สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 296 คู่หมั้น (รีไรท์)
เด็กน้อยห้าคนนี้ ทุกคนต่างถือกำเนิดมาจากเธอ แต่นิสัยใจคอกลับแตกต่างกัน
คนโตดูเป็นผู้ใหญ่มั่นคง ประสบความสำเร็จในเรื่องงาน แต่กลับเก็บตัว
คนที่สองเข้มแข็งซื่อสัตย์ ลุ่มหลงในวรยุทธ์การต่อสู้ เพียงมองหลังเติบใหญ่ ต้องชื่นชอบพวกการทหารแน่นอน
คนที่สามยังดี ชื่นชอบการอ่าน บางเวลาถึงขั้นลืมกินลืมนอน เพราะหนังสือดีเล่มหนึ่ง
คนที่สี่ ทำให้เล่อเหยาเหยาปวดสีรษะที่สุด
เห็นชัดว่าคือเด็กชายอายุเก้าขวบ แต่กลับมีรูปโฉมดังสตรี กระทั่งนิสัยยังนุ่มนิ่มคล้ายคลึงกับสตรี
ขณะที่เด็กน้อยวัยเดียวกัน เล่นกัดจิ้งหรีด เล่นลูกขนนกอยู่ด้านนอก เขากลับนั่งรับลมเย็นอยู่ใต้ต้นไม้
เมื่อถามเขาเหตุใดจึงไม่ออกไปเล่นกับเด็กพวกนั้น เขาจะตอบว่ากลัวร้อน กลัวเหงื่อไหล
ดังนั้น เล่อเหยาเหยากังวลอยู่เสมอว่า หากบุตรคนที่สี่เติบใหญ่ จะมีรสนิยมที่แปลกประหลาด เช่นชื่นชอบเพศเดียวกัน
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เผชิญกับดวงตางดงามเช่นเดียวกับเธอของบุตรคนที่สี่ ส่ายหน้าอย่างปวดศีรษะ จากนั้นบุ้ยปากไปที่บิดาของเขา
บุตรคนที่สี่เห็นเช่นนั้น เข้าใจความหมายของมารดา แต่กลับไม่ตรงไปทางบิดาของตน
เพราะเขาไม่ใช่ไม่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบิดาของตน
ทุกครั้งที่พวกเขาอยู่กับมารดา ใบหน้าของบิดามักเคร่งเครียด คล้ายพวกเขาแย่งชิงมารดาไป นั่นน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
ดังนั้น บุตรคนที่สี่เมื่อเห็นการชี้แนะของมารดา ยิ่งมีแววตาน่าสงสารมากขึ้น
สุดท้ายสายตาหมุนไปที่ซินเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ใบหน้าเล็กตะลึงงันเล็กน้อย ทันใดนั้นกระพริบตาอย่างแปลกใจ ก่อนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจขึ้น
“เสด็จแม่ พี่สาวงดงามผู้นี้คือผู้ใด!”
หลังได้ยินคำพูดของบุตรคนที่สี่ เล่อเหยาเหยาอดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้
“ฮ่า ๆ นี่คือภรรยาในอนาคตของพี่ใหญ่เจ้า!”
หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา บุตรคนที่สี่มีสีหน้าตะลึงงัน แต่ซินเอ๋อร์กลับเขินอาย และได้ยินบุตรคนที่สี่เอ่ยขึ้นว่า
“เสด็จแม่ ภรรยาคือสิ่งใด ทานได้หรือไม่!”
“ฮ่าๆ”
หลังได้ยิน ทุกคนรอบด้านต่างถูกคำพูดของเด็กเช่นเขาทำให้หัวเราะออกมา
ทันใดนั้น ภายในศาลาสนุกสนาน
…
ภายในศาลาว่านเชียนทุกคนหัวเราะสนุกสนานอยู่นาน เมื่อเห็นเวลาไม่น้อยแล้ว ทุกคนจึงต่างเคลื่อนไปที่ตำหนักเฟยหลง
วันประสูติของฮ่องเต้เทียนหยวน จัดการเฉลิมฉลองทั่วแคว้น ภายในวังหลวง ประดับประดาด้วยโคมไฟสวยงาม คึกคักอย่างยิ่ง
และเหล่าขุนนางแขกเหรื่อ แน่นขนัดภายในตำหนักเฟยหลง
หลังพวกซินเอ๋อร์นั่งลง เสียงแหลมคมลากยาวดังขึ้น
“ฮ่องเต้เสด็จ!”
