สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 276 เทศกาลดอกบัว
และสาวน้อยตรงหน้านี้ คล้ายกับตนอย่างแน่นอน พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นทันที
“หากพี่เทียนเสวี่ยไม่รังเกียจ วันนี้ไปชมเทศกาลเทศกาลดอกบัวพร้อมข้ากับเซวียนเถิด!”
อย่างน้อยทางด้านเซวียน เธอเอ่ยแล้วเขาคงไม่โมโห
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ กลับไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่หันหลังให้เธอเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ยกยิ้มที่มุมปาก โดยที่รอยยิ้มนั้นดูภูมิใจกับแผนการร้ายที่ประสบความสำเร็จ
ช่างเป็นหญิงสาวที่โง่เขลาจริงๆ สิ่งที่เธอรอคือประโยคนี้!
หญิงสาวที่โง่เช่นเธอนี้ หากใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวง เกรงว่าคงเสียชีวิตไปแล้ว!
อ้าวเทียนเสวี่ยคิดอย่างดูถูกในใจ และในใจเริ่มรอคอยให้ถึงเทศกาลดอกบัวในคืนนี้
ฮ่า ๆ เทศกาลดอกบัว เธอต้องพยายามใช้โอกาสนี้ครอบครอบหัวใจของเขาให้ได้!
…
เมื่อพลบค่ำมาเยือน หลี่ฝูจึงเข้ามาแจ้งต่อซินเอ๋อร์ ให้ซินเอ๋อร์แต่งกายให้ดี อีกสักครู่เหลิ่งอวี้เซวียนจะให้รถม้ามารับเธอไปที่ทะเลสาบไท่จื่อ
ซินเอ๋อร์ได้ยิน ย่อมดีใจอย่างมาก และจึงบอกกล่าวแก่อ้าวเทียนเสวี่ย
เพราะเมื่อเธอรับปากอ้าวเทียนเสวี่ย ให้เธอไปที่ทะเลสาบไท่จื่อพร้อมกัน ย่อมไม่อาจเสียสัจจะ
อ้าวเทียนเสวี่ยได้ยิน ย่อมสุขใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นเอ่ยอย่างยิ้มแย้มกับซินเอ๋อร์ว่า
“ฮ่า ๆ น้องซินเอ๋อร์ เจ้าช่างดียิ่งนัก ถึงกับยอมให้ข้าไปร่วมชมโคมไฟดอกบัวด้วย โอ้ จริงสิ น้องซินเอ๋อร์ เมื่ออีกสักครู่ต้องเดินเล่นเป็นเพื่อนนายท่าน ต้องแต่งกายให้ดีล่ะ”
“หา แต่งกายหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย ซินเอ๋อร์ตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนก้มลงมองเสื้อผ้าบนกายของตน
ตอนนี้เธอสวมชุดของสาวใช้ชั้นหนึ่งในวัง บนศีรษะดังเช่นกับทุกวันคือถักเปียรวบรัดเป็นสองช่อ
ซินเอ๋อร์ชื่นชอบการแต่งตัวเช่นนี้ของตนอย่างยิ่ง
แต่อ้าวเทียนเสวี่ยเห็นแล้ว กลับส่ายหน้าจุ๊ปาก เอ่ยขึ้น
“น้องซินเอ๋อร์ เจ้าไปสภาพนี้ไม่เหมาะ เมื่อนายท่านเชื้อเชิญ ย่อมต้องแต่งกายให้ดีที่สุด หากนายท่านเห็นเข้าต้องดีใจอย่างมากแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย ซินเอ๋อร์รู้สึกว่านี้ถือว่าคล้ายมีหลักการ
เพียงนึกถึง หากตนแต่งกายประทินโฉมอย่างสวยงามไปพบเซวียน เมื่อเขาเห็นต้องดีใจมากเป็นแน่!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์มีสีหน้าคล้ายเขินอาย ดวงตาดูแวววาย ก่อนกล่าวยิ้มๆ กับอ้าวเทียนเสวี่ยว่า
“อืม เช่นนั้นข้าไปที่ห้องแต่งตัวก่อน จริงสิประเดี๋ยวเซวียนจะส่งคนมารับพวกเรา หากรถม้ามาถึงแล้ว เจ้าไปบอกข้าด้วยก็แล้วกัน”
“อืม แน่นอนอยู่แล้ว เช่นนั้นน้องซินเอ๋อร์ รีบกลับไปแต่งตัวที่ห้องเถิด!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอ้าวเทียนเสวี่ย ซินเอ๋อร์ยิ้มพลางพยักหน้า พลันหมุนตัวเดินกลับห้องพักของตน
แต่ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ว่า เพียงเธอหมุนตัวไป อ้าวเทียนเสวี่ยที่ยิ้มแย้มให้กับเธอ มีใบหน้าเคร่งขรึมลง สายตาที่มองเธอดุร้าย ดูถูกดูแคลน
“ฮึ เทศกาลดอกบัว ข้าย่อมไปได้ แต่จะให้เจ้าไปกับข้าไม่ได้เด็ดขาด!”
