สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 30 กินอย่างตะกละตะกลาม + ตอนที่ 31 ความแตกต่างของพญายม
- Home
- สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!
- ตอนที่ 30 กินอย่างตะกละตะกลาม + ตอนที่ 31 ความแตกต่างของพญายม
ตอนที่ 30 กินอย่างตะกละตะกลาม
อย่างไรพญายมก็คือพญายม ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นโรคจิตเภทหรือไม่
แม้ในใจเล่อเหยาเหยาจะไม่พอใจ แต่สายตากลับมองไปที่ชามบะหมี่ไข่บนโต๊ะอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
หอมมาก เธออยากกินมากเลย
แต่เธอไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าบะหมี่น้ำชามนี้ พญายมตั้งใจสั่งให้คนต้มมาให้เธอกิน เพราะถึงอย่างไรเขาคงไม่ใจดีถึงขนาดนั้น!?
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังตำหนิอยู่ในใจ หูกลับได้ยินคำพูดที่ทำให้เธอต้องตกตะลึงอีกครั้งขึ้นมา
“กินเถิด!”
เป็นคำพูดที่สั้นทว่าได้ใจความและเย็นชาเช่นเดิม แต่กลับทำให้เธอที่ได้ฟังมีสีหน้าที่ตกตะลึง พร้อมกับสายตาที่ไม่ชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ว่าอย่างไรนะขอรับ!?”
“เจ้าหิวไม่ใช่หรือ!? กินเถิด!”
สีหน้าตกตะลึงและสายตาคล้ายเหลือเชื่อของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนที่จะเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้เล่อเหยาเหยาจะมีสีหน้าที่ประหลาดใจและสงสัย แต่กลิ่นของบะหมี่ไข่ชามนี้ช่างยั่วยวนมากจริงๆ ดังนั้นเธอก็ไม่ต้องคิดให้มากความแล้ว เพราะแม้จะต้องตาย ก็เป็นผีที่อิ่มท้องดีกว่าผีที่หิวโซตั้งมากมาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงรีบนั่งลงบนเก้าอี้หิน จากนั้นหยิบตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้น แล้วกินบะหมี่อย่างเต็มปากเต็มคำ
เล่อเหยาเหยากินอย่างรวดเร็ว จนเหมือนคนกินอย่างตะกละตะกลาม ซึ่งท่าทางนั้นทำให้เขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ
โดยเฉพาะเสียงสูดบะหมี่ ซู้ดๆ ที่เด่นชัดนั้น ในคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ จึงชัดเจนเป็นพิเศษ
แม้เธอจะกินบะหมี่ด้วยท่าทางที่เสียมารยาท คล้ายผีหิวโซกลับชาติมาเกิด จนทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เริ่มรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง
เพราะถึงอย่างไร เขาคาบกุญแจทองมาเกิด มีฐานะเป็นถึงองค์ชาย ตั้งแต่เด็กจึงมีแม่นมที่มีประสบการ์มาสั่งสอนเรื่องมารยาทเหล่านี้
เพราะฉะนั้น แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะมีนิสัยเย็นชา ทว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
เหมือนการกินราวกับผีหิวโซกลับชาติมาเกิดเช่นเล่อเหยาเหยา เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นจริงๆ มุมปากจึงอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้
แต่เล่อเหยาเหยาที่กำลังปลอบโยนตับไตไส้พุงอยู่นั้น คงไม่สนใจสายตาของผู้อื่นอยู่แล้ว
เพราะเธอกำลังจะตายด้วยความหิว ตอนนี้ยังจะมีสิ่งใดที่สำคัญไปกว่าการกินของเธอ!?
