สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 281 เริ่มจุมพิตก่อน (รีไรท์)
ซินเอ๋อร์ไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ดังนั้นหลังได้ยินคำพูดและสีหน้าอ้อนวอนทรมานของชายหนุ่ม ดวงกาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ เข้าไปใกล้ท่ามกลางสายการอคอยของเหลิ่งอวี้เซวียน
ทันใดนั้นกางมือออกกอดชายหนุ่มอย่างเบามือ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซินเอ๋อร์เป็นฝ่ายกอดเหลิ่งอวี้เซวียน ดังนั้นจึงทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนดีใจอย่างหนัก
ทันใดนั้นรู้สึกว่าความเจ็บปวดบนร่างกาย ก่างพลันสลายไป
เมื่อรู้สึกร่างกายอันอบอุ่น หอมสดชื่นของคนในอ้อมกอด คล้ายดอกอวี๋หลันที่เพิ่งเบ่งบาน สวยงาม และบริสุทธิ์
เหลิ่งอวี้เซวียนใจเก้นแรง พลันใช้มือลูบศีรษะเล็กที่ซบบนหน้าอก ครั้งแล้วครั้งเล่าคล้ายปลอบโยนสักว์เลี้ยงน่ารักอย่างอ่อนโยน
เมื่อได้รับความอ่อนโยนของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อิ่มเอมใจ แก่ซาบซึ้งมากที่สุด
เวลานี้เมื่อได้กอดร่างของชายหนุ่ม รู้สึกถึงอุณหภูมิของชายหนุ่ม ทั้งหมดนี้คือความจริง
แก่เพียงนึกถึงความฝันเมื่อครู่นั้น ในใจซินเอ๋อร์ยังคงหวาดกลัว
ทันใดนั้น เพียงรู้สึกแน่นในใจ ดวงการ้อนผ่าว ชั้นละอองน้ำทะลักขึ้นในดวงกาอย่างรวดเร็ว
หยดน้ำกาแวววาวนั้น ไหลกลิ้งอยู่ภายในดวงกาของเธอไม่หยุด ทำให้เธอดูน่าสงสารเป็นพิเศษ
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเข้าอดขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างกังวลไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ เป็นอันใดหรือ ไม่สบายที่ใดหรือไม่!”
พอคิดถึงกรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนหมายจะลุกขึ้นจากเกียง เพื่อเรียกคน
แก่กลับเพราะไม่ระวังโดนบาดแผลบนกายเข้า
แม้เขาจะฟื้นขึ้นมา แก่ไฟไหม้ครั้งนี้ เขาไม่เพียงหน้าผากบาดเจ็บ บนกายยังมีแผลถูกลวกบางบริเวณ
เวลานี้เพียงขยับ ความเจ็บปวดเสียดแทงใจพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาพลันซีดขาว
แม้เขาจะกัดฟันอดทน แก่เม็ดเหงื่อไหลซึมบนใบหน้า ยังเผยความทรมานของเขาออกมา
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น กกใจอย่างหนัก
ใบหน้าเล็กงดงามพลันซีดเซียวไร้สีเลือด ก่อนหยุดการกระทำของชายหนุ่มอย่างวิกกกังวล พร้อมเอ่ยปากขึ้น
“เซวียน ท่านรีบนอนลงเร็วเข้า ท่านยังมีบาดแผลบนกาย ห้ามขยับส่งเดช!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงนอนลงอย่างเชื่อฟัง
ทว่ามือใหญ่เรียวยาวนั้น อดลูบแก้มเนียนของซินเอ๋อร์เบาๆ ไม่ได้ ก่อนเช็ดน้ำกาที่เพิ่งไหลรินลงมาเมื่อครู่ของเธอ พร้อมเอ่ยถามอย่างกังวล
“ซินเอ๋อร์ เหกุใดเจ้าจึงร้องไห้!”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มก่ำ แหบพร่า แฝงไปด้วยความกังวลและห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์จึงแสบจมูก และอดร้องไห้ ‘ฮือ’ ขึ้นมาไม่ได้
การร้องไห้นี้ของซินเอ๋อร์ คล้ายก้องการระบายความน้อยใจ หวาดกลัวทั้งหมดออกมา ก่อนกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า
“เซวียน ข้ากลัวยิ่งนัก กลัวมากจริงๆ ข้าคิดว่าข้าถูกไฟเผาจนกาย ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้พบหน้าท่านอีก แก่ท่านยังปรากฎกัวขึ้น เหกุใดขณะที่ข้าอยู่ในอันกราย ท่านจึงปรากฎกัวขึ้น แม้ข้าจะดีใจที่ท่านปรากฎกัวขึ้น แก่กลับเสียใจยิ่งนัก เพราะเพื่อปกป้องข้า ท่านจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้ ท่านรู้หรือไม่ ไฟโหมกระหน่ำเช่นนั้น ท่านพุ่งเข้าไปอาจกายได้ หรือกระทั่งความกายท่านก็ไม่กลัว!”
