สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 241 จุมพิตอ่อนโยน (2)
ดังนั้นหลังซินเอ๋อร์ทราบเรื่องนี้ กังวลอย่างมาก จนรีบลากหลี่ฝูที่เข้ามาเอ่ยเรื่องนี้กับเธอไว้ ก่อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าขมขื่น
“อาฝู เรื่องที่ท่านพูดคือเรื่องจริงหรือ เซวียนเขา ให้ข้าไปปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำทุกวันหรือ นี่ เรื่องนี้ ไม่ควรเป็นท่านหรือ ข้าเป็นสตรีนะ”
ประโยคสุดท้ายนั้น แผ่วเบาราวกับเสียงยุง ใบหน้าเล็กงดงามนั้นพลันแดงระเรื่อ ทำให้เธอดุจดอกเหมย
หลี่ฝูที่มองอยู่ด้านข้างต่างหวั่นไหวในใจ
เพราะผู้ใดไม่ชมชอบคนงามกัน!
แม้หลี่ฝูจะมีภรรยาแล้ว แต่เมื่อเห็นหญิงงาม ในใจยังหวั่นไหวเล็กน้อย
แต่เขาทราบดีว่าสาวน้อยตรงหน้านี้ คือคนที่เขาไม่ควรเกิดความคิดเช่นนี้
เพราะภายในวังแห่งนี้ ผู้ใดไม่ทราบว่าสาวน้อยผู้นี้ สำหรับนายท่านพิเศษมากเพียงใด
อาจมีสักวันหนึ่งที่พวกเราต้องเรียกเธอว่านายหญิง!
ดังนั้นที่ผ่านมาหลี่ฝูจึงปฏิบัติต่อซินเอ๋อร์อย่างเกรงใจ
เวลานี้สำหรับสีหน้ากังวลของซินเอ๋อร์ เขาเพียงยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า
“เรื่องที่ข้าพูดย่อมเป็นความจริง เพราะเรื่องของนายท่าน ผู้ใดจะพูดเล่นกันเล่า ทว่าซินเอ๋อร์เจ้าต้องรู้ว่าเศรษฐีสกุลอื่น สาวใช้ที่ปรนนิบัตินายท่านมีทุกหนทุกแห่ง ล้วนเป็นเรื่องปกติ เจ้าวางใจเถิด นี่เป็นเพราะนายท่านเห็นความสำคัญของเจ้า!”
หลี่ฝูเอ่ยจบ นึกขึ้นได้ว่ามีงานต้องจัดการ จึงรีบร้อนจากไป
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น เพียงจนใจและถอนหายใจ
ทว่าตอนนี้ไร้หนทาง เมื่อเป็นความต้องการของเซวียน เธอก็ไม่อาจปฏิเสธ มิใช่หรือ!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ก่อนหมุนกายเดินตรงไปยังหอหนังสือ
ผู้ใดจะรู้ ขณะที่เธอเดินไปถึงหัวมุม ร่างคนผู้หนึ่งพลันปรากฎขึ้นมา ซินเอ๋อร์ไม่ทันตั้งตัว พลันชนกับคนที่พุ่งออกมาเข้าพอดี
เสียงร้อง ‘โอ๊ย’ สองเสียงดังขึ้น ซินเอ๋อร์ถูกกระแทกอย่างหนักจนล้มลงบนพื้น
โชคดีที่บนพื้นคือผืนหญ้า แต่ขณะล้มลงไป ยังเจ็บอย่างมาก
ดังนั้นเวลานี้ ซินเอ๋อร์จึงยังไม่ได้สติ
จนกระทั่งตรงหน้าเธอพลันมีเสียงตกใจอย่างเหลือเชื่อดังขึ้นมา
“ซินเอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
“เอ๊ะ!”
ซินเอ๋อร์ที่กำลังเจ็บปวด หลังได้ยินเสียงนี้พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นไม่สนใจความเจ็บปวดที่มี
เพราะเสียงนี้คุ้นหูยิ่งนัก คล้ายกับ…
“พี่อาหนิว เหตุใดจึงเป็นท่าน!”