หลังเสียงสูงนั้น ตำหนักเฟยหลงที่คึกคักพลันเงียบงันอย่างรวดเร็ว
คล้ายเสียงเข็มตกลงบนพื้นยังสามารถได้ยิน
ทันใดนั้น ทุกคนต่างคุกเข่าลง
ซินเอ๋อร์ก็เช่นกัน
คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเหลิ่งอวี้เซวียนด้านหลัง จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า แต่แฝงความน่าเกรงขามดังขึ้น
“ลุกขึ้นเถิด”
หลังคำนี้ ทุกคนต่างยืนขึ้น
เมื่อนั่งลงบนตำแหน่ง ซินเอ๋อร์แปลกใจ อดกังวลใจไม่ได้ ก่อนมองไปที่ร่างเหลืองอร่ามบนเวทีสูงนั้น
เห็นเพียงบนบัลลังก์มังกรมีชายหนุ่มนั่งอยู่ สวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองทอง ทำให้เขาดูน่าเกรงขามสูงส่งอย่างไร้ขีดจำกัด
ทุกท่วงท่าเผยความดุดันที่ผู้นำเท่านั้นที่จะมีออกมา
สมกับเป็นฮ่องเต้แห่งเทียนหยวน และโอรสสวรรค์จริงๆ
ซินเอ๋อร์สำรวจในใจ ฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกร และกล่าวเปิดงานว่าให้ทุกคนทำตัวตามสบาย
แม้จะพูดเช่นนี้ ทุกคนรอบด้านยังไม่ได้สรวลเฮฮาอย่างผ่อนคลายเช่นเมื่อครู่
ต่อมาเหล่าขุนนางและราชทูตเข้ามาถวายของขวัญและกล่าวคำอวยพร
ฮ่องเต้ได้ยิน พระพักตร์มีความสุข และมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา
เวลานี้ซินเอ๋อร์พลางทานอาหารโอชะบนโต๊ะ แต่กลับคล้ายรู้สึกตนถูกจับจ้อง
เมื่อรู้สึกซินเอ๋อร์พลันตกใจ ทันใดนั้นมองตามสายตานั้นไป ก่อนสบเข้ากับดวงตาหงส์แคบยาวสวยงามคู่นั้นของชายหนุ่ม
เห็นเพียงชายหนุ่มเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมผ้าไหมตัวหนึ่ง
ชุดสีม่วงหรูหราห่อหุ้มกาย ปักลายเมฆมงคลนั้น ทำให้ชายหนุ่มดูสูงส่งยิ่งขึ้น
คืออ้าวเทียนฉี!
