สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 293 น้ำใจของอ้าวเทียนฉี (รีไรท์)
ถูกต้อง เขายอมรับว่าเขารักหญิงสาวผู้นี้!
ตั้งแต่ครั้งแรกที่แสดงระบำห่านขาว ถูกความงดงามสดใส ความไร้เดียงสา ใจดีของเธอดึงดูดไป
เพราะคนรอบกายในชีวิตเขาต่างมีแผนการในใจ คือพวกแฝงไปด้วยแผนการ หากไม่ระแวงผู้อื่น ถึงเวลานั้นตนตายเช่นไร ไ ไม่อาจรู้สาเหตุ!
ทุกวันเอาแต่คิดแผนการ เขาก็เหนื่อยล้า
โดยเฉพาะครั้งนี้กลับไป หลังกำจัดพวกที่คุกคามตน เขาเหนื่อยล้าพอแล้ว
จึงต้องการพักผ่อนอย่างสบายใจสักระยะ
และมีคนที่ตนรักอยู่ด้วยกัน
เพียงนึกถึงตรงนี้ สายตาที่ชายหนุ่มมองซินเอ๋อร์อ่อนโยนหลายส่วน
หวังว่าคนที่สามารถอยู่ข้างกายของเขาได้ก็คือเธอ
ขณะชายหนุ่มคิดในใจ อาจเพราะสายตาร้อนแรงที่ชายหนุ่มจับจ้องตนนั้น ซินเอ๋อร์จึงอึดอัดในใจ ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น ใช้สายตาเปี่ยมด้วยความสงสัยแปลกใจ มองดวงตาหงส์คู่งามของชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“เป็นอันใดหรือ!”
“เอ่อ”
เมื่อเห็นหญิงสาวพลันเงยหน้า และมองตนด้วยสายตาสงสัย ชายหนุ่มมีสีหน้าขวยเขิน
ทว่าเขายังได้สติอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“โอ้ จริงสิ เหตุใดเจ้าจึงมาปรากฎตัวในวังหลวงได้ เจ้าคือคุณหนูสกุลใดหรือ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน ทันใดนั้นส่ายหน้าอย่างเขินอาย ก่อนเอ่ยว่า
“ข้าไม่ใช่คุณหนูสกุลใด ข้าเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น”
“สาวใช้หรือ!”
หลังได้ยินคำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มตกตะลึง
สายตากลับมามองหญิงสาวตรงหน้านี้อีกครั้ง
เพราะหญิงสาวคล้ายไม่ได้โกหก แต่หากเธอเป็นเพียงสาวใช้ ตีให้ตายเขาล้วนไม่เชื่อ
เพราะสิ่งที่หญิงสาวสวมบนกาย
ชุดฝ่ายในสีขาวผ่องนี้ เพียงมองก็รู้ว่าใช้เส้นไหมชั้นดีตัดเย็บออกมาอย่างประณีต
และปิ่นหยกขาวบนศีรษะ ราคาไม่เบา
ชายหนุ่มสงสัยในใจ แต่เมื่อหญิงสาวเอ่ยเช่นนี้ เขาเชื่อในคำพูดของเธอ
เพราะหญิงสาวผู้นี้ คือสตรีที่ไร้เดียงสาที่สุด ตั้งแต่เขารู้จักมา
และเธอมีสถานะเช่นไรกันแน่ เขาไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว
เขาสนใจคือตอนนี้เธอมีคนรักแล้วหรือไม่
ทว่าเมื่อเห็นทรงผมบนศีรษะของหญิงสาว อ้าวเทียนฉีรู้สึกวางใจ
แคว้นเทียนหยวน ทุกคนที่แต่งงานแล้ว จะเกล้าผมทั้งหมดขึ้น
แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงเป็นยืนยันว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนฉีรู้สึกดีใจ
และเขาเชื่อว่าด้วยสถานะของตน หากต้องการเธอกลับไปเป็นพระชายาของตน แม้ฮ่องเต้เทียนหยวน ต้องไม่คัดค้านแน่
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนฉีเบิกบานใจ จนแทบอยากกอดหญิงสาวข้างกายขึ้นมา
แต่เขารู้ดีว่า หากเขาทำเช่นนั้นในตอนนี้ มีเพียงทำให้เธอตกใจเท่านั้น
เพราะเธอดูไร้ความกล้าหาญ
คล้ายกระต่ายน้อยขี้ตกใจตัวหนึ่ง
ฮ่า ๆ มิน่าเขาจึงชื่นชอบกระต่ายน้อยน่ารัก ไร้เดียงสาตัวนี้
อ้าวเทียนฉีคิดในใจ ก่อนรอยยิ้มที่มุมปากจะกว้างขึ้น
ร่างกายขยับชิดหญิงสาวมากขึ้น ก่อนได้กลิ่นดอกอวี๋หลันขาวที่เป็นเอกลักษณ์บนกายของเธอ
แต่อาจเพราะการกระทำนี้ของเขา ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจ เธอจึงพลันเอ่ยถามขึ้น
“ท่านเป็นอันใดหรือ!”
