สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 247 รักษาบาดแผลให้เขา
เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนหยัด ซินเอ๋อร์แม้กังวล แต่ก็ทราบว่าชายหนุ่มอาจไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ถึงเบาะแสของเขา ดังนั้นจึงไม่ให้ตามหมอมา
ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงไม่บังคับอีก เพียงละทิ้งความหวาดกลัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเริ่มจัดการบาดแผลบนกายของชายหนุ่ม
เพราะตอนนี้เรื่องชีวิตคนสำคัญที่สุด ดังนั้นเธอจะลังเลไม่ได้อีก
ทว่าเพราะเท้าด้านล่างของชายหนุ่มก็บาดเจ็บ แม้บาดแผลนั้นจะอยู่บริเวณน่องขา แต่เห็นชัดว่าตกลงมาจากที่สูง แล้วถูกพวกก้อนหินกิ่งไม้ขีดข่วนเป็นแผล กางเกงท่อนล่างของชายหนุ่มนั้นสกปรก ขาดรุ่งริ่ง สภาพไม่ได้ดีไปกว่าที่ขอทานสวมใส่บนกาย
เวลานี้ท่อนล่างชายหนุ่มก็เปียกชื้น เมื่อนอนอยู่บนเตียงเช่นนี้ ต้องไม่สบายตัวอย่างแน่นอน
หลังคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ลังเลชั่วขณะ ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มอย่างตะกุกตะกัก
“คือ ขาทั้งสองข้างของท่านก็มีบาดแผลหลายแห่ง ตอนนี้ท่านถอดกางเกงด้วยตนเองได้หรือไม่ อ้อ ที่นี่มีผ้าห่ม ท่านถอดกางเกงลง จากนั้นใช้ผ้าห่มปกปิดร่างกายและท่อนล่างก็เรียบร้อยแล้ว”
เพราะเรื่องพวกนี้ ซินเอ๋อร์จึงพูดจาตะกุกตะกัก
ใบหน้าเล็กงดงามนั้นพลันแดงก่ำ แววตาเปล่งประกายอย่างเขินอายและอึดอัด
เพราะจะพูดเช่นไร อีกฝ่ายคือบุรุษ
หากไม่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็คงไม่เอ่ยคำพูดประเภทนี้กับเขาออกมาแน่ สวรรค์ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่เขินอายอย่างยิ่ง ชายหนุ่มหลังได้ยินใบหน้างดงามนั้นพลันเก้อเขิน แก้มก็พลันแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าที่ซีดขาวเพราะสูญเสียเลือดมากเกินไป ดูมีเลือดฝาดขึ้นหลายส่วน
ทว่าชายหนุ่มไม่ลังเล หลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ ดวงตาหงส์เปล่งประกายชั่วขณะ ทันใดนั้นจึงพยักหน้าให้แก่ซินเอ๋อร์
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นพลันหมุนกายกลับไป จากนั้นเดินไปยังที่ถังอาบน้ำ ใช้อ่างทองแดงตวงน้ำอุ่นขึ้นมาบางส่วนและหยิบผ้าสะอาดผืนหนึ่งขึ้นมา
เมื่อซินเอ๋อร์กลับมาที่ข้างเตียงอีกครั้ง ชายหนุ่มถอดกางเกงท่อนล่างออกไปแล้ว ก่อนใช้ผ้าห่มผืนบางคลุมตรงกลางปกปิดส่วนสำคัญที่สุดของเขาไว้ และเผยเพียงส่วนหน้าท้องขึ้นมาและน่องขาลงไปเท่านั้น
เห็นเช่นนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์เขินอายชั่วขณะ รีบหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นพร้อมบิดให้หมาด เพื่อเช็ดคราบสกปรกและรอยเลือดบนกายชายหนุ่ม
จนกระทั่งหลังเช็ดบาดแผลบนกายชายหนุ่มสะอาด จึงหยิบขวดยาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาเทลงบนบาดแผลของชายหนุ่ม
เมื่อผงสีขาวใสนั้นถูกทาลงบนบาดแผลทุกส่วนของเขา คิ้วของชายหนุ่มพลันขมวดมุ่นเป็นปมเข้าด้วยกัน
แม้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนจบ ชายหนุ่มจะไม่ส่งเสียงเจ็บปวดออกมา แต่จากคิ้วที่ขมวดมุ่นและริมฝีปากเม้มแน่นของเขา เพียงพอให้ซินเอ๋อร์รู้ว่าเขากำลังอดกลั้น
บนใบหน้าซีดขาวนั้น เพียงไม่นานมีเหงื่อผุดออกมา
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นรู้ว่าเขาเจ็บปวด ดังนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นทันที
“หากท่านเจ็บ ก็ร้องออกมาเถิด ข้าไม่หัวเราะเยาะท่านหรอก!”
เพราะบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หากเป็นเธอต้องเจ็บจนกรีดร้องออกมาและร้องไห้แน่นอน
แต่ชายผู้นี้กลับดึงดันไม่ส่งเสียงออกมา
คิดดูแล้วความจริงชายผู้นี้ อายุเพิ่งประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีมากกว่าเธอเพียงไม่กี่ปี!
เวลานี้เห็นท่าทางอดกลั้นความเจ็บปวดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์รู้สึกทำใจไม่ได้
แต่ชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ กลับยังคงเม้มริมฝีปาก คิ้วก็ขมวดแน่น สายตาที่มองซินเอ๋อร์คล้ายไม่เห็นด้วย
ราวกลับคำพูดของซินเอ๋อร์ดูถูกเขาอย่างที่สุด
เสียงฮึเย็นชาดังออกมาจากจมูกของชายหนุ่ม
แม้ชายหนุ่มเวลานี้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล ตกอยู่ในความลำบาก แต่ระหว่างคิ้วกลับยังคงปรากฎความดื้อรั้นที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
เห็นเช่นนั้นซินเอ๋อร์จึงไม่เอ่ยปากอีก เพียงเร่งมือใส่ยาลงบนบาดแผลทั้งหมด ก่อนจะใช้ผ้าพันแผลให้กับชายหนุ่มอย่างเบามือ
ในที่สุดเมื่อจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ซินเอ๋อร์จึงหมุนกายดูท้องฟ้าด้านนอก จึงพลันรู้ทันทีว่าฟ้ามืดมิดแล้วโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ก่อนอดรู้สึกง่วงงุนขึ้นมาไม่ได้ ทำให้ซินเอ๋อร์อดยื่นมือปิดปากหาวไม่ได้
หากเป็นช่วงปกติเวลานี้ เธอคงเข้านอนไปแล้ว
เพราะหลังมาอยู่ที่นี่ ทุกวันเธอจะเข้านอนเร็วตื่นเช้า ทำงานพักผ่อนอย่างมีระเบียบวินัย
คืนนี้กลับเพราะการปรากฎตัวอย่างกะทันหันของชายหนุ่มผู้นี้ ทำลายการทำงานและพักผ่อนแสนปกติของเธอ และชายผู้นี้ยังได้รับบาดเจ็บรุนแรง เกรงว่าต้องการจากไปคงไม่สามารถทำได้
เตียงนอนมีเพียงเตียงเดียว เวลานี้ชายหนุ่มนอนอยู่ด้านบน แต่โชคดีภายในห้องยังมีเก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง คืนนี้เธอนอนพักผ่อนที่นั่นเพียงพอแล้ว
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ก่อนหาวออกมาพร้อมจัดเก็บขวดยาเหล่านั้น
หลังจัดการเก็บกวาดเสร็จ จึงเข้าไปพักผ่อน
แต่เมื่อเหลือบสายตาไป กลับเห็นดวงตาหงส์ของชายหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย และกำลังจ้องมองมายังตน
เห็นเช่นนั้นซินเอ๋อร์ตกใจในใจ ดวงตาคู่งามจึงกระพริบอย่างสงสัย ก่อนเอ่ยถาม
“มีอันใดหรือ”
“เพราะเหตุใด”
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่สงสัย ชายหนุ่มกลับเอ่ยปากด้วยเสียงแผ่วเบาแฝงด้วยความอ่อนแรงและแหบพร่า
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์พลันตกตะลึง ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่รู้สาเหตุ
“เพราะเหตุใดสิ่งใด!”