…
ขณะเดียวกัน ด้านนอกวังเหลิ่ง
ภายในวัดร้างไร้ผู้คน มีกลุ่มชายชุดดำกว่าสิบคนกำลังวางแผนร้ายบางอย่าง
“เถ้าแก่ชุยให้พวกเรา หลังจากลักลอบเข้าวังเหลิ่งกลางดึก ให้ขโมยสัญญาฉบับนั้นในห้องหนังสือของเหลิ่งอวี้เซวียน ออกมา”
“แต่ หากพวกเราหาสัญญาฉบับนั้นไม่พบละ!”
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นพวกเราก็ทำตามแผน เผาตำหนักหยกขาวให้วอด เช่นนี้สัญญาฉบับนั้นจะถูกเผาไปด้วย ฮึ ผู้ใดให้เหลิ่งอวี้เซวียนนั้นแย่งกิจการของเถ้าแก่ชุยของพวกเรา ตอนนี้เถ้าแก่โมโหหนัก แม้จะหาสัญญาไม่พบ ก็ต้องทำลายมัน!”
“ได้ พี่ใหญ่ เช่นนั้นยามดึกพวกเราจึงดำเนินการ!”
“ตกลง!”
…
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มองการแต่งตัวประทินโฉมงดงามในกระจก ซินเอ๋อร์ยิ้มอย่างเขินอาย
เห็นเพียงสาวน้อยในกระจก สามกระโปรงหลัวฉวินบางเบาสีขาวบนกาย กระโปรงหลัวฉวินบนกายรัดแน่น ขับเน้นรูปร่างอ่อนช้อยของสาวน้อยออกมา
ผมยาวดำลื่นดุจม่านน้ำตก ส่วนบนเกล้ามวยขึ้นอย่างประณีตงดงาม ตรงกลางแม้จะไร้เครื่องประดับ ใช้เพียงสายรัดผมสีขาวมัดรวบเป็นช่อ แต่กลับแสดงความงามสง่าโดดเด่นออกมา
ส่วนเส้นผมส่วนล่าง กลับปล่อยสยายลงด้านหน้าและแผ่นหลัง ยาวจรดเอว ข้างแก้มมีปอยผมประปราย ทำให้ใบหน้าเล็กดุจหยกขาวนั้นอ่อนหวานงดงามยิ่งขึ้น
ใบหน้าดุจกวนหยก ผิวขาวผ่องเนียนนุ่ม คิ้วเข้มโค้งงอน ดวงตาใสกระจ่าง จมูกโด่งริมฝีปากอมชมพู กลิ่นหอมรวยริน
เช่นนี้คือหญิงสาวงดงาม โดดเด่นเหนือผู้อื่น!
เมื่อผ่านการประทินโฉมอย่างประณีต ซินเอ๋อร์จัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนออกไปนอกห้อง
เพราะตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว พี่หลี่ฝูเอ่ยว่าเซวียนจะส่งรถม้ามารับเธอไปที่ทะเลสาบไท่จื่อเวลานี้มิใช่หรือ!
แต่ตอนนี้ เหตุใดยังไม่เห็นมีคนมาเรียกเธอ!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ จึงลุกยืนขึ้นเดินออกไปที่หน้าประตุห้อง
ขณะกำลังคิดผลักประตูไม้ลายสลักออกไปดู กลับพบว่าประตูห้องของเธอ เหตุใดจึงผลักไม่ออก
“เอ๊ะ เหตุใดเป็นเช่นนี้ ใครลงกลอนประตูด้านนอกกัน!”