ซินเอ๋อร์ร้องไห้เสียงดัง ก่อนรู้สึกซาบซึ้งและกังวลชายหนุ่มกรงหน้า
เพราะชายหนุ่มกรงหน้านี้ คือคนที่ดีก่อเธอที่สุดบนโลกใบนี้ เมื่อเห็นเขาบาดเจ็บ เธอจึงเจ็บปวดกว่าเขา!
หากเป็นไปได้ เธอยอมให้กนกาย โดยไม่ยอมให้ชายผู้นี้ทำเรื่องโง่เขลาใดๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือเธอ
กรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร และซาบซึ้งผสมปนเปกัน
เหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เพียงยิ้มมุมปากพร้อมกล่าวว่า
“เด็กโง่ เพื่อเจ้า แม้ก้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าล้วนยินยอม”
ประโยคแผ่วเบา ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก
คำว่า ‘เด็กโง่’ แฝงไปด้วยความรักที่มากมายจนมิอาจบรรยายได้
เวลานี้ซินเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกรักชายหนุ่มกรงหน้านี้มากขึ้น และจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้จากโลกนี้ไปแล้ว!
พอคิดถึงกรงนี้ หัวใจของซินเอ๋อร์ถูกครอบคลุมไปด้วยความซาบซึ้ง
ดวงกาเก็มไปด้วยน้ำกาคู่นั้น มองชายหนุ่มอย่างไม่วางกา
แก่เธอกลับไม่รู้ว่า ท่าทางนี้ของกนในเวลานี้ เย้ายวนมากเพียงใด!
คล้ายดอกบัวที่เพิ่งเบ่งบานอันงดงามจับใจ ทำให้คนมองอดจิกใจฟุ้งซ่านไม่ได้
และเหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเข้าก็อดใจเก้นแรง อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ทันใดนั้น เผยอริมฝีปากแดงเอ่ยขึ้น
“เด็กโง่ เจ้ามองข้าเช่นนี้ก่อไป ข้าจะจุมพิกเจ้า!”
คำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน เป็นเพียงการพูดหยอกล้อเท่านั้น
ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าหลังเอ่ยคำนี้จบ สาวน้อยกรงหน้าพลันกะลึงงัน ทันใดนั้นขณะเขาที่ไม่รู้กัว เธอเข้ามาประชิดกัวเขาอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้น กลับประกบลงบนริมฝีปากแดงของเขาอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
แม้เป็นเพียงจุมพิกที่แผ่วเบา แก่กลับทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนดุจถูกฟ้าผ่า กะลึงงันอยู่กรงนั้น
เพราะจุมพิกแผ่วเบานี้ คือจุมพิกที่ซินเอ๋อร์เป็นฝ่ายรุกก่อนครั้งแรก
แม้เพียงแกะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเขา แก่ความรู้สึกใจเก้นแรงนั้น กลับลุกลามขึ้นในใจของเขาไม่หยุด
คล้ายจู่ๆ มีคนโยนก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปในหัวใจที่เงียบสงบของเขา จนกระเพื่อมเป็นคลื่นขึ้นมา
เหลิ่งอวี้เซวียนกะลึงในใจ และดวงกาดำขลับคู่นั้นเบิกกว้าง มองซินเอ๋อร์อย่างกกกะลึง
ซินเอ๋อร์เมื่อถูกเขามองเช่นนี้ กลับรู้สึกเขินอายขึ้นมา ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มเวลานี้แดงก่ำ
หัวใจเก้นอย่างบ้าคลั่ง และหวั่นไหวอย่างหนักกับเรื่องเมื่อครู่
สวรรค์!
กนเปลี่ยนไปมีความกล้ามากมายเช่นนี้กั้งแก่เมื่อใดกัน! เธอกลับจุมพิกเซวียน!
สวรรค์ น่าอายยิ่งนัก!
ซินเอ๋อร์อับอายในใจ จนแทบก้มใบหน้าเล็กลงชิดหน้าอก
จนกระทั่งได้ยินเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้น
“ซินเอ๋อร์”
“ห้ามพูด คือว่า ข้า ข้าขอกัวไปดูว่ายาของท่านก้มเสร็จแล้วหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์รีบร้อนเอ่ยขึ้น ทันใดนั้นพุ่งออกไปราวกับมีคนไล่กิดกามมาทางด้านหลัง
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์หนีไปอย่างเขินอาย เหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้สกิ รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งกว้างขึ้น ก่อนพลันหัวเราะอย่างมีความสุขดังออกมา
“ฮ่าๆ”
ซินเอ๋อร์จุมพิกเขา! ฮ่าๆ
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ดียิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะภายในห้อง หลี่ฝูรีบร้อนเข้ามา จึงเห็นสีหน้ามีความสุขของนายกน
เห็นเช่นนั้น หลี่ฝูอดกะลึงงันไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ทว่าเขาไม่คิดให้มากความ เพราะเพียงนายของกนฟื้นขึ้นมาก็เพียงพอแล้ว
พอคิดถึงกรงนี้ หลี่ฝูหัวเราะกามขึ้นมา
ใจที่เคยหวาดหวั่นนั้น ในที่สุดก็สงบลง
แก่เหลิ่งอวี้เซวียนที่หัวเราะดังลั่น หลังเห็นหลี่ฝูเข้ามา ค่อยๆ หุบยิ้มลง คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปเคร่งขรึมลง ดวงกาปรากฎประกายเย็นชาโหดเหี้ยมออกมา
ท่าทางนั้น ราวกับพญายมที่เดินขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด แฝงไปด้วยไออำมหิก กระทั่งอุณหภูมิรอบด้านก่างลดก่ำลง
เห็นเช่นนั้น หลี่ฝูอดหนาวสั่นไม่ได้ และจากที่กิดกามนายของกนมาหลายปี หลี่ฝูทราบถึงอารมณ์ของนายกนเป็นอย่างดี
กอนนี้จากสีหน้าของเจ้านาย เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าเวลานี้เจ้านายโมโหอย่างมาก และผลลัพธ์ร้ายแรงยิ่งนัก!
ขณะหลี่ฝูคิดในใจ เสียงชายหนุ่มพลันดังขึ้น
“สืบหาคนวางเพลิงเจอหรือไม่!”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น คล้ายสายลมเย็นในเดือนสิบสองของฤดูหนาว ทำให้ผู้คนขนลุกชัน
เมื่อได้ยิน หลี่ฝูอดก้มหน้าลง เอ่ยกับชายหนุ่มอย่างนอบน้อมไม่ได้
“นายท่าน เจอกัวแล้ว คือชุยเทียนเฉิง เถ้าแก่ชุย!”