จากใบหน้าจิ้มลิ้มที่สับสนของสาวน้อยเห็นชัดว่าเธอยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา ชายหนุ่มจึงเม้มริมฝีปากชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากต่อว่า
“เหตุใดจึงช่วยเหลือข้า ความจริงจากอาการบาดเจ็บเมื่อครู่ของข้า เจ้ารู้ดีว่าข้าทำร้ายเจ้าไม่ได้ เห็นชัดว่าเจ้าสามารถวิ่งหนีไปได้มิใช่หรือ”
เมื่อเผชิญกับคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์เพียงชะงักงัน ดวงตากระจ่างใสคู่นั้นมองชายหนุ่มอย่างเงียบๆ จากนั้นเอ่ยปากขึ้น
“แต่ท่านบาดเจ็บรุนแรงยิ่งนัก หากข้าหนีไป ท่านจะทำเช่นไร และครั้งก่อนท่านก็เคยช่วยเหลือข้า ครั้งนี้ข้าช่วยเหลือท่าน ก็ถือว่าสมควร มิใช่หรือ!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยแผ่วเบา น้ำเสียงบางเบาไพเราะ ดุจเสียงไข่มุกน้อยใหญ่ร่วงกระทบถาดหยกอันไพเราะจับใจ
ชายหนุ่มได้ยินจึงหัวใจเต้นแรง ดวงหงส์คู่งามนั้นสบเข้ากับดวงตาคู่งามกระจ่างใสของซินเอ๋อร์
ดวงตาคู่นี้งดงามยิ่งนัก!
ดุจธารน้ำที่ใสสะอาดที่สุด และดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสามที่พัดเอื่อยเข้ามาในใจผู้คน ทำให้คนรู้สึกแม้จะเป็นฤดูหนาวในเดือนสิบสอง จะรู้สึกถึงความอบอุ่น
อบอุ่น!
ความรู้สึกนี้ เขาไม่ได้รับรู้มานานแล้ว!
หลังจากเสด็จแม่เสียชีวิต ไม่มีผู้ใดห่วงใยเขาอย่างจริงใจอีก
แม้เขาจะอยู่ในวังหลวงอันโอ่อ่าตระการตา สวมผ้าไหมผ้าแพร ทานอาหารเลิศรส มีบารมีที่ผู้อื่นไม่มีพวกนั้น
ในสายตาผู้อื่นเขาต้องการลมต้องมีลม ต้องการฝนต้องมีฝน แต่ความจริงทุกคนต่างไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ มีเพียงความห่วงใยจากใจจริงที่ผู้อื่นมีให้ต่อเขา!
ไม่ใช่พวกคนที่ปากเอ่ยพูดชมเชย ประจบสอพลอเขา แต่ลับหลังกลับใส่ร้ายเขาไม่หยุด
ความห่วงใยจอมปลอมพวกนี้ มีแต่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนเท่านั้น
แต่สาวน้อยตรงหน้านี้ กลับทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่น
ความอบอุ่นที่แท้จริง
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาหงส์ของชายหนุ่มเปล่งประกายชั่วขณะ แต่กลับเพียงเม้มปากเล็กน้อย พร้อมหลุบสายตาลง
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น คิดว่าเขาเหนื่อยล้า จึงเอ่ยปากขึ้น
“ท่านคงเหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด วางใจได้อยู่ที่นี่ท่านจะปลอดภัยที่สุด ข้าเองก็จะไม่เปิดเผยร่องรอยของท่านออกไป”
เมื่อทราบว่าชายหนุ่มไม่หวังให้ผู้อื่นรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ แม้ซินเอ๋อร์ไม่รู้ที่มาของชายผู้นี้ แต่ในใจเธอมักรู้สึกว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนเลว
ดังนั้นเธอจึงคิดช่วยเหลือเขา
และครั้งก่อนเขาก็เคยช่วยเหลือเธอ มิใช่หรือ!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ หลังเอ่ยจบหมายหมุนกายจากไป แต่ทันใดนั้นพลันแน่นที่ข้อมือ
