สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 294 การพบหน้าชายหญิงสองคู่ (รีไรท์)
ดังนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยเพียงแค่นเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง ก่อนดึงสายตาตนกลับมา
ทันใดนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงหันมาเอ่ยถามซินเอ๋อร์
“เมื่อครู่เจ้าไปที่ใดมา ข้าตามหาเจ้าอยู่นานเชียว”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน และสายตาที่มองซินเอ๋อร์ละมุนดุจสายน้ำ
แม้คนตาบอดก็มองออกถึงความรักที่เขามีต่อซินเอ๋อร์
อ้าวเทียนฉีด้านข้างเห็นเข้าสีหน้าพลันเปลี่ยนไป
ซินเอ๋อร์มองไม่เห็นสีหน้าของอ้าวเทียนฉีและอ้าวเทียนเสวี่ย หลังได้ยินคำพูดเหลิ่งอวี้เซวียนเธอเอ่ยอธิบายขึ้น
“ขออภัย เซวียน ทำให้ท่านต้องกังวล”
เห็นท่าทางกังวล ห่วงใยของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์รีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดไม่ได้
ใบหน้าเล็กขาวผ่องนั้น คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ดวงตาวาววับดูน่าเห็นใจ ทำให้คนมองสงสาร
เหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะโมโหอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางของคนตัวเล็ก ความโมโหเวลานี้ต่างพลันสลายไป
เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดยื่นมือใหญ่ลูบศีรษะเล็กของเธออย่างเบามือไม่ได้ ก่อน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ใจคนรู้สึกอบอุ่นออกมา
“เด็กโง่ ข้าไม่ได้อยากได้ยินคำขออภัยของเจ้า เพียงเจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว”
“อืม”
หลังได้ยินคำนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์อดพยักหน้าและอบอุ่นในใจไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก
หัวใจที่เคยหวาดหวั่น ในที่สุดสงบลง
สวรรค์ทราบดีว่าเมื่อครู่หลังรู้ว่าเธอหายตัวไป ในใจเขาหวาดกลัวเพียงใด
แม้ที่นี่จะคือวังหลวง แต่ภายในวังหลวงโอ่อ่าตระการตา เต็มไปด้วยเรื่องที่ผู้คนไม่รู้มากมาย
ที่นี่ชีวิตคน ไร้ค่าดังต้นหญ้า
เขากลัวซินเอ๋อร์จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
โชคดีตอนนี้เธอปลอดภัย
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนโล่งใจ ยื่นมือใหญ่ออกไป โดยไม่สนใจว่าที่นี่ยังมีผู้อื่น ดึงมือเล็กเรียวงามดั งหยกขาวของซินเอ๋อร์ขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน และเมื่อเห็นรอบๆ ยังมีผู้คน จึงคิดชักมือตนกลับมา
แต่มือของชายหนุ่มที่ภายนอกดูนุ่มนวล กลับทรงพลังดังเหล็กกล้า กุมมือเล็กของเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนทำเช่นนี้ ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ก่อนพลันอดมองหน้าเขาไม่ได้
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น อดยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับซินเอ๋อร์ไม่ได้
“พวกเรากลับกันเถิด!”
“เอ๊ะ คือว่า จริงสิ เซวียน เมื่อครู่องค์ชายสามบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา ก่อนพลันเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนชะงัก รีบสั่งขันทีด้านหลังไปเชิญหมอหลวง
ขันทีรับคำสั่ง รีบหมุนกายจากไป
ทันใดนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนหันไปเอ่ยกับอ้าวเทียนฉีว่า
“ขอบพระทัยองค์ชายสามที่ช่วยเหลือซินเอ๋อร์ ต่อไปหากองค์ชายมีเรื่องใดต้องการความช่วยเหลือ เพียงทรงรับสั่ง”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขอบคุณ แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบอย่างยิ่ง
อ้าวเทียนฉีได้ยิน สายตาที่มองเหลิ่งอวี้เซวียนเย็นชา ราบเรียบ ดึงสายตากลับมามองไปที่ใบหน้าของซินเอ๋อร์ ไม่รู้ ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ช่วยเหลือเธอ คือความยินยอมพร้อมใจของข้า”
อ้าวเทียนฉีเอ่ยขึ้น ภายในน้ำเสียงแฝงความหนักแน่นและมั่นใจ
น่าเสียดายซินเอ๋อร์กลับไม่เข้าใจ
ขณะได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนฉี อดเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจไม่ได้
“องค์ชายสาม ขอบพระทัย”
“ฮ่า ๆ ข้าช่วยเหลือเจ้า ไม่ได้เพียงเอ่ยขอบคุณแล้วจะจบ”
หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ อ้าวเทียนฉีอดยิ้มกว้างไม่ได้
รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยการหยอกล้อและมีเลศนัยหลายส่วน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงงัน ก่อนอดกระพริบตาคู่งามชั่วขณะ ก่อนเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เช่นนั้นองค์ชายสามต้องการให้ข้าตอบแทนเช่นใด!”