หลังเห็นชายหนุ่มตรงหน้าชัดเจน ซินเอ๋อร์ตาเบิกกว้าง แววตาดูแปลกใจและไม่เชื่อสายตาอย่างที่สุด
เพราะเธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพบกับพี่อาหนิวที่นี่
เอ่ยถึงอาหนิวผู้นี้ เธอสนิทสนมยิ่งนัก เพราะอาหนิวคือเพื่อนเล่นในวัยเด็กของเธอ
คิดแล้ว หลายปีนี้หลังมารดาเสียชีวิต เธอเป็นเด็กสาวอายุสิบสองปี เลี้ยงดูตนเองถือว่าลำบากยากเข็ญ ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายยังมีน้องชายอายุสองขวบ
เวลานั้นมารดาเกลียดชังบิดา ดังนั้นแม้จะใช้ชีวิตอย่างลำบาก เธอไม่ได้ไปอ้อนวอนบิดา และกัดฟันต่อสู้ต่อไป
แต่ว่าเธอนอกจากน้องชายแล้ว ไม่ได้เหลือญาติพี่น้อง
แต่เหล่าท่านป้าเพื่อนบ้านของเธอกลับห่วงใยเธอยิ่งนัก
เห็นเธอและน้องชายน่าสงสาร แม้ครอบครัวจะยากจน แต่หากสามารถช่วยเหลือได้ พวกเธอต่างช่วยเหลือ
ดังนั้น เธอจึงฝ่าฝันอุปสรรคที่ยากลำบากมาได้
และพี่อาหนิวหลายปีมานี้ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี
ปกติภายในบ้านมีของกินอันใด ต่างแบ่งปันให้กับเธอและน้องชาย
ด้านนอกมีเรื่องใดน่าสนุก จะเล่าให้แก่เธอฟัง
ผ่านไปหลายครั้ง พวกเธอจึงสนิทสนมกัน
ก่อนเธอจะค่อยๆ เห็นเขาเป็นดังพี่ชาย
ดังนั้นตอนนี้ได้พบพี่อาหนิวในวังอันกว้างใหญ่ ซินเอ๋อร์พลันรู้สึกอุ่นใจ
ใบหน้าเล็กงดงามนั้น พลันปรากฎรอยยิ้มสดใสดีใจขึ้นมา
แต่เธอไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มเช่นนี้ของตน งดงามมากเพียงใด
ชุดขาวผ่องดุจหิมะ เส้นผมดำขลับดุจเส้นไหม ใบหน้าเล็กดุจหยกขาว รอยยิ้มสดใส ดวงตาสดใสมีชีวิตชีวา ริมฝีปากแดง ฟันขาวสะอาด ดุจดอกบัวสีน้ำเงินเบ่งบานอย่างสง่างามในโคลนตมยามเช้าตรู่ บริสุทธิ์ น่าประทับใจ
อาหนิวความจริงเป็นเพียงเด็กอายุสิบเจ็ดปี และความรู้สึกที่มีต่อซินเอ๋อร์ในอดีต เพื่อนบ้านต่างรับรู้ และมีเพียงซินเอ๋อร์ฝ่ายเดียวที่เห็นเขาเป็นพี่ชาย
เวลานี้เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ยิ้มแย้มดุจบุปผาให้ตน อาหนิวพลันรู้สึกว่าตนคือชายที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้!
และร่างกายก็เริ่มเบาหวิว จนลืมวันลืมคืน!
บนใบหน้าเข้มนั้น เผยรอยยิ้มโง่งมออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ผ่านไปชั่วขณะ อาหนิวคล้ายฉุกคิดขึ้นได้ หลังได้สติกลับมา พลันยื่นมือกุมไหล่ซินเอ๋อร์ ก่อนพลิกตัวซินเอ๋อร์ไปมาอย่างร้อนใจ มองทั่วร่างกายพร้อมเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“ซินเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ ให้ข้าดูหน่อย ขออภัย เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
อาหนิวเอ่ยอย่างวิตกกังวล ใบหน้าใสซื่อนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและปวดใจ
ขณะอาหนิวร้อนรนในใจ ซินเอ๋อร์แม้คล้ายจะเจ็บเล็กน้อย ทว่าเพื่อไม่ให้อาหนิวเสียใจ จึงยิ้มพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ พี่อาหนิว ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นสิ่งใด”
“จริงหรือ!
“อืม ย่อมจริงแน่นอน”
ซินเอ๋อร์กลัวอาหนิวไม่เชื่อ พลันพยักหน้าอย่างจริงจัง
อาหนิวเห็นเช่นนั้น หัวใจที่หวาดหวั่นพลันสงบลง
และเวลานี้จึงพบว่าสองมือของตนกลับกุมที่ไหล่ของซินเอ๋อร์
แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะชายหญิงมิควรใกล้ชิด
ดังนั้นอาหนิวหลังรู้ตัว รีบปล่อยมือจากไหล่ของซินเอ๋อร์ ก่อนใบหน้าเข้มแดงก่ำอย่างเห็นไม่บ่อย ทำให้ใบหน้าของเขาดูน่าขบขัน
“เอ่อ ซินเอ๋อร์ เมื่อครู่ เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
แม้การสามารถใกล้ชิดกับซินเอ๋อร์ จะทำให้เขาดีใจอย่างมาก แต่เขากลับกลัวซินเอ๋อร์จะโมโห!
