สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 290 การหยอกล้อของอ้าวเทียนฉี (รีไรท์)
เอวของหญิงสาว เล็กบอบบางอย่างน่าเหลือเชื่อ
และความเนียนนุ่มใต้ฝ่ามือนี้ ช่างคล้ายกับขนมสายไหม แทบละลายเข้าไปในใจของเขา
กลิ่นหอมกรุ่น แฝงด้วยกลิ่นของดอกอวี๋หลันขาวนั้น ช่างหอมหวนตราตรึงใจ
ชายหนุ่มมองซินเอ๋อร์อย่างไม่ละสายตา
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงสาวปิดตาลง แม้เธอจะปิดตาลงไม่มองภาพบัดสีบัดเถลิงตรงหน้า แต่ขนตาที่สั่นไหวไม่หยุดนั้ น กลับเผยความสับสนวุ่นวายในใจของเธอออกมา
สองแก้มแดงก่ำนั้น ช่างละมุนและงดงาม
แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจคือ ผิวขาวเกลี้ยงเกลาของหญิงสาว ที่ขนาดอยู่ในระยะประชิดก็มองไม่เห็นเส้นขนแม้แ แต่เส้นเดียว
สองแก้มแดงก่ำของหญิงสาว ทำให้เธอดูคล้ายลูกท้อที่เพิ่งสุกงอม แฝงไปด้วยกลิ่มหอมหวานที่ทำให้คนใจเต้นแรง
เห็นเช่นนั้น ดวงตาหงส์ของชายหนุ่มอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้
อาจเพราะภาพสดใสมีชีวิตชีวาตรงหน้าบาดใจเขา จึงทำให้ชายหนุ่มอดใจเต้นแรงไม่ได้
เลือดทั่วร่างกายคล้ายเดือดพล่านขึ้นมา และเกิดความร้อนระอุขึ้นมาจากส่วนลึกของเขา
คล้ายสัตว์ร้ายที่หลับใหลมาตลอด ค่อยๆ ฟื้นคืนชีพ
กระทั่งชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าสายตาตนที่มองหญิงสาวนั้นร้อนแรงมากเพียงใด
ลมหายใจค่อยๆ เปลี่ยนไปติดขัด
การเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ที่ใช้มืออุดหู ปิดตาลงแน่น รับรู้ถึงได้เช่นเดียวกัน
เพราะเธอรับรู้ถึงลมหายใจที่พ่นออกมารดบริเวณคอของเธอนั้นร้อนผ่าว เปียกชื้น ทำให้ใจของคนอดเต้นระรัวไม่ได้
อาจเพราะใกล้ชิดกับเหลิ่งอวี้เซวียนมาหลายครั้ง ซินเอ๋อร์จึงค่อยๆ รับรู้ถึงอันตรายของชายหนุ่มด้านหลัง
เธอไม่ควรใกล้ชิดกับชายหนุ่มผู้นี้อีกต่อไป!
ขณะในใจเปี่ยมล้นด้วยความกล้าหาญ ซินเอ๋อร์ที่หยุดดิ้นรนจึงเริ่มบิดตัวไปมาอีกครั้ง
“ไม่”
“ปล่อยข้าไป”
ซินเอ๋อร์ส่ายศีรษะเล็กให้หลุดจากฝ่ามือของชายหนุ่มไม่หยุด เพื่อให้สามารถส่งเสียงออกมาได้
แต่มือของชายหนุ่มที่คล้ายเหล็กกล้าอุดปากเล็กของเธอไว้แน่น จากนั้นกดศีรษะเธอลงที่หน้าอกของเขา ทำให้เธอ ดิ้นรนได้ยากขึ้น
แต่ซินเอ๋อร์ยังบิดตัวไม่หยุด และไม่รู้ว่าที่ตนทำเช่นนี้ คล้ายกำลังเล่นอยู่กับไฟ!
“แม่นาง เจ้าอย่าขยับ!”
ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างเสียงดังกว่าเมื่อครู่ แต่ภายในน้ำเสียงทุ้มต่ำ ข่มกลั้นความปรารถนาไว้หลายส่วน
น่าเสียดายที่ซินเอ๋อร์เวลานี้กำลังวิตกกังวล จึงไม่เข้าใจความหมายของเขา
เธอตอนนี้ เพียงอยากกลับไปอยู่ข้างกายเซวียน เพราะมันสามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ดังนั้น ยิ่งชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยเช่นนี้ ซินเอ๋อร์ยิ่งดิ้นรุนแรงมากขึ้น
การดิ้นรนอย่างไม่สบายใจของหญิงสาวในอ้อมกอด สำหรับชายหนุ่มถือเป็นเรื่องที่ทรมานสุดชีวิต
แม้เขาจะอายุสิบเจ็ดปีแล้ว เห็นเรื่องระหว่างชายหญิงมามากมาย แต่กลับไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดหญิงใดมาก่อน
หญิงสาวรอบกายเขา ทุกคนต่างใกล้ชิดเขาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง
คนพวกนั้นไม่เพียงให้ความสำคัญกับสถานะของเขา ยังให้ความสำคัญกับหน้าตา คนพวกนี้คือพวกเสแสร้ง
ที่เขาต้องการคือคนที่ปฎิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ
ไม่ใช่คนที่เข้าใกล้เขาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง เพราะจะทำให้เขารู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด
แต่เวลานี้เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่อ้าวเทียนเสวี่ยต้องการครอบครองหญิงสาวขึ้นมา
ด้วยการรู้จักคนมามากหน้าหลายตา เพียงมองเขาก็รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้แตกต่างกับผู้อื่น
เธอไร้เดียงสา ใสซื่อราวกับดอกอวี๋หลันขาวใสไร้รอยแปดเปื้อน แฝงไปด้วยกลิ่นหอมตราตรึงใจ
เมื่ออยู่ร่วมกับเธอ ไม่จำเป็นต้องปกปิดความรู้สึกของตนเอง ไม่ต้องใส่หน้ากาก รู้สึกสบายใจอย่างมาก!
หญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายนี้ เวลานี้กำลังดิ้นอย่างอึดอัดอยู่ในอ้อมกอดเขา ราวกับกระต่ายน้อยที่พบเจอ อกับหมาป่า จึงเปลี่ยนเป็นวิตกกังวล
เขามองดุจมีแมวน้อยน้อยตัวหนึ่งจับกุมหัวใจเขาไม่หยุด
เมื่อมองภาพร้อนแรงด้านล่างนั้นอีกครั้ง อ้าวเทียนฉีจึงพบว่าท่อนล่างของตนกลับผงาดขึ้นมา
หลังรับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกาย ชายหนุ่มทั้งเขินอายและคาดหวังในใจ
สายตาที่มองหญิงสาวด้านหน้าสับสนอย่างหนัก
สำหรับความผิดปกติของชายหนุ่มด้านหลัง ซินเอ๋อร์รู้สึกได้อย่างช้าๆ
เพราะก้นด้านหลังของเธอกำลังมีของแข็งบางอย่างแนบชิดอยู่ ทำให้เธออึดอัดอย่างมาก
และคล้ายจะคาดเดาได้ว่านั่นคือสิ่งใด ใบหน้างามจึงแดงก่ำทันที
จากนั้นซินเอ๋อร์ยิ่งพยายามดิ้นให้หลุดมากขึ้น
ปากเล็กที่ถูกชายหนุ่มปิดไว้ หลังดิ้นรนอยู่นาน สบโอกาสอ้าปากกัดลงบนมือของชายหนุ่มอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มเจ็บปวดจนอดร้องอย่างตกใจส่งเสียง ‘อา’ ออกมาไม่ได้
และเพราะเสียงของชายหนุ่ม สองคนที่แอบลักลอบมีความสัมพันธ์กันตรงพุ่มไม้พลันตกใจ
ชายหนุ่มที่กำลังควบกายอยู่บนร่างของนางกำนัล หลังได้ยินเสียงเจ็บปวดพลันยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
หยิบกระบี่ยาวขึ้นมา ก่อนมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่พวกซินเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่
หลังรู้ว่าเบาะแสของตนถูกคนพบเข้า ชายหนุ่มอดถอนหายใจ และเอ่ยกระซิบข้างหูซินเอ๋อร์ไม่ได้
“เป็นเด็กดีรอข้าอยู่ที่นี่!”