“เอ่อ”
ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน พลันหันกลับไปมอง
เห็นเพียงมือใหญ่ของชายหนุ่มยื่นออกมา และกำลังรัดข้อมือเธอไว้แน่น
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์มีสีหน้าตะลึง ภายในดวงตาปรากฎความแปลกใจและสงสัยขึ้นมา ก่อนก้มมองชายหนุ่มบนเตียง อย่างไม่เข้าใจ
“มีสิ่งใดหรือ”
“คือ คือว่า…”
เมื่อเผชิญกับสายตาที่แฝงด้วยความสับสน ไม่เข้าใจ และกระจ่างใสของสาวน้อย ชายหนุ่มพลันอ้ำอึง และพูดไม่ออกทันที
ใบหน้างดงามนั้นก็ชะงักตามท่าทางของเขา และยิ่งแดงก่ำขึ้นมา
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นยิ่งสงสัย
เพราะแม้จะใกล้ชิดกับชายหนุ่มตรงหน้าได้ไม่นาน แต่ชายผู้นี้มักทำให้เธอรู้สึกถึงความเย่อหยิ่งพวกนั้น แม้ยามตกอับที่สุดต่างแฝงไปด้วยความสูงส่งและน่าเกรงขาม จะเคยเห็นท่าทางตะกุกตะกัก พูดไม่ออกเช่นนี้ของเขาเวลานี้เช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์กลับแปลกใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นกระพริบชั่วขณะ ภายในเต็มไปด้วยความสงสัย
สุดท้ายเมื่อเผชิญกับสายตาแปลกใจสงสัยของสาวน้อย ชายหนุ่มจึงเอ่ยคำพูดที่ตนต้องการจะเอ่ยออกมา
“ความจริง ก้นด้านหลังของข้า ยังมีรอยแผลอีกแห่ง”
“เอ่อ”
ซินเอ๋อร์ได้ยินร่างกายพลันแข็งทื่อ
ก้นหรือ!
สวรรค์ สังหารเธอเถิด!
…
หลังจัดการทำแผลที่ก้นให้แก่ชายหนุ่มเสร็จ ใบหน้าของซินเอ๋อร์จึงแดงก่ำไม่น่ามอง และชายหนุ่มก็เช่นกัน
ทั้งสองคนต่างไม่พูดจา ภายในห้องจึงเงียบงัน คล้ายกับกระทั่งเสียงเข็มตกลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน
บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นอึดอัดขึ้นมา
หลังจัดการผูกผ้าพันแผลในมือเสร็จ ซินเอ๋อร์จึงกระแอมเบาๆ ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“แค่กๆ คือข้าพันแผลเสร็จแล้ว ท่านนอนพักเถิด!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยแผ่วเบาดุจเสียงยุง แต่ชายหนุ่มยังสามารถได้ยิน
ก่อนพยักหน้าเบาๆ พลันปิดตาลง เบือนหน้าไปอีกด้าน คล้ายรู้สึกอึดอัดและเขินอายกับเรื่องเมื่อครู่
ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะเขามีชีวิตมาถึงสิบเจ็ดปี นี่เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกับหญิงสาวเช่นนี้
และความใกล้ชิดนี้ กลับเกิดขึ้นในรูปแบบเช่นนี้
ทว่าขณะที่ชายหนุ่มเขินอาย ในใจกลับอดพรั่งพรูความรู้สึกอันแปลกประหลาดขึ้นมาไม่ได้
เพราะมือของสาวน้อย แม้จะหยาบกระด้าง เพียงเห็นรู้ว่าคือมือที่ทำงานหนักเป็นปกติ แต่สองมือเล็กนี้ กลับเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก อ่อนโยนจนทำให้เขาอดนึกถึงเสด็จแม่ของเขาไม่ได้
ก่อนหน้านี้ตอนเด็ก ทุกครั้งที่เขาซุกซนจนทำให้ตนเองบาดเจ็บ เสด็จแม่จะช่วยทายาให้แก่เขาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายชั่วขณะ และมองซินเอ๋อร์ด้วยสายตาที่แฝงความสนิทสนม