“แค่กๆ ข้าเจ็บหน้าอก”
ก่อนเห็นซินเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองบางสิ่ง อ้าวเทียนฉีที่กำลังลุ่มหลงกลิ่นกายของหญิงสาวด้วยใบหน้าภูมิใจ พลันเปล ลี่ยนไปเป็นเจ็บปวดทันที
เปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วราวกับการเปลี่ยนหน้างิ้วเสฉวนเสียจริง!
แต่ซินเอ๋อร์ไม่คิดมาก เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของอ้าวเทียนฉี จึงตกใจ ก่อนเร่งเดินไปด้านหน้าให้เร็วขึ้น พร้อมเ เอ่ยว่า
“ท่านอดทนก่อน พวกเราใกล้จะถึงแล้ว”
“อืม”
เมื่อเห็นท่าทางตกใจและร้อนรนของซินเอ๋อร์ อ้าวเทียนฉีแม้ในใจจะตำหนิตนเอง แต่กลับยิ่งมีความสุขกับการที่ซินเอ๋ อร์ห่วงใยตน
ใบหน้าหล่อเหลานั้น ซบลงบนเส้นผมของหญิงสาว ก่อนสูดกลิ่นกายของหญิงสาวอย่างตั้งใจ
ตอนนี้เขาเพิ่งพบว่าหญิงสาวแตกต่างจากสตรีอื่นจริงๆ
บนกายหญิงอื่น มักแฝงด้วยกลิ่มน้ำหอมที่หอมฟุ้งแต่แสบจมูก ทำให้คนที่ได้กลิ่นอดถอยห่างไม่ได้
แต่บนกายหญิงสาว เขาเพียงดมได้กลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันขาว และกลิ่นหอมอบอวลที่ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด
กลิ่นนี้หอมยิ่งนัก ทำให้เขาอดลุ่มหลง จนมิอาจถอนตัวได้
แต่เวลานี้ หญิงสาวที่เดินตรงไปด้านหน้าตลอดเวลา กลับหยุดชะงัก กระทั่งฝีเท้าหยุดลง
ใบหน้าหล่อเหลาจึงอดเงยขึ้นจากซอกคอหญิงสาวไม่ได้
ดวงตาหงส์มองสีหน้าหญิงสาวอย่างสงสัย เห็นเพียงหญิงสาวมีแววตาแปลกใจ ทันใดนั้นเปี่ยมด้วยความตื่นเต้นดีใจ คล้ายเ เห็นบางคนที่เธอรัก
เห็นเช่นนั้น แววตาสงสัยของชายหนุ่ม อดมองตามหญิงสาวไปไม่ได้ หลังเห็นสองคนด้านหน้า ดวงตาหงส์ตะลึงงัน และทันใด ดนั้นอดหรี่ลงไม่ได้
เห็นชัดว่าสองคนทางด้านนั้นเห็นพวกเขา ทันใดนั้นต่างเดินตรงเข้ามาทางด้านนี้
เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตานั้น ซินเอ๋อร์ดีใจในใจ ใหน้าปรากฎรอยยิ้มกว้างขึ้นมา
รอยยิ้มนั้น สดใส สวยงาม งามสง่าโดดเด่น
แต่ในสายตาของอ้าวเทียนฉี กลับรู้สึกบาดตาบางส่วน
“เซวียน!”