เพราะชายหญิงมิควรใกล้ชิด มิใช่หรือ!
แต่ซินเอ๋อร์หลังได้ยินคำพูดของอาหนิว คิดว่าเขาเสียใจเรื่องที่ชนเธอเมื่อครู่ ดังนั้นจึงส่ายหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น
“พี่อาหนิว ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ก็ชะงักไป ก่อนซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามว่า
“จริงสิ พี่อาหนิว เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่!”
อาหนิวได้ยิน พลันถูกเปลี่ยนความคิด ก่อนเอ่ยว่า
“อือ เรื่องนี้ เป็นเช่นนี้ ช่วงก่อนข้ามิได้พูดว่ามีครอบครัวเศรษฐีใหญ่รับสมัครบ่าวไพร่หรือ ตอนนั้นข้าลองมาสมัครที่นี่ดู คิดไม่ถึงข้าถูกคัดเลือก ต่อมาข้าคิดกลับไปบอกข่าวดีกับเจ้า ผู้ใดจะรู้ หลังข้ากลับไป จึงรู้จากปากท่านแม่เรื่องของเจ้า ซินเอ๋อร์ เสี่ยวเป่าตอนนี้เป็นเช่นไร ข้าได้ยินท่านแม่เล่าว่าเสี่ยวเป่าตกจากต้นไม้ จนศีรษะบาดเจ็บ และยังสาหัสอีกด้วย เจ้าไปหาท่านพ่อของเจ้ามิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้เจ้าจึงมาอยู่ที่นี่!”
สำหรับคำถามมากมายของอาหนิว ซินเอ๋อร์รู้ว่าอาหนิวห่วงใยเธอ จึงรู้สึกซาบซึ้งใจไปพร้อมกัน จากนั้นเอ่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้ออกมา
ทว่าสำหรับเรื่องเหลิ่งอวี้เซวียนชื่นชอบเธอ ด้วยความเขินอาย เธอจึงย่อมไม่เอ่ยออกมา จนกระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนดีกับเธอ และยังพาเธอกลับมาเป็นสาวใช้ข้างกาย
และเสี่ยวเป่าหลังถูกส่งไปที่หุบเขาผีเสื้อ เหลิ่งอวี้เซวียนกลัวเธอเอาแต่นึกถึงเรื่องเสี่ยวเป่า จึงส่งคนให้มารายงานเรื่องเสี่ยวเป่าทุกๆ สองวัน
ดังนั้น ซินเอ๋อร์ก็รู้จากปากของผู้อื่นเช่นกัน
เสี่ยวเป่าฟื้นขึ้นมาแล้ว และเลือดที่คั่งในสมองทั้งหมดถูกดูดออกมา
แต่เพราะบาดเจ็บไม่น้อย ดังนั้นจึงต้องพักรักษาตัวให้ดีไปอีกสักระยะจึงจะกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม
เวลานั้นเธอคิดขอร้องเหลิ่งอวี้เซวียนให้พาเธอไปดูอาการเสี่ยวเป่า
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับเอ่ยว่า หมอประหลาดแปลกประหลาดอย่างยิ่ง อารมณ์ร้าย และขณะที่เขายังรักษาคนไข้ไม่สำเร็จ ไม่ชื่นชอบให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน มิฉะนั้น หากเขาไม่พอใจ คนไข้ที่รักษาอย่างยากลำบากนั้นต้องพบกับหายนะอีกครั้ง!
เรื่องเช่นนี้ก็มีด้วย!
ดังนั้น ซินเอ๋อร์แม้จะคิดถึงเสี่ยวเป่า แต่ไม่กล้ารับความเสี่ยงนี้
เพราะเสี่ยวเป่าคือน้องชายเพียงคนเดียวบนโลกนี้ของเธอ และเป็นญาติเพียงคนเดียว
เธอไม่อยากให้น้องชายที่ไม่ง่ายกว่าจะรอดชีวิตกลับมา เพราะความวู่วามของเธอต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
ส่วนอาหนิวหลังได้ยิน ใจที่หวาดหวั่นพลันสงบลงอีกครั้ง
เพราะช่วงที่ผ่านมา เพราะรับรู้เรื่องของซินเอ๋อร์ เขาจึงกังวลอยู่ตลอดเวลา เวลานี้ในที่สุดได้พบกับซินเอ๋อร์ และได้ยินว่าระยะนี้ซินเอ๋อร์ใช้ชีวิตอย่างไม่เลว อาหนิวโล่งใจเป็นที่สุด
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น รู้ว่าอาหนิวห่วงใยเธอจากใจจริง ในใจจึงย่อมซาบซึ้งอย่างมาก
ใบหน้าเล็กงดงามนั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่มีต่ออาหนิว ก่อนเอ่ยขึ้น
“พี่อาหนิว ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
“ฮ่าๆ ตอนนี้เพียงเจ้าและเสี่ยวเป่าสบายดี ข้าก็วางใจแล้ว”
อาหนิวลูบท้ายทอย หัวเราะลั่นอย่างโล่งใจ
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ก็ยิ้มจางๆ
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามว่า
“อืม จริงสิพี่อาหนิวท่านมีเรื่องใดจึงรีบร้อนเช่นนี้เล่า!”