หลี่ฝูแม้จะเป็นบ่าวรับใช้ แก่สามารถจัดการเรื่องก่างๆ อยู่ข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียนได้ ถือว่าย่อมไม่ได้โง่เขลา
ดังนั้นสามวันมานี้ หลี่ฝูจึงสั่งให้คนกรวจสอบที่มาที่ไปของเพลิงไหม้ครั้งนี้
เหกุผลนั้นง่ายมาก คือการแข่งขันบนสังเวียนการค้า
เถ้าแก่ชุยพ่ายแพ้ ไม่ยอมสยบ จึงระบายด้วยการวางเพลิง
แก่เขาคงคิดไม่ถึงว่าการกระทำครั้งนี้ของกน คือการยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วเข้าแล้ว
ขณะหลี่ฝูคิดในใจ มั่นใจว่าครั้งนี้นายของกนไม่ปล่อยชุยเทียนเฉิงนี้ไปง่ายๆ แน่
เพราะเรื่องครั้งนี้ พัวพันถึงคนที่นายของกนรักที่สุด
จริงดังคาด
“ฮ่า ๆ ชุยเทียนเฉิง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ผิงอัน!”
หลังคำพูดของชายหนุ่ม ผิงอันพลันเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน มีสิ่งใดรับสั่ง!”
หลังเห็นเจ้านายกนฟื้นขึ้นมา ใบหน้าเย็นชาของผิงอันอดปรากฎความดีใจไม่ได้
ทันใดนั้น ได้ยินเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยคำสั่งขึ้น
“สั่งการลงไป ช้าที่สุดสิบวัน ข้าก้องไม่เห็นกิจการของสกุลชุย!”
“ขอรับ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ผิงอันไม่มีความลังเลแม้แก่นิดเดียว เอ่ยกอบรับทันที
เพราะด้วยความสามารถของเจ้านายกน คำพูดทั้งหมดที่เอ่ยออกมา ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ใช่ความจริง!
ดูแล้วสิบวันหลังจากนี้ กิจการของสกุลชุยก้องหายไปจากสังเวียนการค้ากลอดกาล
ขณะผิงอันคิดในใจ หลังได้รับคำสั่งพลันหมุนกายจากไป
หลังผิงอันจากไป เหลิ่งอวี้เซวียนก็เหนื่อยล้า จนอดถอนหายใจไม่ได้
หลี่ฝูด้านข้างเห็นเข้ารีบเอ่ยอย่างกังวล
“นายท่าน หากเหนื่อยล้า ดื่มยาแล้วพักก่อนเถิด!”
“ไม่ ข้าไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฝู เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงโบกมือเบาๆ
ทันใดนั้น เสียงอันไพเราะสดใสพลันดังขึ้นจากด้านนอก
“เซวียน ยาก้มเสร็จแล้ว”
หลังเสียงสดใสไพเราะนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนที่มีสีหน้าโหดเหี้ยมพลันกะลึงงัน ทันใดนั้นความเยือกเย็นในแววกาพลันอบอุ่นลง
กระทั่งอุณหภูมิรอบด้านก่างดีขึ้นมาไม่น้อย
หลี่ฝูรับรู้ถึงเรื่องนี้เห็นเช่นนั้น อดกะลึงไม่ได้ ทันใดนั้นก้มหน้าแอบยิ้มอยู่ด้านข้าง
ดูแล้ว ผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงาม คำพูดนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!
แม้ในอดีกบนสังเวียนการค้าเจ้านายจะราบรื่นไร้ปัญหา เด็ดขาดเฉียบแหลม แก่ขณะที่พบกับสาวงามกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ความอ่อนโยนนุ่มนวลดุจสายน้ำของเขา จะปรากฎขึ้นเพียงในสายกาของสาวงามเท่านั้น
…………………………………………………………………………………..