เมื่อเขาช่วยเหลือเธอ หากเขามีคำขอร้องใด ถือว่าสมเหตุสมผล ซินเอ๋อร์จึงไม่รู้สึกลำบากใจ
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าอ้าวเทียนฉีกำลังรอประโยคนี้ของเธออยู่
หลังได้ยิน อ้าวเทียนฉีอดยิ้มกว้าง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“ตอนนี้ข้ายังนึกไม่ออก รอข้านึกได้แล้ว จะบอกเจ้าอีกครั้ง”
หลังเอ่ยจบ สายตาของอ้าวเทียนฉีเหลือบมองไปที่เหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนเผยสีหน้าหยิ่งยโสและทะนงตนหลายส่วนออกมา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้
เพราะสัญชาตญานของบุรุษ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ชื่นชอบซินเอ๋อร์!
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จะเป็นเช่นไร!
ซินเอ๋อร์เป็นของเขา ไม่ว่าผู้ใด อย่าแม้แต่จะคิดแย่งชิงเธอไป!
…
หลังจากนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนดึงมือซินเอ๋อร์ขึ้น พร้อมเอ่ยลาพวกอ้าวเทียนฉี
อ้าวเทียนฉีเพราะร่างกายบาดเจ็บ จึงกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักของตน
เหลิ่งอวี้เซวียนพาซินเอ๋อร์กลับมายังตำหนักเฟยหลง แต่ระหว่างทางกลับไม่รู้กำลังคิดสิ่งใด เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูด ดจา
เวลานี้ซินเอ๋อร์รู้สึกว่าเหลิ่งอวี้เซวียนมีเรื่องในใจ ดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“เซวียน ท่านกำลังคิดสิ่งใดหรือ!”
หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดหันไปสบตาเธอไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ ต่อไปพบปะกับองค์ชายสามให้น้อยลง”
“เอ่อ เพราะเหตุใด!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์อดเอ่ยถามอย่างแปลกใจไม่ได้
แม้เธอจะรู้สึกว่าความจริงเธอและองค์ชายสามต่างคือเส้นขนานสองเส้นที่ไม่มีทางบรรจบกัน วันหน้าเธอจะไปมาหาสู่กั บเขาได้เช่นไร
แต่เซวียนคล้ายใส่ใจอย่างมาก จึงทำให้ซินเอ๋อร์อดแปลกใจไม่ได้
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ กลับคิดว่าเธอสนใจองค์ชายสาม คิ้วงามนั้นอดขมวดเล็กน้อยไม่ได้ ก่อนเอ อ่ยถามขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าองค์ชายสามเป็นคนเช่นไร!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์แม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงเอ่ยถามเช่นนี้ แต่ยังเอ่ยพูดตามความจริงออกไป
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ เพราะข้าไม่ได้สนิทสนมกับเขา ทว่ารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ดีอย่างยิ่ง”
เพียงนึกถึง ขณะตนตกลงจากต้นไม่ องค์ชายสามใช้ร่างกายตนเป็นเบาะรองให้แก่เธอ ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกดีกับองค์ชาย ยสามผู้นี้
เพราะเขามีร่างกายที่ล้ำค่า เป็นองค์ชายสามผู้สง่างาม กลับไม่สนใจตนเอง เข้าช่วยเหลือเธอ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาน นับว่าไม่เลว!