หลังรับรู้ถึงความผิดปกติ ซินเอ๋อร์พลันตกใจ ก่อนรีบร้องตะโกนขึ้น
“มีคนอยู่หรือไม่ ผู้ใดอยู่ด้านนอก รีบมาเปิดประตูให้ข้าที ”
ซินเอ๋อร์พลางตบประตูไม้บานสลัก พลางร้องตะโกน
แต่การร้องตะโกนของเธอ กลับไม่มีผู้ใดได้ยิน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ในใจร้อนรนและสงสัย ว่าผู้ใดกันแน่ที่ปิดประตูห้องของเธอไว้!
คนผู้นั้น ไม่ต้องการให้เธอออกไปหรือ!
ไม่ ประตูห้องถูกปิด ห้องของเธอยังมีหน้าต่าง เธอปีนหน้าต่างออกไปก็เรียบร้อยแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รีบเดินไปที่หน้าต่าง หมายผลักหน้าต่างเปิดออก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือ หน้าต่างของเธอก็ถูกคนปิดแน่นจากด้านนอกเช่นกัน
“สวรรค์ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ เหตุใดต้องขังข้า ไม่ให้ข้าออกไป!”
ซินเอ๋อร์แปลกใจและสงสัย
เพราะแม้เธอจะคิดจนสมองแตก ก็ไม่รู้ว่านี่เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
วังแห่งนี้ เธอสนิทสนมกลมเกลียวกับทุกคน สุดท้ายเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่!
ขณะซินเอ๋อร์สงสัยไม่เข้าใจ เธอกลับไม่รู้ว่าด้านนอกห้องของเธอ มีร่างบอบบางร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่
“ฮึ คิดออกมาหรือ ได้ แต่ต้องให้ข้าไปเดินเล่นกับเขาก่อน หลังกลับมาย่อมปล่อยเจ้าแน่นอน!”
หญิงสาวเอ่ยอย่างดูถูก ทันใดนั้นสองมือลูบไล้สองแก้มของตนอย่างเพ้อฝัน ก่อนหัวเราะหมุนตัวจากไป
แต่หญิงสาวไม่รู้ก็คือ หลังจากตนออกจากตำหนักหยกขาวไป มีกลุ่มชายชุดดำกว่าสิบคนปิดหน้าตามิดชิด กำลังลักลอบเข้ามาด้านในอย่างไร้สุ้มเสียง
“พี่ใหญ่ ภายในตำหนักหยกขาวไม่มีผู้คน เหลิ่งอวี้เซวียนนั้นก็ไม่อยู่ กระทั่งบ่าวไพร่สักคนก็ไม่มี ”
“ฮ่า ๆ สวรรค์ช่างเป็นใจให้พวกเรา เร็ว พวกเรารีบไปที่ห้องหนังสือของเหลิ่งอวี้เซวียน เถ้าแก่ชุยต้องการสัญญาฉบับนั้น”
“ขอรับ!”
หลังการส่งสัญญานของหัวหน้า ชายชุดดำกว่าสิบคนนั้นรีบแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกตำหนักหยกขาว
อีกกลุ่มกลับลักลอบเข้าไปในห้องหนังสือในตำหนักหยกขาว และเริ่มทำการรื้อค้น
“พี่ใหญ่หาไม่พบ ไม่รู้คนแซ่เหลิ่งผู้นั้น ซ่อนสัญญาที่เถ้าแก่ชุยต้องการไว้ที่ใด!”
“ฮึ คนแซ่เหลิ่งเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง ต้องซ่อนสัญญาไว้ในที่ลับตาคนแน่ ทว่าเถ้าแก่ชุยคาดเดาไว้แล้ว เถ้าแก่เอ่ยว่าแม้จะขโมยสัญญาฉบับนั้นไม่ได้ ก็ให้เผาที่นี่ให้วอด เพราะตำหนักนี้สร้างด้วยเงินมากมายของคนแซ่เหลิ่ง เพียงเผาให้วอด จะลดความโมโหในใจเถ้าแก่ลงได้!”
