สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 248 ชายสองหญิงหนึ่ง (2)
เพราะหลายวันนี้ ซินเอ๋อร์ล้วนหลบหน้าเขาตลอดเวลา เขาอยากขอโทษเรื่องในคืนนั้น แต่กลัวเห็นซินเอ๋อร์แล้วเธอยังคงไม่ให้อภัยเขา และหมางเมินเขา
ดังนั้น เมื่อครู่เขาจึงอยากอยู่ที่นี่ เพื่อปรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน
ทว่าท่าทีของซินเอ๋อร์ที่มีต่อเขาเวลานี้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าซินเอ๋อร์ให้อภัยเขาแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเบิกบานใจ และเมื่อมองบะหมี่งดงามหอมฟุ้งตรงหน้านี้ เขาเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ
ช่างงดงามจนน่ากลืนกิน ดังเช่นคนตรงหน้าเสียจริง!
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ก่อนค่อยๆ ยื่นมือใหญ่ออกไปหยิบตะเกียบขึ้นเริ่มทาน
เมื่อรับรู้ถึงความละมุนเข้าเนื้อและความหอม ทำให้ดวงตาของเหลิ่งอวี้เซวียนเปล่งประกาย
ซินเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เพียงยกตะเกียบขึ้นมายังไม่ได้ทานบะหมี่ เพราะจ้องมองเหลิ่งอวี้เซวียนอยู่เงียบๆ ก่อนเอ่ยปากถามว่า
“เป็นเช่นไร บะหมี่ฝีมือข้าถูกปากท่านหรือไม่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนจู้จี้จุกจิกเรื่องทาน ผู้คนทั่ววังนี้ต่างทราบดี ตอนนี้ซินเอ๋อร์เกรงว่าเขาจะไม่ชื่นชอบ ดังนั้นจึงอดเอ่ยถามเช่นนี้ไม่ได้
ส่วนคำตอบที่เหลิ่งอวี้เซวียนให้แก่เธอ มีเพียงทานบะหมี่ในชามอย่างตะกละตะกลามจนหมดเกลี้ยง กระทั่งน้ำซุปล้วนไม่เหลือสักหยด
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ยิ้มแย้มทั้งคิ้วและดวงตา
และรู้สึกภูมิใจอิ่มเอมใจขึ้นในใจ
“อร่อย อร่อยจริงๆ!”
หลังดื่มน้ำซุปคำสุดท้ายเสร็จ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงวางชามและตะเกียบลง ก่อนเอ่ยชื่นชมซินเอ๋อร์
และคำพูดของเขาคือความจริง
บะหมี่ชามนี้เป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดในบรรดาบะหมี่ที่เขากินมามากมาย
เพราะบะหมี่ชามนี้เป็นฝีมือของคนที่เขารัก และภายในมีความรักของเธออยู่
ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ถึงความในใจทั้งหมดของเหลิ่งอวี้เซวียน เพียงหลังได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียนจบ ยื่นชามในมือของตนนั้นออกไป พร้อมเอ่ยว่า
“เมื่อชอบทาน ก็ทานชามนี้ของข้าด้วยเถิด!”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหิวมิใช่หรือ หากข้าทานแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร?”
แม้สำหรับบะหมี่นี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยังอยากทานอีกชามจริงๆ
แต่เขาก็ทราบว่าซินเอ๋อร์เองก็หิว มิฉะนั้นคงไม่มาที่นี่เพื่อต้มบะหมี่ตอนเที่ยงคืนไม่เข้านอน!