ชายหนุ่มเอ่ยจบ พลันกระโดดลงไปจากต้นไม้ทันที
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง สูงโปร่ง
เพียงกระโดดเบาๆ เขาหายตัวลงไปด้านล่างทันที
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนแรง สายลมเย็นสบาย
เห็นเพียงชายหนุ่มแต่งกายหรูหราคนหนึ่ง
ชุดคลุมสีน้ำเงินนั้น เผยรูปร่างที่กำลังเจริญเติบโตของเขาออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เอวคาดด้วยสายรัดเอวสีทองฝังอัญมณี
สวมรองเท้าปักลายเมฆมงคลสีฟ้า
เส้มผมยาวดำขลับบนศีรษะ ถูกรวบไว้ในกวนหยกสีน้ำเงินอย่างประณีต ทำให้เขาดูสูงศักดิ์ หยิ่งยโส เพียงมองก็รู้ว ว่าร่ำรวยและสูงส่ง!
องครักษ์ที่ถือดาบยาวด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นชายหนุ่มที่จู่ๆ พลันกระโดดลงมาจากด้านบนตรงหน้า และมองการแต ต่งตัวของเขาก็รู้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนธรรมดา
ทันใดนั้น หวาดหวั่นในใจ
นางกำนัลที่นอนอยู่ตรงพุ่มไม้ คล้ายรู้สึกผิดปกติเพราะเสื้อผ้ายุ่งเหยิงจากเรื่องวาบหวามเมื่อครู่ จึงสวมเสื้อผ้า าให้เรียบร้อย ก่อนรีบร้อนเดินออกมา ทันใดนั้นเสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้น ก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยขอร้อง งอย่างหวาดกลัวกังวล
“นายท่านโปรดไว้ชีวิต!”
ในวังหลวงกว้างขวางนี้ ทุกคนต่างคือเจ้านายของพวกเธอ
ชีวิตของเหล่านางกำนัลเช่นพวกเธอนี้ ในสายตาของพวกคนสูงศักดิ์ ไร้ค่าเกินกว่าที่จะเอ่ยถึง
ดังนั้น วันนี้เรื่องของพวกเธอถูกคนล่วงรู้แล้ว
และชายหนุ่มตรงหน้านี้เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยว
นางกำนัลผู้นี้อยู่ในวังหลวงที่อันตรายมานาน จึงรู้ว่าหากพบคนรับมือได้ยาก ตนมีแต่จะหายนะ ดังนั้นจึงคุกเข่า ลงทันที
กระทั่งดึงตัวองครักษ์ด้านข้างคุกเข่าลงไปด้วย
องครักษ์ผู้นั้นเป็นคนฉลาด หลังเห็นชายหนุ่มตรงหน้า มีท่าทางจริงจัง พลันหวาดหวั่นขึ้นทันที
ก่อนคำนับขอร้องต่อชายหนุ่มไม่หยุด ร่วมกับนางกำนัลด้านข้าง
สำหรับชายหญิงที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้านั้น ชายหนุ่มกลับมีสีหน้าเรียบเฉย
เพียงใช้ดวงตาหงส์คู่งามเหลือบมองสองคนบนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนดึงสายตากลับมาอย่างรังเกียจ
คล้ายหากมองพวกเขานานจะเป็นการเสียเวลา
ทันใดนั้นเอ่ยขึ้น
“หากไม่อยากให้เปิ่นหวางโมโห ไสหัวไปให้พ้นจากหน้าข้า!”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้!”