“ซินเอ๋อร์!”
ซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
หลังเห็นชายหนุ่มด้านหน้า หัวใจเต็มไปด้วยความสุข และวางใจอย่างไม่ปิดบัง
ส่วนชายหนุ่มหลังเห็นซินเอ๋อร์ปลอดภัย หัวใจที่หวาดหวั่นพลันสงบลง
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มที่แทบกดทับอยู่บนตัวซินเอ๋อร์ ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับไม่แสดงสีหน้าใดออกมา
เพียงเอ่ยให้ขันทีด้านหลังเดินเข้ามา
“ไม่จำเป็น”
เห็นเช่นนั้น อ้าวเทียนฉีเอ่ยปากขึ้น ก่อนพลันค่อยๆ ผละจากการประคองของซินเอ๋อร์ และยืนขึ้นด้วยตนเอง
แม้เขาจะยืนเช่นนี้ คล้ายเห็นถึงบาดแผลบนเท้าของเขา แต่เขายืนได้อย่างมั่นคง ไม่หกล้มลงไป
ซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ทั้งดีใจที่ในที่สุดพบกับเซวียน และกังวลชายหนุ่มข้างกาย
เพราะบาดแผลบนกายเขา เป็นเพราะเธอ!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ กลับไม่รู้ตัวว่าเหลิ่งอวี้เซวียนที่ยืนอยู่หน้าเธอ เมื่อเห็นเธอมองชายหนุ่มด้วยสายตากังว วลใจ คิ้วงามนั้นอดขมวดขึ้นไม่ได้
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนชำนาญในการปิดบังความในใจได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงมองไม่เห็นถึงความไม่พอใจบนใบหน้าของเขา าแม้แต่นิดเดียว
เหลิ่งอวี้เซวียนยังไม่ทันเอ่ยถามว่าพวกเขาสองคนเกิดเรื่องใดขึ้น
ร่างงดงามด้านข้างอีกคน ดุจผีเสื้อบินโผเข้ามาข้างกายชายหนุ่ม และเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า
“พี่สาม ท่านเป็นอันใดหรือ เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ เหตุใดตอนนี้ท่านจึงบาดเจ็บ!”
หลังได้ยินคำของหญิงสาว ซินเอ๋อร์หลังเห็นหน้าตาของหญิงสาว พลันตะลึงงัน
เพราะหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใด แต่คืออ้าวเทียนเสวี่ยที่หนึ่งเดือนก่อน ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนขับไล่ออกจากวัง
แม้อ้าวเทียนเสวี่ยในตอนนี้ จะแตกต่างกับครั้งแรกที่พบหน้าราวฟ้ากับดิน
สวมชุดฝ่ายในสีแดงกุหลาบคุ้มกาย เปิดเผยรูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งนั้นของเธอออกมาจนหมด
เส้นผมนุ่มลื่นดังเส้นไหม เกล้าขึ้นอย่างประณีต ตรงกลางปักด้วยปิ่นสวยงามมากมาย ทำให้หญิงสาวยิ่งงดงามน่าเกรง งขาม
ใบหน้างดงามนั้น หลังผ่านการประทินโฉมยิ่งอ่อนช้อยเย้ายวน น่าหลงใหลลุ่มหลง!
