สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 249 อ้าวเทียนฉี (2)
หลังป้อนบะหมี่ชายหนุ่มจนอิ่มก็ดึกมากแล้ว
ซินเอ๋อร์หลังหาวหลายครั้ง ใช้มือเล็กขยี้ตาอยู่ตลอดเวลา จึงเห็นชัดว่าง่วงนอนอย่างมาก
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นเอ่ยปากขึ้น
“เจ้าพักผ่อนเถิด!”
“อืมได้ หากท่านมีเรื่องใด เรียกข้าได้”
ซินเอ๋อร์ได้ยิน หลังพยักหน้าจึงเดินไปนอนที่เก้าอี้นวมยาวด้านข้าง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงฝันไป
ส่วนชายหนุ่มเห็นใบหน้าหลับสนิทของสาวน้อย หลังจากผ่านไปนานจึงค่อยๆ ปิดตาลง
ซินเอ๋อร์เดิมคิดว่าจะหลับสนิทจนถึงสว่าง
ผู้ใดจะรู้หลังหลับไปครู่หนึ่ง ขณะสะลึมสะลือได้ยินเสียงประหลาดบางอย่าง
ซินเอ๋อร์สงสัย จึงขยี้ตาลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้นวมยาว เปิดดวงตาที่ยังสะลึมสะลือมองหาที่มาของเสียงนั้น
ก่อนเห็นว่าตนไม่ได้หูฝาด และมีคนกำลังพูดอยู่จริงๆ และคนผู้นี้คือชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
“หนาว ข้าหนาวยิ่งนัก”
“หนาวหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดอ่อนแรงของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตกใจได้สติทันที
จากนั้นล้วงผ้านวมออกมาจากตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปที่ข้างเตียง ก่อนห่มผ้าให้กับชายหนุ่ม
แต่มือเล็กกลับสัมผัสโดนผิวของชายหนุ่มโดยไม่ตั้งใจ จนตกใจอย่างหนักทันที
ทันใดนั้นคล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือเล็กพลันแตะลงบนหน้าผากมนนั้นของชายหนุ่ม
เมื่อรับรู้ถึงความร้อนผ่าวใต้ฝ่ามือ ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก
เพราะเวลานี้ตัวชายหนุ่มราวกับเตาไฟ หน้าผากร้อนผ่าวอย่างมาก
“สวรรค์ เขาเป็นไข้!”
ซินเอ๋อร์ร้องอย่างตกใจ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง
ทันใดนั้นรีบร้อนค้นในลิ้นชักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบยาลดไข้ออกมา
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนมักกังวลในตัวเธอ กลัวว่าจะเจ็บป่วย ดังนั้นจึงให้คนจัดเตรียมยาให้เธอมากมาย
ประจวบเหมาะยิ่ง เธอยังมียาลดไข้อีกห่อที่ยังไม่ได้ทานอยู่ในนี้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รีบหยิบยาลดไข้นั้นออกมา จากนั้นรินน้ำร้อนเข้าไป ยื่นมือผลักชายหนุ่มที่กำลังไม่ได้สติ
“นี่ ท่านตื่นมาทานยาก่อนเถิด ท่านกำลังเป็นไข้ นี่…”
ซินเอ๋อร์ร้องเรียกอย่างร้อนใจอยู่นาน ในที่สุดชายหนุ่มที่ไม่ได้สติค่อยๆ ลืมดวงตาหงส์ที่ปิดสนิทขึ้น ก่อนจะได้สติ
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ใบหน้าเล็กที่เดิมทีร้อนใจพลันเผยรอยยิ้มดีใจออกมา ก่อนเอ่ยว่า
“ในที่สุดท่านก็ฟื้น มา ทานยานี้ก่อนเถิด!”
“ยาหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างสับสนมึนงง น้ำเสียงนั้นเพราะปากแห้งจึงแหบพร่าอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ประคองเขาขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนป้อนน้ำให้แก่เขา เพื่อทำให้ลำคอชุ่มชื้น ก่อนอธิบายขึ้นอีกครั้ง
“ตอนนี้ท่านไข้ขึ้นสูง นี่คือยาลดไข้ ท่านรีบดื่มเข้าไปเถิด มิฉะนั้นหากท่านไข้ขึ้นสูงอีก ข้าคงหมดหนทาง ต้องตามท่านหมอมาดูอาการท่าน”
ชายหนุ่มได้ยินขมวดคิ้วงามมุ่นทันที ชัดเจนว่ารู้สึกไม่ดีกับการดื่มยา แต่กลับกลัวซินเอ๋อร์จะไปตามหมอมาจริงๆ จึงเพียงเม้มปากแน่นชั่วขณะ ก่อนนำยาในมือของซินเอ๋อร์ดื่มเข้าไปจนหมด แล้วตามด้วยน้ำอุ่นหลายถ้วย
หลังเห็นชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นขณะดื่มยาตลอดเวลาอย่างทรมานยิ่งกว่าขณะที่เธอช่วยทายาให้เขาเมื่อครู่ ทำให้ซินเอ๋อร์อดรู้สึกน่าขันไม่ได้
“ยานี้ขมขนาดนั้นเชียวหรือ!”