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดยิ้มอย่างเป็นมิตรให้อ้าวเทียนฉีไม่ได้
เพราะเมื่อครู่เขามีบุญคุณแก่เธอ จะพูดเช่นไรต่างคือผู้มีพระคุณของเธอ หากไม่ใช่เขา เธอคงตกจากต้นไม้จนพิการหรือเสียชีวิต
ไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะหายดีหรือยัง
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดอ้าปาก แต่กลับไม่รู้ควรเอ่ยถามเช่นไร เพราะระยะห่างนั้นไกลพอสมควร หากไม่ตะโกน ชายหนุ่มคงไม่ได้ยินคำพูดของเธอ
ทว่าเธอไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน และเธอไม่ได้เสียสติ
แม้ซินเอ๋อร์จะไม่เอ่ยพูด แต่จากสีหน้าของเธอ ชายหนุ่มคล้ายพยาธิในท้องของเธอ ล่วงรู้ความในใจของเธออย่างง่ายดาย และเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงขยับริมฝีปากเท่านั้น
ทว่าแปลกยิ่งนัก ซินเอ๋อร์กลับเข้าใจคำพูดที่ชายหนุ่มต้องการเอ่ย และรู้สึกวางใจลงไม่น้อย ทันใดนั้นจึงยิ้มให้กับชายหนุ่ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเธอ อดยกยิ้มอย่างมีความสุขและสง่างามออกไม่ได้
แต่ทันใดนั้น มือใหญ่เรียวยาวข้างหนึ่ง พลันปรากฎขึ้นด้านหน้าซินเอ๋อร์ และปิดบังการมองเห็นของเธอไว้
และเสียงไพเราะดังขึ้นข้างหูของซินเอ๋อร์
“มา ทานหูฉลามชิ้นนี้ เจ้าผอมเกินไปแล้ว”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์อดตะลึงงันชั่วขณะไม่ได้ ทันใดนั้นหันไปมองใบหน้าหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนยิ้มออกมา
“ขอบคุณเซวียน”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ก้มหน้าลงทานหูฉลามที่เหลิ่งอวี้เซวียนคีบให้แก่เธอ
ดังนั้น จึงไม่เห็นว่าเหลิ่งอวี้เซวียนที่อ่อนโยนกับเธอ ขณะเงยหน้าสบตากับอ้าวเทียนฉี ดวงตาดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย
ประกายในดวงตาดำขลับ มีเพียงชายหนุ่มที่เคยชินกับการรุกรานและความดุดัน
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนฉีหลังสบตาแฝงด้วยอันตรายและตักเตือนของเหลิ่งอวี้เซวียน กลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับกันยังเลิกคิ้ว และแสดงสีหน้ายั่วยุกับเหลิ่งอวี้เซวียน
เพราะอ้าวเทียนฉีรักซินเอ๋อร์ สำหรับซินเอ๋อร์เขาไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด!
เกรงว่าหัวใจของซินเอ๋อร์ ไม่อยู่ที่เขา แต่เขาคิดว่านั่นเพราะเธอไม่เคยใกล้ชิดกับเขา
หากซินเอ๋อร์ได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น จะพบว่าความจริงเขาเหมาะสมมากกว่า มิใช่หรือ!
อ้าวเทียนฉีคิดอย่างหนักแน่นในใจ สายตาที่มองซินเอ๋อร์ดูหมายมั่นปั้นมือ
สำหรับสายตาหมายมั่นปั้นมือของอ้าวเทียนฉี ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดขมวดคิ้วกระบี่คู่งามไม่ได้
แต่ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขาม กลับพลันดังขึ้น
“เซวียนเอ๋อร์ แม่นางข้างกายเจ้า จะไม่แนะนำให้เจิ้นรู้จักหรือ!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเฉลียวฉลาด สุขุมหนักแน่น เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้
ในอดีตเหลิ่งอวี้เซวียนเคยใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงช่วงหนึ่ง ดังนั้นฮ่องเต้จึงรักเหลิ่งอวี้เซวียนดังบุตรคนหนึ่ง
เวลานี้ฮ่องเต้ตรัสขึ้น ตำหนักเฟยหลงพลันเปลี่ยนไปเงียบงัน
สายตาของทุกคนต่างมองมาที่เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์
สำหรับการที่ตนกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ทำให้ซินเอ๋อร์อดก้มหน้าลงอย่างเขินอายไม่ได้