เมื่อเห็นอ้าวเทียนเสวี่ย ซินเอ๋อร์พลันตะลึงงัน
และเมื่อเห็นอ้าวเทียนเสวี่ยห่วงใยชายหนุ่มเช่นนี้ และได้ยินเธอเรียกชายหนุ่มว่าพี่สาม ซินเอ๋อร์มั่นใจบางส่วน
เมื่อครู่เธอได้ยินคำแทนตัวของชายหนุ่ม รู้ว่าเขามีสถานะไม่ธรรมดา
กลับคิดไม่ถึง ชายหนุ่มเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นฉี
และเมื่อคิดว่าองค์ชายสามผู้สง่างามแห่งแคว้นฉี กลับเสียสละปกป้องเธอที่มีสถานะเป็นเพียงสาวใช้ ทำให้ซินเอ๋อร์ ตกใจอย่างคาดไม่ถึง
ดังนั้น ซินเอ๋อร์พลันเอ่ยกับอ้าวเทียนเสวี่ยด้วยสีหน้ากังวล
“เทียนเสวี่ย ไม่ใช่…” พลันพลั้งปาก ซินเอ๋อร์จึงชะงักรีบเอ่ยแก้ไขทันที
“องค์หญิงสี่ เป็นเพราะข้าไม่ระวัง องค์ชายสามเพราะปกป้องข้า จึงทรงได้รับบาดเจ็บ”
“อะไรนะ เป็นเจ้า นางหญิงต่ำช้า!”
หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ อ้าวเทียนเสวี่ยหันหน้ามองไป เมื่อเห็นคนด้านข้างชัดเจน คือคนที่ทำให้เธอเกลียดเข้ ากระดูก ใบหน้าประทินโฉมอย่างประณีตจนอ่อนช้อยงดงามนั้น เต็มไปด้วยความความโมโห ทำให้เธอดูร้ายกาจหลายส่วน
ก่อนกรีดร้องขึ้น
เพียงอ้าวเทียนเสวี่ยเอ่ยปาก ชายหนุ่มสองคนตรงนั้นอดสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้
คนที่เอ่ยขึ้นก่อนคือ อ้าวเทียนฉี
เห็นเพียงอ้าวเทียนฉีหลังเห็นน้องสาวตนพูดจาร้ายกาจดูถูกกับซินเอ๋อร์เช่นนี้ คิ้วงามอดขมวดมุ่นไม่ได้ ก่อนเอ่ย ยตำหนิอ้าวเทียนเสวี่ย
“เทียนเสวี่ย เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้ นี่คือมารยาทที่องค์หญิงสี่ผู้สง่างามควรมีหรือ!”
“พี่สาม เหตุใดต้องดุข้าด้วย ข้ามิใช่เป็นห่วงท่านหรือ ท่านมีร่างกายที่ล้ำค่า เหตุใดต้องเจ็บตัวเพื่อหญิงชั้นต ต่ำผู้นี้ด้วยล่ะ”
อ้าวเทียนเสวี่ยถูกอ้าวเทียนฉีตำหนี จึงพลันรู้สึกน้อยใจ
เพราะพี่สี่รักใคร่เอ็นดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยดุด่าเธอเลยสักครั้ง
แต่ตอนนี้เพื่อหญิงชั้นต่ำผู้นี้ กลับเอ่ยตำหนิเธอเป็นครั้งแรก
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยน้อยใจและโมโห สำหรับซินเอ๋อร์ยิ่งเกลียดชังมากขึ้น
สายตาที่มองซินเอ๋อร์นั้น แฝงไปด้วยความโมโหและเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง
คล้ายงูพิษกำลังขู่คำรามต่อซินเอ๋อร์ ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจยามเห็น จนอดถอยหลังไม่ได้
แต่เวลานี้ร่างสูงใหญ่อดขยับเข้ามาด้านหน้าซินเอ๋อร์ เพื่อบดบังเธอจากสายตาเกลียดชังนั้น
และคนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ใด คือเหลิ่งอวี้เซวียน!
เมื่อเห็นท่าทางปกป้องซินเอ๋อร์ของเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนเสวี่ยไม่สบอารมณ์ แต่ด้านหน้านี้คือชายหนุ่มที่ตน ชื่นชอบ