ซินเอ๋อร์คิดในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าหลังตนเอ่ยคำนี้จบ เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่หลังเวทีการแสดง เห็นสายตาชายหนุ่มผู้นั้นมองซินเอ๋อร์ เขารู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้สนใจซิ นเอ๋อร์
ทว่านี่ก็ไม่แปลก เพราะซินเอ๋อร์ของเขารูปโฉมน่ามอง ละมุนละไมอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนี้
รูปโฉมงามล่มเมือง และความไร้เดียงสานั้น ทำให้คนสงสารจากก้นบึ้งหัวใจ และมักดึงดูดความสงสารเห็นใจของผู้คน จน ต้องมอบสิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกให้แก่เธอ ก่อนจะปกป้องเธอ
ทว่าสำหรับผู้อื่นที่กล้าปรารถนาในตัวซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา
เพราะเขามั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน
แต่องค์ชายสามผู้นี้
เขามีสถานะสูงส่ง และฉีคือหนึ่งแคว้นใหญ่ที่เทียบเท่ากับเทียนหยวนแคว้นหนึ่ง
และจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ฮ่องเต้ของแคว้นฉีมีพระชนมพรรษามากแล้ว แม้เขาจะมีพระโอรสสิบกว่าคน แต่ส่วนใหญ่ต่างไม่เอาไหน
นอกจากองค์ชายใหญ่ ที่มีพระมารดาจากตระกูลยิ่งใหญ่ และองค์ชายสามผู้นี้
องค์ชายสามแคว้นฉี แม้จะไร้พระมารดาตั้งแต่เด็ก แต่กลับเฉลียวฉลาด ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้แคว้นฉีอย่างที่สุด ด
รวมทั้งสองเดือนก่อน แคว้นฉีเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น คือจู่ๆ องค์ชายใหญ่เกิดเสียสติ แต่เรื่องภายในน้อยคนนักท ที่จะรู้
แต่จากข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ของเขา องค์ชายใหญ่จู่ๆ พลันเสียสติ ต้องเกี่ยวข้องกับองค์ชายสามผู้นี้
ตอนนี้องค์ชายสองคนที่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรมากที่สุดในแคว้นฉี คนหนึ่งไร้ประโยชน์ไปแล้ว เหลือเพียงองค ค์ชายสามผู้นี้ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้ขึ้นครองราชย์
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเกิดกังวลใจ
แม้ด้วยความสามารถขององค์ชายสามในตอนนี้ หากต้องการแย่งชิงสตรีของเขา นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ในใจเขาคล้ายมีความกังวล
คล้ายมีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
สำหรับความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนหวาดหวั่นใจ
เพราะครั้งก่อน เขาเคยรู้สึกเช่นนี้ จากนั้นซินเอ๋อร์ถูกขังอยู่กลางกองเพลิง จนแทบถูกเผาอยู่ในนั้น
ครั้งนี้ ในใจเขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมา และคล้ายเขาต้องสูญเสียซินเอ๋อร์ไป
เพียงนึกถึงต้องสูญเสียซินเอ๋อร์ไป ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนปวดหนึบอย่างรุนแรงชั่วขณะ!
คล้ายมีคนใช้มีดจ้วงแทงลงบนหน้าอกเขา ก่อนควักหัวใจเข้ามา
หลังรู้สึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเหลิ่งอวี้เซวียนพลันยับยู่ ก่อนใช้มือกุมหัวใจคล้ายเจ็บปวดของตนไว้แน่น
ฝีเท้าอดหยุดลงไม่ได้
หลังรับรู้ถึงความผิดปกติของเหลิ่งอวี้เซวียน บนใบหน้าซินเอ๋อร์อดเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนใจไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามอ อย่างตกใจ
“เซวียน ท่านเป็นอันใด เหตุใดหน้าซีดเช่นนี้ ท่านไม่สบายหรือ!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างกังวล ดวงตาคู่นั้นเอ่อคลอด้วยน้ำตา
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ร้อนรนจนกลายเป็นเช่นนี้ ในใจของเหลิ่งอวี้เซวียนอดอบอุ่นไม่ได้
เพราะบนโลกนี้ นอกจากครอบครัวของตน มีเพียงซินเอ๋อร์ที่ห่วงใยเขาที่สุด
ดังนั้น ซินเอ๋อร์เป็นของเขา เขาจะไม่ให้เธอจากเขาไปเด็ดขาด
และผู้ใดไม่สามารถแย่งซินเอ๋อร์ไปได้!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันยืดแขนโอบร่างเล็กของซินเอ๋อร์เข้ามาในอ้อมกอดตน
ก่อนออกแรง คล้ายต้องการยัดซินเอ๋อร์เข้าไปในร่างกายตน
ซินเอ๋อร์เจ็บปวด แต่เธอกลับไม่กล้าตกใจ เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มกอดรัดเธออย่างรุนแรง
เพราะไม่รู้เหตุใด เธอพลันรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้า เวลานี้กำลังหวาดกลัวอย่างมาก
คล้ายกลัวจะสูญเสียเธอไป
หลังรู้สึกถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ผ่อนคลายลง ปล่อยให้ชายหนุ่มกอดตนแน่น
สองมือของตน ก็ค่อยๆ ลูบบนแผ่นหลังหนาของชายหนุ่ม ก่อนโอบกอดเขา
ทันใดนั้นได้ยินเสียงทุ้มต่ำแฝงความกดดันกังวลของชายหนุ่มดังขึ้น
“ซินเอ๋อร์ ชั่วชีวิตนี้เจ้าจะไม่ไปจากข้า รับปากข้าได้หรือไม่!”
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์มีสีหน้าอ่อนโยนลง ก่อนพยักหน้าและเอ่ยขึ้น
“อืม เซวียน ข้ารับปากท่าน ชั่วชีวิตนี้จะไม่แยกจากท่าน”
น้ำเสียงของซินเอ๋อร์แผ่วเบา แต่ภายในน้ำเสียงกลับแฝงด้วยความหนักแน่นอย่างที่อธิบายไม่ได้
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน หัวใจที่กังวลหวาดกลัว จึงค่อยๆ สงบลง
แต่ขอให้ความไม่สบายใจ กังวลในใจของเขานี้ คือสิ่งที่เขาคิดมากไปเอง
ขอเพียง…