“ได้ เช่นนั้นพวกเราเผาที่นี่ให้วอด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้า ชายชุดดำอื่นๆ ต่างรีบหยิบคบไฟขึ้นมา ก่อนราดน้ำมันที่เตรียมมารอบตำหนักหยกขาว จากนั้นโยนคบไฟเข้าไป
เมื่อคบไฟและน้ำมันเจอกัน เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น พร้อมกลุ่มไฟลุกลามขึ้นมา
เมื่อคนชุดดำพวกนั้นเห็น ก็ยิ้มเย็นออกมา หลังหัวหน้าส่งสัญญาณ จึงจากไปอย่างไร้สุ้มเสียงดังเช่นตอนเข้ามา
…
ซินเอ๋อร์ถูกขังอยู่ในห้องกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ภายในเวลาครึ่งชั่วยามนี้ ไม่ว่าซินเอ๋อร์จะตะโกนเช่นไร ต่างไร้ผู้คนเดินเข้ามา
ปกติเหลิ่งอวี้เซวียนเพื่อไม่ให้ถูกผู้คนรบกวน ภายในตำหนักหยกขาวจึงมีเพียงเธอ หลี่ฟู ผิงอันไม่กี่คนที่คอยปรนนิบัติเขา
ตอนนี้หลี่ฟูและผิงอันต้องติดตามอยู่ข้างกายเซวียน แต่สิ่งที่ทำให้ซินเอ๋อร์แปลกใจก็คือ…
พี่เทียนเสวี่ยมิได้เอ่ยว่า เมื่อรถม้าของเซวียนมาถึง จะมาเรียกเธอหรือ แต่เหตุใดตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว พี่เทียนเสวี่ยจึงยังไม่มา!
หรือคนที่ปิดประตูและหน้าต่างห้องพักของเธอ จะเป็นนาง!
ไม่!
จะเป็นไปได้เช่นไร!
เธอและพี่เทียนเสวี่ยไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกัน พี่เทียนเสวี่ยจะทำเช่นนี้กับเธอได้เช่นไร!
แต่หากไม่ใช่พี่เทียนเสวี่ย จะเป็นผู้ใด!
ขณะซินเอ๋อร์คิดอย่างสับสน จู่ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านค่อยๆ ร้อนขึ้น
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ตอนกลางคืนปกติจะไม่ร้อนขนาดนี้มิใช่หรือ!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ ดวงตาคู่งามเหลือบมองเห็นเปลวเพลิงสีส้มด้านนอกหน้าต่าง จึงตกใจดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น!
“สวรรค์ ไฟ ไฟไหม้!”
ซินเอ๋อร์ตกใจจนดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ไม่นานกว่าจะได้สติกลับมา ทันใดนั้นพลันเดินไปที่ประตู พยายามออกแรงทุบประตูไม้ลายสลัก พร้อมร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก
“ไฟไหม้แล้ว ช่วยด้วย รีบมาเร็วเข้า”
…
ขณะเดียวกัน ภายในห้องหรูหราที่ทะเลสาบไท่จื่อ
โรงน้ำชาชมทิวทัศน์ สร้างริมทะเลสาบ ทั้งหมดมีสองชั้น
ห้องโถงชั้นแรก เวลานี้เต็มไปด้วยผู้คนแน่นเบียดเสียด ไร้ที่นั่ง
ภายในห้องหรูหราชั้นสอง ก็มีลูกค้าเต็มทุกห้อง
เพราะวันนี้คือเทศกาลดอกบัวที่มีเพียงครั้งเดียวในหนึ่งปี
ทุกปีเวลานี้ ราษฎรมากมายจะเข้ามาร่วมเทศกาลดอกบัวที่นี่ และบนกระทงดอกบัวจะใช้กระดาษขนาดเล็กเขียนความปรารถนาของตนลงไป ก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำให้ไหลไปตามสายน้ำ ลือกันว่าทำเช่นนี้ เทพน้ำจะได้รับความปรารถนาเหล่านั้น และทำให้ประสบผลสำเร็จ
แม้จะเป็นความเชื่องมงาย แต่ทุกปีเวลานี้จะมีคนมาขอพรและปล่อยโคมไฟที่นี่
และทะเลสาบไท่จื่อเวลานี้ จะเป็นช่วงที่งดงามที่สุดของปี
เพราะบนทะเลสาบจะมีโคมดอกบัวสว่างไสวจากเทียนไขลอยอยู่ ลอยล่องอย่างอิสระ ประกายไฟระยิบระยับ เข้ากับพระจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้า งดงามเกินบรรยาย!
…………………………………………………………………………………