ท่าทางเขินอายเย้ายวนใจ อ่อนช้อยงดงาม ดังดอกบัวเพิ่งเบ่งบานยามเช้าตรู่นั้น ทำให้คนเอ็นดูจากใจจริง
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่เขินอายอย่างหนัก เหลิ่งอวี้เซวียนกลับอดมีสีหน้าอ่อนโยนไม่ได้
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาดำขลับเหลือบมองไปยังอ้าวเทียนฉีอย่างคล้ายไม่ได้ตั้งใจ ก่อนปรากฎความเจ้าเล่ห์ออกมา
อาจเพราะเห็นแววตาผิดปกติของเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนฉีจึงพลันคล้ายนึกขึ้นได้ ก่อนอดสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้
จากนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนหันไปทูลกับฮ่องเต้ว่า
“ทูลฝ่าบาท ข้างกายของกระหม่อมคือซินเอ๋อร์ คู่หมั้นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
เพียงเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขึ้น มีเสียงสูดหายใจดังขึ้นไม่ขาดสาย
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ร่ำรวยมหาศาล เพียงเขาย่างเท้า เกรงว่าทั่วแคว้นเทียนหยวนต่างต้องสั่นสะเทือน
และหลายปีมานี้ มีเหล่าขุนนางสกุลสูงศักดิ์ไม่น้อย เพื่อตำแหน่งของตนในราชสำนัก ส่งบุตรสาวของตนไปที่วังของเหลิ่งอวี้เซวียน
บางคนแอบแต่งกายเป็นสาวใช้ เข้าไปภายในวังเหลิ่ง เพื่อที่จะสามารถแต่งกับชายร่ำรวยล้นฟ้าผู้นี้
แต่ชายหนุ่มผู้มีอำนาจควบคุมทิศทางการค้าผู้นี้ กลับหมกมุ่นอยู่ในหน้าที่การงานของตน ไม่เข้าใกล้สตรี ทำให้คนสงสัยว่าเขานิยมชมชอบเพศเดียวกันหรือไม่
แต่เวลานี้ เขากลับป่าวประกาศว่าข้างกายของเขาคือคู่หมั้น จะไม่ทำให้คนตกตะลึงได้เช่นไร!
และสายตาที่ทุกคนมองซินเอ๋อร์ แฝงไปด้วยความอิจฉา ริษยา
ส่วนฮ่องเต้หลังได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ใบหน้าเหล่อเหลาน่าเกรงขามนั้น ตะลึงเล็กน้อย
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนคือคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนมีพรสวรรค์ เขาจึงชื่นชอบ และมีความคิดจะให้องค์หญิงที่โปรดปรานของตนอภิเษกกับเหลิ่งอวี้เซวียน
แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปาก และลังเลใจ
ดังนั้น ตอนนี้หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ฮ่องเต้อดมองสำรวจซินเอ๋อร์ไม่ได้
เห็นเพียงสาวน้อยชุดขาวนั้น งามสง่างดงาม รูปโฉมโดดเด่น บริสุทธิ์น่ารัก
ไม่แปลกที่สามารถครอบครองหัวใจของชายผู้มั่งคั่งล้นฟ้านี้ได้ หากเขาพบเจอหญิงสาวผู้นี้ อาจจะใจเต้นแรงก็เป็นได้
ฮ่องเต้ทรงคิดในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น รีบเอ่ยกับซินเอ๋อร์อย่างไม่ให้เสียโอกาส
“ซินเอ๋อร์ รีบถวามบังคมฮ่องเต้เร็วเข้า”
“อืม”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์จึงเงยหน้าขึ้น ข่มความกังวลในใจไว้แน่น
เพราะที่นั่งอยู่คือฮ่องเต้เทียนหยวน เหนือผู้คนนับหมื่น และสูงศักดิ์
ชั่วชีวิตนี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนเล็กๆ เช่นตน จะได้พบกับฮ่องเต้ ดังนั้นเวลานี้จึงกังวลอย่างหนัก
แต่กังวลก็กังวล ซินเอ๋อร์ยังข่มความวิตกกังวลในใจไว้อย่างสุดความสามารถ
เพราะตอนนี้เหลิ่งอวี้เซวียนยอมรับเธอ เธอคือคนของเหลิ่งอวี้เซวียน หากเธอทำเรื่องน่าอับอาย อาจจะกระทบกับเหลิ่งอวี้เซวียนได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ และลุกขึ้นอย่างเนิบช้า คุมความสั่นเทาของขาไว้ ก่อนคุกเข่าลงถวายบังคมฮ่องเต้ตามระเบียบประเพณี
“ข้าน้อยซินเอ๋อร์ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
………………………………………………………………………………….