ส่วนซินเอ๋อร์ได้ยินพลันชะงัก และรับรู้จากสีหน้าของเหลิ่งอวี้เซวียนว่าเขายังอยากทานอีกชาม แต่กลับเกรงใจที่จะทานอีกชามเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์จึงหยิบชามของเหลิ่งอวี้เซวียนมา ก่อนแบ่งเส้นบะหมี่และน้ำซุปในชามตนครึ่งหนึ่งลงไป พร้อมเอ่ยว่า
“ความจริงข้าทานไม่มาก ชามใหญ่เช่นนี้ข้าทานไม่หมด จึงแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง ข้าทานเท่านี้เพียงพอแล้ว”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ยื่นชามของเหลิ่งอวี้เซวียนกลับไป จากนั้นหยิบชามนั้นของตนลงมือทานอย่างช้าๆ
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้นก็ไม่เกรงใจ ขณะทานบะหมี่ ดวงตาก็แอบมองคนตัวเล็กที่นั่งทานบะหมี่อยู่ตรงข้ามเขาตลอดเวลา
เห็นเพียงท่าทางทานบะหมี่ของคนตัวเล็กนั้นเชื่องช้าอย่างมาก และทานทีละคำเล็กๆ
เส้นบะหมี่เรียวยาวถูกปากเล็กสูดเข้าไปอย่างช้าๆ นั้น ช่างงดงามน่าชื่นชม
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงจิตใจฟุ้งซ่าน เลือดทั่วร่างเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา
สายตาที่มองซินเอ๋อร์นั้นเปล่งประกายชั่วขณะ พร้อมกับกลืนน้ำลาย
ไม่รู้เหตุใดเขาจึงเริ่มหิวขึ้นมาอีกครั้ง
ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ถึงความผิดปกติของชายหนุ่ม เธอคิดเพียงรีบทานให้เสร็จ จากนั้นยกบะหมี่ในหม้อกลับไป เพราะชายผู้นั้นเอ่ยว่าเขาไม่ได้ทานอาหารมาสามวันสามคืนแล้ว ตอนนี้คงหิวอย่างยิ่งแน่!
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนยังไม่จากไป เธอก็ไร้หนทางที่จะยกบะหมี่ในหม้อกลับไป เฮ้อ ตอนนี้เธอควรทำเช่นไร ชายผู้นี้จึงจะจากไป!
ซินเอ๋อร์ร้อนรนในใจ จึงทานบะหมี่ในชามอย่างไม่รู้รสชาติ
ทว่าสุดท้ายซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาชุ่มฉ่ำจึงเปล่งประกายชั่วขณะ มีแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์แสร้งยื่นมือปิดปากหาว ก่อนวางตะเกียบลง จากนั้นขยี้ตาท่าทางราวกับง่วงงุนอย่างมาก
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น พลันสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น
“ง่วงหรือ”
“อืม”
ซินเอ๋อร์ได้ยิน จึงรับคำ
ใบหน้าเล็กก้มต่ำลง ทำให้คนที่ไม่รู้สิ่งใดคิดว่าเธอง่วงงุนอย่างหนัก
ความจริงสองมือที่วางบริเวณเข่านั้น เวลานี้กลับพันกันแน่นเพราะกังวล
เพราะซินเอ๋อร์โกหกไม่เป็นจริงๆ เพียงโกหกเธอจะกังวลเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะชายหนุ่มตรงหน้านี้ฉลาดยิ่งนัก ดังนั้นอย่าให้เขามองสิ่งใดออกเป็นที่ดีสุด
ซินเอ๋อร์คิดในใจ โชคดีที่เหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้สงสัยเธอแม้แต่นิดเดียว
เพียงยื่นมือลูบปอยผมบริเวณหน้าผากที่ยังเปียกชื้นของซินเอ๋อร์ ก่อนเอ่ยว่า
“หากง่วงก็กลับไปพักผ่อนเถิด ทว่าอย่าลืมเช็ดผมให้แห้งก่อนเข้านอน เข้าใจหรือไม่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนกำชับอย่างอ่อนโยน
ซินเอ๋อร์ได้ยิน รู้สึกซาบซึ้งและเสียใจในใจ
เพราะชายผู้นี้ดีกับเธอเช่นนี้ เธอยังโกหกหลอกลวงเขา เธอไม่คู่ควรจริงๆ!