ดังนั้นบะหมี่น้ำใส่ไข่ที่เพิ่มน่องไก่ตุ๋นชิ้นใหญ่อีกหนึ่งชิ้น ผ่านไปไม่นานก็ถูกเล่อเหยาเหยาที่เหมือนผีที่หิวโซจัดการจดหมดเกลี้ยง นอกจากกระดูกไก่ชิ้นนั้น กระทั่งน้ำซุปล้วนไม่มีเหลือสักหยด
หลังเห็นเล่อเหยาเหยากินอิ่มแล้ว หากยังมีท่าทางราวไม่อิ่มท้อง ด้วยการแลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียบริเวณริมฝีปากที่มีคราบน้ำมันติดอยู่ ท่าทางนั้นคล้ายแมวน้อยที่น่ารักตัวหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความพอใจและความสุข ทั้งยังเกียจคร้าน ช่างน่ารักอย่างยิ่ง!
เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาที่เย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเป็นประกาย เผยอริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ ขึ้นมาทันที
“อิ่มแล้วใช่หรือไม่?”
“อืม อิ่มแล้วขอรับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาพลันพยักหน้าเอ่ยขึ้นมา นี้จึงคล้ายเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจไม่แสร้งของเธอ ทั้งยังเรออกมาเสียงดังอีกด้วย
เมื่อเห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาพลันยกมือปิดปาก พร้อมสายตาขวยเขินทำอะไรไม่ถูก ก่อนดวงตาที่งดงามจะชำเลืองมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง เห็นเพียงชายหนุ่มได้หมุนตัวหันหลังให้กับเธอ คล้ายไม่ได้ยินท่าทางที่น่าอายของเธอเมื่อครู่ เธอจึงวางใจลงเล็กน้อย
“งั้นท่านอ๋อง มีสิ่งใดจะรับสั่งอีกหรือไม่ขอรับ?”
กินของผู้อื่นแล้วปากอ่อน ประโยคนี้พูดไว้ไม่มีผิดเลย
ถึงแม้ตอนเริ่มแรก เธอจะหวาดกลัวชายหนุ่มที่อยู่หันหลังอยู่ตรงหน้าตนเองอย่างมาก ทว่าตอนนี้เธอยังหวาดกลัวอยู่เช่นเดิม
………………………………………………………………..
ตอนที่ 31 ความแตกต่างของพญายม
แต่ทว่าไม่รู้เป็นเพราะบะหมี่ชามหนึ่งที่เขาใจดีให้เธอหรือไม่ จึงทำให้เธอไม่ต้องทนหิว ในใจเล่อเหยาเหยาจึงเริ่มมองชายหนุ่มตรงหน้านี้เปลี่ยนไป
พลางแอบหัวเราะอยู่ในใจ ที่แท้บางครั้งบะหมี่เพียงชางเดียวก็สามารถซื้อเธอได้
ขณะที่คิดในใจ หูก็ได้ยินน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแหบแห้งของชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถอยไปซะ”
“เออ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงมีสีหน้าประหลาดใจ
พร้อมกับเบิกตากว้างเล็กน้อย คล้ายไม่แน่ใจ
ไฉนพญายมผู้นี้ ถึงปล่อยเธอออกไปง่ายดายเช่นนี้? เขาทำเช่นนี้ไม่คล้ายดังที่เล่าลือกันเลย
แม้ในใจจะรู้สึกประหลาด ทว่าเท้าเล่อเหยาเหยากลับไม่หยุดลง
เพราะถึงอย่างไร เธอก็เฝ้าคอยประโยคนี้มานานแล้ว ไม่ง่ายกว่าที่มันจะมาถึง แล้วเธอยังต้องอะไรอีก!?
