สาวน้อยรูปงามสวมชุดสีแดง ปรากฎขึ้นกลางสาวน้อยชุดเขียวอย่างสง่างามสมบูรณ์ต่อสายตาผู้คน
เมื่อเห็นใบหน้าสวยงามของสาวน้อยชุดแดงชัดเจน รอบด้านอึกทึกวุ่นวายพลันเงียบงัน คล้ายเสียงเข็มตกลงบนพื้นสามารถได้ยิน
จากนั้นเสียงสูดหายใจอย่างไม่เชื่อสายตาดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
สายตาทุกคนมองสาวน้อยชุดแดงนั้น ตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง
เห็นเพียงสาวน้อยชุดแดง ใบหน้าดุจดอกฝูหรง คิ้วโก่งดังพระจันทร์เสี้ยว ดวงตาร้อนแรง เหลือบมองไปมา ดึงดูดสายตา!
ผิวขาวดังหิมะ กระจ่างใสเนียนนุ่ม เส้นผมดำสนิทนุ่มลื่น เอวบางอ้อนแอ้น
และสีหน้าดังสีสันของกุหลาบนั้น ทำให้เธอดูงดงามเย้ายวนใจขึ้นหลายส่วน งดงามอย่างที่สุด จนตกตะลึงสุดขีด!
กระโปรงหลัวฉวินสีแดงตัวบางนั้น พริ้วไหวไปมาตามท่าทางการร่ายรำงดงามของสาวน้อย และชายเสื้อพริ้วไหว ทำให้สาวน้อยดุจกุหลาบแดงเบ่งบานยามกลางคืน งดงามดังห่านป่า ทำให้คนตกตะลึง!
สมกับเป็นระบำห่านขาว!
การร่ายรำนี้ คล้ายรังสรรค์มาเพื่อสาวน้อย
เพียงร่ายรำ ไม่รู้ดึงดูดจิตใจผู้คนมากน้อยเพียงใด ทำให้ผู้คนมองอย่างหลงใหลมากเพียงใด!
จนกระทั่งระบำห่านขาวจบลง ทุกคนยังไม่ได้สติจากการร่ายรำงดงามเมื่อครู่
จนกระทั่งผ่านไปนาน เสียงปรบมือพลันดังสนั่นขึ้น ดังกังวานไปจนถึงกลุ่มเมฆบนฟ้า!
หลังได้ยินเสียงปรบมือด้านล่างเวที ซินเอ๋อร์กำลังแสดงท่าจบของการร่ายรำนี้ ความกังวล ความวิตก ความไม่สบายในใจ ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความภูมิใจและความสุข
ดวงตาถูกแต่งแต้มเรียวงอน แต่ยิ่งแวววาวสวยงามคู่นั้น เวลานี้เปล่งประกายเจิดจรัสออกมา
คล้ายศูนย์รวมแสงบนโลกใบนี้ กระจ่างใสดุจเทพเซียน และแฝงด้วยเสน่ห์เย้ายวนสะดุดตา
ดวงตากระจ่างใสและเย้ายวนเช่นนี้ ทำให้ชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่ด้านล่างเวทีตะลึงงัน ดวงตาหงส์เรียวยาวนั้นพลันปรากฎความตกตะลึงขึ้นมา
ริมฝีปากแดงสดคู่นั้น เอ่ยพึมพำขึ้น
“ช่างเป็นหญิงสาวโดดเด่นจริงๆ!”
“ฮ่า ๆ ถูกต้อง แม่นางผู้นี้งดงามจริงๆ เกรงว่าเหล่าสนมในวังหลวง เทียบนางไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียว เอ่อ”
อาชิงด้านข้างได้ยินคำเจ้านาย เอ่ยความในใจออกมา สายตามองสาวน้อยชุดแดงบนเวทีอย่างตกตะลึง และประหลาดใจ
จนกระทั่งเอ่ยถึงคำสุดท้าย คล้ายฉุกคิดได้ว่าตนเอ่ยบางอย่างผิดไป พลันใช้มือปิดปาก จากนั้นแอบมองไปยังเจ้านายข้างกายด้วยสายตาแฝงความกังวล
เมื่อเห็นเจ้านายไม่รับรู้คำพูดของตน อาชิงจึงโล่งใจอย่างที่สุด
เพราะขณะออกมา ได้กำชับอย่างดีว่าห้ามเขาเอ่ยเรื่องในวังหลวง
ตรงข้ามกับทางนี้ ขณะเดียวกัน หน้าเวที
“จื่ออี เจ้าทำเรื่องงามหน้านัก!”
เสียงเย็นชาแฝงความไม่พอใจ กำลังดังออกมาจากปากของเหลิ่งอวี้เซวียน
เห็นเพียงเหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้สติจากการตกตะลึงเมื่อครู่ สีหน้าตกตะลึงพลันถูกแทนที่ด้วยความโมโหเดือดดาล
แม้เขาจะคิดว่าระบำห่านขาวนี้ คือสิ่งที่เขาเห็นว่ายอดเยี่ยม สวยงาม น่าตกตะลึงที่สุด!
ร่ายรำสมดังชื่อระบำห่านขาว!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาโมโหคือ คนที่ร่ายรำระบำห่านขาวนี้ คือซินเอ๋อร์ที่สิบวันนี้ เขาคิดถึงทั้งวันทั้งคืน นอนฝันถึง!