แม้ไม่รู้ถึงสถานะของชายหนุ่มผู้นี้ แต่จากคำแทนตน นางกำนัลและองครักษ์รู้สถานะของเขาอย่างชัดเจน และเกรงว่า าคือองค์ชายรัชทายาทจากแคว้นอื่นที่มาอวยพรฮ่องเต้ของเทียนหยวน
ไม่ใช่คนที่ควรยุ่งจริงๆ
โชคดีที่ผู้สูงศักดิ์ไม่สืบสาวเอาเรื่อง
พอคิดถึงตรงนี้ นางกำนัลและองครักษ์ผู้นั้นพลันโน้มตัวขอบพระคุณ ก่อนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงหมุนกายเดินมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างสบายใจ และไม่รีบร้อนพาหญิงสาวลงมา เพียงเงยหน้ามอง งหญิงสาวบนต้นไม้ช้าๆ
เพราะเขาทราบดีว่าเพียงเขานำตัวเธอลงมา เธอต้องไม่พูดจาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วดังกระต่ายแน่
ไม่ง่ายกว่าจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง เขาจึงไม่อยากปล่อยเธอไปเร็วเช่นนี้
ตรงข้ามกับชายหนุ่มที่คิดเช่นนี้ ซินเอ๋อร์กลับไม่รับรู้แม้แต่น้อย
เธอรู้เพียงชายหญิงที่แอบทำเรื่องผิดประเวณีเมื่อครู่นั้นจากไปแล้ว และเธอสามารถลงมาได้แล้ว
แม้เธอกับชายหนุ่มผู้นี้จะถือว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ก็ไม่ถือว่าสนิทสนม
รวมทั้งเมื่อครู่ชายหนุ่มกอดเธอ และกลับ…
ดังนั้นตอนนี้ซินเอ๋อร์จึงไม่รู้ควรเผชิญหน้ากับเขาเช่นไร
รู้สึกเพียงชายหนุ่มผู้นี้ เมื่อครู่ยังลวนลามเธอ
ดังนั้นสายตาที่มองชายหนุ่มจึงทั้งเขินอายและหงุดหงิด
“ท่าน ท่านรีบพาข้าลงไปเถิด!”
เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ซินเอ๋อร์อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
เพราะเธอออกมานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าเซวียนหลังรู้ว่าเธอหายตัวไป จะร้อนใจเพียงใด!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์จึงอยากลงไปให้เร็วที่สุด จากนั้นตามหาเซวียน
แต่หลังจากชายหนุ่มได้ยินคำพูดเธอ เพียงเลิกคิ้วงามคู่นั้นขึ้น ก่อนเอ่ยขึ้นท่ามกลางสายตาร้อนใจและรอคอยของซิน นเอ๋อร์
“ไม่!”
เสียงของชายหนุ่มไพเราะ ดังไข่มุกหล่นลงบนถาดแสนน่าฟัง
แต่คำพูดของเขากลับทำให้ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน
“หา ไม่หรือ!”
เขาหมายความว่าเช่นไร!
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์จึงสงสัย และเห็นสีหน้าแฝงการหยอกล้อของชายหนุ่ม พลันรู้ว่าชายหนุ่มเวลานี้ตั้งใจหยอกล้อเธอ อ ทำให้เธอทั้งโมโหและแค้นใจ
“แต่เห็นชัดว่าท่านเป็นคนพาข้าขึ้นมา ตอนนี้เหตุใดไม่พาข้าลงไป ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้!”
“ฮ่า ๆ ข้าชื่นชอบเช่นนี้ ไม่ได้หรือ หากมีความสามารถ เจ้าก็ลงมาเองเถิด!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงชายหนุ่มแฝงไปด้วยความซุกซนและถือดีหลายส่วน
แต่หลังซินเอ๋อร์ได้ยิน โมโหจนแทบเสียสติ
คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ริมฝีปากแดงเผยออก แต่กลับไม่รู้ควรพูดสิ่งใด