แต่เมื่อนึกถึงภายในห้อง ยังมีชายหนุ่มที่ยังนอนบาดเจ็บอ่อนเพลียอยู่บนเตียง
แม้เธอจะไม่รู้ว่าชายผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ แต่เธอกลับรู้สึกว่าชายผู้นั้นไม่ใช่คนเลว
ตอนนี้เมื่อชายผู้นั้นไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้เบาะแสของเขา เช่นนั้นเธอต้องช่วยปกปิดความลับให้เขา
ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียน ขอโทษด้วย
ซินเอ๋อร์ขอโทษในใจ ทว่าบนปากกลับเงียบสนิท ไม่เอ่ยออกมา
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นก็คิดว่าซินเอ๋อร์เพราะเขายังอยู่ที่นี่ จึงไม่ลุกกลับห้อง ดังนั้นจึงพลันลุกยืนขึ้น มองซินเอ๋อร์แวบหนึ่ง ก่อนหมุนกายจากไป
จนกระทั่งร่างสูงใหญ่กำยำของเหลิ่งอวี้เซวียนหายไปจากสายตาของตน ซินเอ๋อร์จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว หลังมั่นใจว่าประตูด้านนอกไร้ผู้คน รีบพุ่งมาที่หน้าเตาก่อนตักบะหมี่ในหม้อขึ้นมา พร้อมใส่ผักและไข่ไก่ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องพักของตน
โชคดีเวลานี้เป็นช่วงเที่ยงคืน ทุกคนจึงต่างนอนพักผ่อน ดังนั้นระหว่างทางซินเอ๋อร์จึงไม่พบกับผู้ใดอีก
มิฉะนั้นเธอไม่รู้ควรอธิบายเช่นไรดีจริงๆ
หลังมาถึงห้องพักของตน ซินเอ๋อร์รีบร้อนผลักประตูเข้าไป
ทว่าเมื่อกวาดตาบนเตียงไม้ลายสลักของตน กลับเห็นว่าว่างเปล่าไร้ผู้คน จึงตกใจในใจ หรือเขาจะไปแล้ว!
ซินเอ๋อร์กำลังคิด พลันรู้สึกเพียงปากถูกคนปิดไว้
“อือ”
ซินเอ๋อร์ตื่นตระหนกในใจ ทันใดนั้นรีบส่ายศีรษะทันที
ไม่นาน มือใหญ่ที่ปิดปากเธอพลันคลายออก จากนั้นมีเสียงดูอ่อนเพลียของชายหนุ่มดังขึ้น
“ขออภัย ข้าคิดว่าเป็นผู้อื่น!”
ซินเอ๋อร์ได้ยินจึงหันศีรษะกลับไปมอง
เห็นเพียงชายหนุ่มไม่รู้มาอยู่ด้านหลังของเธอตั้งแต่เมื่อใด
คิดดูแล้วเมื่อครู่เขาคงพบว่ามีคนเข้ามา จึงพลันซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตู
ใจที่หวาดระแวงของเขา ช่างแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเสียจริง!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงชูถาดในมือขึ้นเพื่อบอกแก่ชายหนุ่ม
“ท่านรีบนอนลงทานบะหมี่เถิด มิฉะนั้นบะหมี่จะเย็นชืดแล้วไม่อร่อย”
ซินเอ๋อร์เอ่ยพูด พลางเดินไปที่ข้างเตียงนอนตน ก่อนวางถาดในมือลงบนโต๊ะ
หลังทำเรื่องนี้เสร็จ กลับไม่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาจึงสงสัยในใจ จนต้องรีบหันกลับไปมอง
หลังเห็นภาพด้านหลัง ดวงตาชุ่มฉ่ำกระจ่างใสคู่นั้นของซินเอ๋อร์พลันเบิกกว้าง
เห็นเพียงร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มกำลังโอนเอน และมือกุมที่หน้าอกของตน คล้ายชายหนุ่มที่ดื่มสุราจนเมามาย เดินโซเซราวกับจะล้มลงบนพื้นด้านหน้า
ซินเอ๋อร์เห็นจึงตกใจอย่างหนัก
เพราะบนกายชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ หากล้มลงครั้งนี้บาดแผลบริเวณหน้าอกสาหัสขึ้นมาจะทำเช่นไร!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ดังนั้นจึงพุ่งตัวเข้าไปทันที
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มลง เธอก็ไปถึงด้านหน้าเขาพอดี ก่อนจะประคองเอวของชายหนุ่มเอาไว้
แต่ซินเอ๋อร์ประเมินเรี่ยวแรงของตนต่ำไป
แม้เธอจะมาถึงด้านหน้าของชายหนุ่ม แต่น้ำหนักของชายหนุ่มไม่ใช่สิ่งที่เธอแบกรับได้
ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงรู้สึกเพียงร่างกายส่วนหน้าหนักอึ้งและฝีเท้าก็โซเซ จากนั้นล้มตัวไปด้านหลัง ก่อนชายหนุ่มด้านหน้าจะล้มทับลงมาเช่นกัน
เสียง “ตึง” ดังขึ้น พร้อมกับซินเอ๋อร์รู้สึกศีรษะตนแตกสลาย!
ความเจ็บบนศีรษะนั้น ทำให้ซินเอ๋อร์แทบน้ำตาร่วงออกมา
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าก็ขมวดเป็นปมเพราะเจ็บปวด
“อะ เจ็บยิ่งนัก”