ความจริงซินเอ๋อร์ร่ายรำ เขาไม่คัดค้าน แต่บนกายเธอสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งใดกันแน่!
เสื้อผ้าชุดนี้ สามารถออกมาให้คนมองได้หรือ!
บริเวณหน้าอกนั้น เผยหน้าอกงามของเธอออกมา และชายกระโปรงนั้น เผยต้นขาอย่างล่อแหลมออกมา กระตุ้นเย้ายวนใจยิ่งนัก!
ไม่ต้องเอ่ยถึงชายอื่น เกรงว่านักบวชเห็น คงใจเต้นแรง
โดยเฉพาะเมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนเห็นสายตาบุรุษทุกคนรอบกายมองซินเอ๋อร์อย่างร้อนแรง ตกตะลึง ท่าทางหิวโหยดังหมาป่านั้น ทำให้เขามองอย่างบ้าคลั่ง
จนอยากควักลูกตาของพวกเขาออกมา!
เพราะซินเอ๋อร์เป็นของเขา ความงามของเธอ มีเพียงเขาที่ชมเชยได้ ผู้อื่นเหตุใดจึงจะหมิ่นความงามของเธอได้!
นี่คือเหตุผลที่เหลิ่งอวี้เซวียนโมโหเดือดดาลที่สุด
ส่วนจื่ออีหลังได้ยินคำพูดด้วยความไม่พอใจของเหลิ่งอวี้เซวียน และรับรู้ถึงสายตาคมกริบเย็นชาของเขา ทันใดนั้น ตกใจจนร่างกายสั่นเทิ้ม หนังศีรษะชาวาบ
แต่จื่ออีทราบดีว่า เรื่องนี้ตนยั่วโมโหเจ้านายเข้าเสียแล้ว ดังนั้นเพียงก้มหน้าไม่พูดจา หากเจ้านายจะตำหนิ เธอพร้อมยอมรับผิด
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงถลึงตาให้เธอแวบหนึ่ง ทันใดนั้นลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปด้านหลังเวที
จื่ออีเห็นเช่นนั้น รู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนคิดทำสิ่งใด ดังนั้นจึงไม่ตามเข้าไป นั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้น ด้วยสีหน้าจนใจ
“เฮ้อ ครั้งนี้ ข้าก่อเรื่องแล้ว ควรทำเช่นไรดี!”
…
ซินเอ๋อร์พบว่า ตนใช้ชีวิตมาสิบหกปี ไม่เคยภูมิใจเช่นนี้มาก่อน
เมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของทุกคนด้านล่างเวที เสียงตื่นเต้นโห่ร้อง เสียงปรบมือดังสนั่น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียง เลือดในกายตนกำลังเดือดพล่านขึ้นมา
ร่างกายเบาหวิว
และรู้ว่าเธอตอนนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้ตนไม่คาดคิดว่า จะมีโอกาสขึ้นร่ายรำบนเวที
เมื่อครู่เธอทั้งหวาดกลัว กังวล และไม่สบายใจ
แต่เพียงเหยีบบขึ้นบนเวที เธอพยายามอย่างสุดกำลัง เปิดภาพที่สวยงามที่สุดของตนออกมา
ตอนนี้ความพยายามของเธอ คือทำให้ทุกประจักษ์ด้วยตา
สิ่งที่ทำให้เธอชอบมากที่สุดคือ ความชื่นชอบของทุกคน!
ดังนั้น ซินเอ๋อร์หลังได้รับเสียงปรบมือนับไม่ถ้วน ตื่นเต้นดีใจจนตัวลอย เดินลงจากเวที เข้าไปที่ด้านหลังเวที
จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้สติจากความดีใจนั้น
แต่ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงด้านหน้ามืดมิดลง
ร่างกายพลันอบอุ่น หลังเธอได้สติ พบว่าร่างกายตนถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมสีม่วงตัวหนึ่งอย่างมิดชิด
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ก้มลงมอง ก่อนลูบไล้เนื้อผ้า
รู้สึกนุ่มลื่นนั้น เพียงมองก็รู้ว่าราคาแพง
และกลิ่นดอกอวี๋หลันที่กระจายจากเสื้อคลุมสีม่วงตัวนั้น คือกลิ่นกายของคนบางคน
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ใจเต้นแรง
ทันใดนั้น ความตื่นเต้นดีใจล้นทะลักขึ้นในใจ
บนใบหน้าเล็กเพราะประทินโฉมจึงงดงามจับตา พลันปรากฎความตื่นเต้นดีใจออกมา
“เซวียน ท่านกลับมาแล้ว!”
เพียงเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นมาข้างกายตนตั้งแต่เมื่อใด ซินเอ๋อร์อดร้องอย่างดีใจและประหลาดใจไม่ได้
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่ดีใจอย่างหนัก บนใบหน้าชายหนุ่มกลับไร้ความดีใจ
บนใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยวสมบูรณ์แบบนั้น มีสีหน้าเยือกเย็น ดวงตาดำขลับลึกล้ำแคบยาวคู่นั้น คล้ายลุกโชนด้วยไฟโทสะ
เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าซินเอ๋อร์พลันหายไป เปลี่ยนไปเป็นขลาดกลัวและไม่เข้าใจ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาขึ้น
“เซวียน ท่านเป็นอันใดหรือ”
“ผู้ใดให้เจ้าร่ายรำ!”