“ฮึ!”
ชายหนุ่มตอบกลับซินเอ๋อร์ เพียงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา พร้อมเบนหน้าออกอย่างหยิ่งยโส
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น เพียงยิ้มอย่างจนใจ
เมื่อครู่เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่งจึงหลับสนิท แต่ถูกชายหนุ่มพลิกตัวหนีเช่นนี้ ความง่วงทั้งหมดกลับสลายไป
ก่อนหันมองท้องฟ้าจากทางหน้าต่างเห็นฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ไตร่ตรองแล้วเธอคงหลับไม่ได้อีกเป็นแน่ ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงย้ายเก้าอี้มานั่งอยู่ที่ข้างเตียง
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นอดขมวดคิ้วงามมุ่นไม่ได้ แม้จะไม่พูด แต่แววตาแฝงความสงสัยของเขา ทำให้ซินเอ๋อร์รู้ว่าเขาต้องการพูดสิ่งใด
ดังนั้นจึงไม่รอให้ชายหนุ่มเอ่ยปาก ซินเอ๋อร์ชิงเอ่ยปากขึ้นว่า
“ท่านนอนเถิด ข้าจะเฝ้าท่านอยู่ตรงนี้ วางใจเถิด!”
เสียงแผ่วเบา อ่อนโยน และสีหน้าสงบนิ่งของซินเอ๋อร์ ทำให้ผู้คนรู้สึกคล้ายสายลมยามเดือนสามกำลังพัดตรงลงเข้าไปในหัวใจ
ชายหนุ่มได้ยินดวงตาหงส์เปล่งประกาย ไม่พูดจา เพียงปิดตาลงเบาๆ ไม่นานก็หลับสนิทอย่างสบายใจ
เมื่อเห็นชายหนุ่มหลับสนิท ซินเอ๋อร์ยื่นมือแตะหน้าผากของชายหนุ่มเป็นระยะเพื่อวัดอุณหภูมิ
จนกระทั่งหลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดไข้ของชายหนุ่มก็ลดลง ซินเอ๋อร์ถึงโล่งอกเป็นที่สุด
และเวลานี้ฟ้าสว่างแล้ว!
…
ชายหนุ่มหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เมื่อซินเอ๋อร์ล้างหน้าบ้วนปากแต่งกายเสร็จ ไปปัดกวาดตำหนักหยกขาวกลับมา คิดนำอาหารมาให้ชายหนุ่มกลับพบว่าภายในห้องไร้เงาผู้คน ชายหนุ่มก็หายไปเช่นกัน
ตอนแรกซินเอ๋อร์กังวลใจ เพราะเมื่อคืนเห็นชัดว่าชายหนุ่มถูกคนไล่ล่าสังหาร วันนี้เขาหายตัวไปแล้ว หรือผู้คนที่แค้นเคืองเขาไล่ตามมา
แต่เมื่อเห็นภายในห้องสะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้แม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายซินเอ๋อร์เห็นว่าบนหัวเตียงของเธอมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่
เห็นเช่นนั้นซินเอ๋อร์จึงหยิบขึ้นมาอ่าน
เห็นเพียงบนกระดาษแผ่นนั้นมีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว
ข้าขอลา…
ลงนามกำกับไว้ว่า
“อ้าวเทียนฉี!”
ซินเอ๋อร์พึมพำเสียงเบา ต่อมาจึงรู้ว่านี่คือนามของชายหนุ่ม
“ที่แท้ เขามีนามว่าอ้าวเทียนฉี!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยเสียงเบา สุดท้ายสายตาถูกหยกใช้แขวนข้างเอวบนหัวเตียงดึงดูดเข้า
เห็นเพียงบนหัวเตียงของเธอมีหยกไขมันแพะชั้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งวางนิ่งอยู่
ซินเอ๋อร์จำได้ว่านี่คือหยกใช้แขวนข้างเอว
เพราะเมื่อคืนขณะที่เธอช่วยถอดเสื้อผ้าให้แก่ชายหนุ่มผู้นั้น เห็นหยกนี้คล้องอยู่บนคอชายหนุ่มเข้าพอดี แต่เวลานี้หยกนี้กลับวางอยู่ที่นี่
“หรือนี่คือสิ่งที่เขาทิ้งไว้ แต่เพราะอันใดกัน!”