ขณะที่ดีใจอยู่ในใจ เล่อเหยาเหยารีบหมุนตัว เท้าทั้งสองข้างเหมือนทาด้วยน้ำมันวิ่งหัวซุกหัวซุนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยความรีบร้อนคล้ายมีสิ่งที่อันตรายวิ่งไล่ตามติดเธอจากทางด้านหลัง
เพราะคิดเพียงต้องออกไปจากสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนี้ เล่อเหยาเหยาจึงวิ่งอย่างสุดชีวิต จากไปโดยไม่แม้จะหันกลับมามอง เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ทันได้เห็นว่า หลังเธอจากไปแล้วชายหนุ่มค่อยๆ หมุนตัวกลับมา
มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ
เพราะกินอิ่มอย่างมาก เมื่อเล่อเหยาเหยากลับมาถึงห้องของตนเอง พอล้มตัวลงบนนอนก็หลับสนิทตลอดคืน จนถึงฟ้าส่วาง แต่ขณะที่เธอกำลังนอนอย่างหวานชื่น พลันรู้สึกร่างกายโคลงเคลงอย่างรุนแรง จนเธอยังคิดว่าเกิดแผ่นดินไหว จึงลนลานดวงตาเบิกกว้างขึ้น จึงรู้ว่าที่แท้ไม่ใช่แผ่นดินไหว
แต่เป็นเสี่ยวมู่จื่อที่ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ในห้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังเขย่าตัวเธอไปมาไม่หยุด
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้ารีบตื่นเร็วเข้า”
“อืม มีอะไร? ข้าง่วงมากเลย ขอข้านอนอีกสักหน่อยเถอะนะ!”
เมื่อเห็นว่าเป็นเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาที่ลืมตาขึ้นอีกขึ้นครั้ง เอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ที่หวานหยาดเยิ้ม
แต่น่าเสียดาย เมื่อเสี่ยวมู่จื่อได้ยินคำพูดของเธอ กลับเขย่าตัวเธอรุนแรงยิ่งขึ้น ขาดเพียงแค่ไม่ได้เขย่ากระดูกทั้งหมดบนตัวเธอให้หลุดออกมา
หากยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกคล้ายฟ้าจะถล่มลงมาอีกด้วย
“เสี่ยวเหยาจื่อ นี่มันยามใดแล้ว เจ้ายังกล้านอนต่ออีก!? หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วใช่หรือไม่? เดือนนี้เริ่มขึ้นเจ้าต้องไปปรนนิบัติท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องตื่นแล้ว เจ้ายังจะนอนอีก เจ้าไม่อยากมีศีรษะแล้วใช่หรือไม่!?”
“อะไรนะ!?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาที่ยังง่วงงุน ร่างกายคล้ายเป็นสปริง ฟึบ ทันใดนั้นเธอกระเด้งลุกขึ้นมาจากเตียง
บนใบหน้างดงามประณีตนั้น ดวงตาทั้งสองคู่เบิกกว้างขึ้น ปากเล็กเปิดอ้ากว้าง คล้ายเกิดเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงขึ้น
สวรรค์!
คิดไม่ถึงว่าเธอจะลืม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องไปปรนนิบัติท่านอ๋องอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ โหดเหี้ยมร้ายกาจ สังหารคนอย่างดุเดือดผู้นั้น
สวรรค์ เธอไม่รับหน้าที่นี้ได้หรือไม่!?
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์นองเลือดตอนเช้าของเมื่อวาน ในใจของเล่อเหยาเหยายังคงมีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่
ถึงแม้เมื่อคืนนี้ท่านอ๋อง จะคล้ายไม่เหมือนเดิม หรือว่าขณะนั้นเขาจะเพียงฮอร์โมนผิดปกติ สุดท้ายถึงทำดีกับเธอเล็กน้อย
แต่เธอกลับไม่เคยลืมว่าตอนเริ่มแรกนั้น เขาน่าหวาดกลัว เอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นไร!
เพราะฉะนั้น ในใจเธอจึงยังไม่ยินยอมปรนนิบัติชายผู้นั้นอย่างมากอยู่ดี
อีกทั้ง เธออาจใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ตั้งแต่เด็กเธอล้วนไม่ต้องทำงานบ้าน จะรู้เรื่องปรนนิบัติคนอื่นที่ไหน!?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาที่ใบหน้าตื่นตระหนกพลันพังทลายลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทางที่น่าสงสาร มองดูแล้วจึงคล้ายแกะน้อยที่ถูกส่งตัวเข้าปากเสืออย่างไร้เดียงสาอย่างถึงที่สุด
………………………………………………………………..