ซินเอ๋อร์เพียงเอ่ยขึ้น อาหนิวที่หัวเราะลั่น พลันสลดลง ก่อนมีท่าทางหนักใจ แผดร้องขึ้นว่า
“ซวยแล้ว หัวหน้าพ่อครัวให้ข้าไปทำงาน ข้าลืมไปเลย หลังจากกลับไปต้องโดนด่าทอแน่ ซินเอ๋อร์ข้าขอตัวก่อน หากมีเวลาข้าจะมาหาเจ้าอีก!”
อาหนิวพลางวิ่งไปด้านหน้า และหันมาโบกมือลาซินเอ๋อร์
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดรู้สึกน่าขันไม่ได้
เพราะการปรากฎตัวของอาหนิว ทำให้เธออารมณ์ดีไม่น้อย
เพราะในวังกว้างใหญ่แห่งนี้ สามารถเจอคนที่สนิทสนมได้ ล้วนทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ!
นึกถึงช่วงที่ผ่านมาเพราะเรื่องของเสี่ยวเป่า เธอยังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกโลกทั้งใบถล่มลงมา ตอนนี้เธอกลับคล้ายกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
อาการบาดเจ็บของเสี่ยวเป่าค่อยๆ ดีขึ้น ผ่านไปไม่นานเธอจะเห็นเสี่ยวเป่าสดใสน่ารัก และที่นี่ยังมีอาหนิว และรู้จักสหายอีกไม่น้อย คิดแล้วซินเอ๋อร์รู้สึกว่าช่วงเวลาในตอนนี้ นับวันยิ่งมีความสุข
ดียิ่ง!
ซินเอ๋อร์คิดในใจอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่มุมปากไม่เคยหุบลง
จนกระทั่งจู่ๆ เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่ไม่รู้มายืนอยู่ไม่ไกลจากเธอตั้งแต่เมื่อใด ซินเอ๋อร์พลันตาเป็นประกาย ทันใดนั้นรีบยกเท้าพุ่งตรงไปยังชายหนุ่มทันที
แต่เพราะวิ่งรีบร้อนเกินไป ซินเอ๋อร์จึงไม่ได้สนใจพื้นต่างระดับ จนกระทั่งเจ็บแปลบบนเท้า ซินเอ๋อร์จึงร้อง ‘โอ๊ย’ ออกมา ก่อนพลันพุ่งไปด้านหน้า
และด้านหน้าของเธอคือชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
หลังเหลิ่งอวี้เซวียนรับตัวสาวน้อยที่พุ่งเข้ามาได้อย่างมั่นคง อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“นี่ถือว่าเจ้าโผกอดข้าได้หรือไม่!”
เสียงแหบพร่า แฝงเสน่ห์หลายส่วนของชายหนุ่ม ทำให้คนฟังอดใจเต้นไม่ได้
ซินเอ๋อร์ได้ยิน รีบเงยหน้าขึ้นจากอกของชายหนุ่ม ก่อนสบเข้ากับดวงตาเต็มไปด้วยการเย้าแหย่ของเขา
เห็นเช่นนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มเก้อเขิน ก่อนสองแก้มจะแดงระเรื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้เธองดงามดุจดอกเหมยในเดือนสาม อ่อนช้อยและน่ารัก!
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนอดตาเป็นประกายไม่ได้ ก่อนโอบกอดซินเอ๋อร์แน่นขึ้น
เพราะคนสวยงามเช่นนี้ จะให้เขาปล่อยมือได้เช่นไร!
เธอเป็นของเขา ต้องเป็นของเขาเท่านั้น!
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“ชายเมื่อครู่นั้นคือผู้ใด!”
“เอ๊ะ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ตะลึงงันเล็กน้อย และชะงักไป ก่อนได้สติจึงรู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนหมายถึงพี่อาหนิว
เพียงนึกถึงพี่อาหนิว ซินเอ๋อร์อารมณ์ดีขึ้น บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสดใสขึ้นอีกครั้ง
แต่กลับไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้ของตน กลับทำให้สีหน้าชายหนุ่มเคร่งขรึมลง