ซินเอ๋อร์หยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
ต่อมาจึงคิดว่าเมื่อคืนชายหนุ่มนั้นคิดเล็กคิดน้อยไม่หยุด หมายถึงต้องการตอบแทนเธอ ไต่ถามว่าเธอต้องการสิ่งใด ต่อมาเธอจึงเอ่ยว่าไม่ต้องการสิ่งใด
คิดไปแล้วหยกนี้คงเป็นของตอบแทนที่ชายหนุ่มทิ้งไว้ให้เธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกจนปัญญา
“ฮ่า ๆ ช่างเป็นชายหนุ่มที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ ต่อไปเมื่อพบเขาอีกครั้ง ค่อยคืนหยกนี้ให้แก่เขา แต่วันหน้าพวกเราจะยังได้พบกันอีกหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์สงสัย
แต่ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ก็คือหยกนี้ มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งนัก
…
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
รถม้าธรรมดาคันหนึ่งกำลังวิ่งทะยานตรงไปที่แคว้นฉี
แม้รถม้าคันนี้จะดูธรรมดาอย่างยิ่ง แต่หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าม้าฝีเท้าเยี่ยมสองตัวของนั้น คือม้าเหงื่อโลหิตที่พบได้ยากในใต้หล้านี้!
ใช้ม้าเหงื่อโลหิตลากรถ ไม่ต้องคิดก็ทราบดีว่าคนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าฐานะไม่ธรรมดา
เวลานี้ภายในรถม้าที่คนด้านนอกมองว่าธรรมดานั้น
แม้ขนาดจะเล็ก แต่ภายในกลับครบครัน
เห็นเพียงภายในรถม้า ด้านหน้ามีตู้ไม้มะเกลือตัวหนึ่งวางอยู่ ด้านบนมีพวกขวดมากมาย อากาศภายในจึงอบอวลด้วยกลิ่นหอมของยา
บนรถปูด้วยเบาะนุ่มชั้นเยี่ยมหลายชั้น ดังนั้นแม้รถม้าจะกระแทกไปมา คนที่นั่งอยู่ด้านในก็ไม่รับรู้
เวลานี้ภายในรถมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนอนอยู่อย่างสงบ
เห็นเพียงชายผู้นี้คล้ายกำลังหลับสนิท
ผมยาวดำขลับนุ่มลื่นไร้การผูกรัดกระจายอยู่ข้างกายเขาอย่างสะเปะสะปะ
ทำให้ใบหน้างดงามนั้นดูซีดเซียว
แต่กลับไม่ลดทอนความงามของชายหนุ่มลง เพียงทำให้เขาดูงดงามอ่อนช้อย จับตาชวนมองเช่นนี้
หากชายหนุ่มไม่ได้เปลือยหน้าอกแกร่ง ผู้อื่นมองขึ้นไปคงคิดว่านี่คือสตรีผู้หนึ่ง!
และเมื่อมองจากใบหน้างดงามที่ซีดเซียวของชายหนุ่มลงมา บาดแผลบนกายของชายหนุ่มกลับถูกพันไว้อย่างเรียบร้อย ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าไหมชั้นดีตัวหนึ่ง
ขณะรถม้ากำลังพุ่งทะยานไปด้านหน้า จู่ๆมีเสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามา ไม่นานมาถึงด้านข้างของรถม้า
เมื่อได้ยินชายหนุ่มรูปงามที่ดวงตาปิดสนิท ค่อยๆ ลืมดวงตาหงส์แคบยาวคู่นั้นขึ้น
ทันทีที่ดวงตาหงส์นั้นลืมขึ้น ความเย็นชาสุดขั้วก็สะท้อนออกมาจากดวงตาของชายหนุ่ม!
เมื่อครู่ชายหนุ่มยังสงบนิ่งอ่อนเพลียดุจสาวน้อยอ่อนแอผู้หนึ่ง แต่เมื่อพลันลืมตาขึ้นกลับเปลี่ยนไปราวคนละคน
ทำให้คนที่เห็นตกใจยิ่งนัก!
“องค์ชาย!”
หลังเสียงจากนอกรถม้าดังขึ้น รถม้าที่วิ่งทะยานไปด้านหน้าค่อยๆ หยุดลง
ชายหนุ่มไม่ออกไป เพียงเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนน้ำเสียงไพเราะแต่เต็มไปด้วยความเย็นชาจะพลันดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม
“ครั้งนี้เป็นฝีมือของผู้ใด!”