สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 300 ซินเอ๋อร์เสียชีวิต (รีไรท์)
วันนี้เพราะงานด้านนอก เขาจึงต้องออกจากวังหลวง
คิดไม่ถึง ตอนเที่ยงวัน ได้รับรายงานจากคนในวังหลวงว่าน้องสามตกน้ำ
เมื่อเขาได้ยิน จึงไม่สนใจการทำงาน ให้คนเตรียมม้า รีบลงแส้ม้าบึ่งกลับมาวังหลวง
หลังกลับมาดูน้องสาม หมอหลวงเอ่ยว่าเขาปลอดภัยแล้ว เหลิ่งอวี้เซวียนจึงโล่งใจ
และรับรู้ว่าซินเอ๋อร์ไม่อยู่ตรงนั้น หลังเอ่ยถามนางกำนัลรู้ว่าซินเอ๋อร์อยู่ที่นี่ จึงรีบเดินเข้ามา
ทว่าเมื่อเห็นริมทะเลสาบว่างเปล่า และที่นี่เงียบงัน
มีเพียงสายสมยามเย็นพัดผ่านมา ทำให้ใบบัวเอนไหวไม่หยุด แฝงไปด้วยกลิ่นดอกบัวในบ่อ
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนคิดหมุนกายจากไป
แต่ไม่รู้เหตุใด หนังตาด้านขวาของเขากลับกระตุกไม่หยุด
ความรู้สึกไม่สบายใจทะลักขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกเช่นนี้ คุ้นชินยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ขณะซินเอ๋อร์ตกอยู่กลางกองเพลิง เขารู้สึกเช่นนี้ หรือว่า…
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนวิตกกังวล คิ้วกระบี่คู่งามนั้นขมวดมุ่น
และสองขาของเขา คล้ายเดินไปที่ริมทะเลสาบโดยสัญชาตญาน
คล้ายมีบางสิ่ง ดึงดูดเขาไป
ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเสียดาย ความไม่สบายใจนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น
สุดท้ายเมื่อเขามาถึงริมทะเลสาบ เห็นคลื่นกระเพื่อมเป็นวงกลม จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
พร้อมคิดในใจว่าเหตุใดอยู่ดีๆ ด้านบนนั้นกระเพื่อมเป็นวงกลม คล้ายเมื่อครู่มีบางอย่างตกลงไป
ตกลงไปหรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนพลันเจ็บปวด!
คล้ายมีคนใช้มีดทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขา
ความเจ็บปวดถึงหัวใจนี้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดกุมหน้าอก ขมวดคิ้วแน่นไม่ได้
ขณะกำลังสงสัย ร่างกายตนเป็นสิ่งใดกันแน่ จู่ๆ เหลิ่งอวี้เซวียนกวาดตามองไป ก่อนมองไปที่บริเวณทะเลสาบอย่างไม่ละสายตา
ร่างกายดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น!
เพราะริมทะเลสาบมีรองเท้าลายปักสีชมพู วางนิ่งอยู่ตรงนั้น
และรูปแบบรองเท้าปักคู่นั้นคุ้นตายิ่งนัก เหลิ่งอวี้เซวียนเพ่งตามองพลันรู้ทันทีว่ารองเท้าปักคู่นั้น คือของซินเอ๋อร์
เห็นเช่นนั้น ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนพลันตกใจ
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาดำขลับเบิกกว้าง
พุ่งไปที่ริมทะเลสาบอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดทันที ก่อนร่างกายดุจมังกรน้ำจะกระโดดลงไปในทะเลสาบวาววับนั้น
…
ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงตนกำลังจะตาย
เพราะเธอเวลานี้ รู้สึกบริเวณปอดของตนใกล้จะระเบิดออกมา ทรมานอย่างยิ่ง
แต่เธอไร้เรี่ยวแรงตะเกียกตะกายแล้ว เพียงปล่อยให้ร่างกายจมดิ่งลงใต้ทะเลสาบอย่างช้าๆ
รอบด้านมืดมิดเช่นนี้ คล้ายถ้ำมืดมิดขนาดใหญ่ และเธอกำลังตกลงไปสู่ถ้ำมืดมิดแห่งนั้นอย่างควบคุมไม่ได้
น้ำเย็นเฉียบโอบล้อมร่างกายเธอไว้ไม่หยุด ทำให้เลือดบนกายเธอคล้ายจะหยุดไหลเวียน
เธอน่าใกล้จะตายแล้ว!
เพราะเธอตอนนี้ทรมาน เหนื่อยล้าอย่างยิ่ง คล้ายกำลังจะหลับสนิทไป
ดังนั้น สองมือซินเอ๋อร์สุดท้ายหยุดเคลื่อนไหว ดวงตาก็ค่อยๆ ปิดลง
แต่ทันใดนั้น มีร่างหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าซินเอ๋อร์
ร่างนั้น แข็งแกร่งปราดเปรียวดุจมังกร แหวกว่ายมาทางเธอไม่หยุด
และร่างนั้นคุ้นตาอย่างมาก คล้ายกับ…
“เซวียน”
…
“ซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ เจ้าฟื้นสิ อย่าทำให้ข้าตกใจ!”
เมื่ออุ้มซินเอ๋อร์ที่เปียกทั่วกาย และหมดสติขึ้นมา ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนตื่นตระหนก เจ็บปวดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อเขากระโดดลงไปในน้ำ เห็นร่างเล็กซินเอ๋อร์กำลังจมดิ่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงนั้น ใจของเขาแทบเต้นกระดอนออกมา
เวลานี้เห็นสีหน้าซินเอ๋อร์ซีดขาวดุจกระดาษ ไร้ชีพจร คล้ายคนเสียชีวิต เหลิ่งอวี้เซวียนยิ่งวิตกกังวล
สองมือโยกตัวซินเอ๋อร์ไม่หยุด ทว่าไม่ว่าเขาจะจับโยกเช่นไร ซินเอ๋อร์คล้ายหุ่นไร้ชีวิต ดวงตาปิดสนิท คล้ายไม่ลืมขึ้นอีกตลอดกาล
เพียงนึกถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนตกใจ
ร่างกายสั่นเทาอย่างหนัก
สุดท้ายเหลิ่งอวี้เซวียนวางซินเอ๋อร์ลงบนพื้น ก่อนกดลงบนหน้าอกของซินเอ๋อร์ไม่หยุด พลางมอบลมหายใจให้แก่ซินเอ๋อร์
เขาไม่รู้ว่าพวกนี้มีประโยชน์หรือไม่ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนคือสิ่งที่เสด็จแม่ของเขาสั่งสอนมา ทว่าเขาไม่เคยทดลองมาก่อน
แต่เวลานี้เมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนคิดได้เพียงสิ่งเดียวคือเรื่องนี้ และในใจนึกตลอดเวลาว่า
‘ซินเอ๋อร์ เจ้าจะตายไม่ได้ ห้ามตายเด็ดขาด’
แต่ไม่ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนจะทำเช่นไร ซินเอ๋อร์ไร้การตอบสนอง
ร่างกายเธอเย็นเฉียบ สีหน้าของเธอซีดขาว ไร้ชีพจร
เห็นเช่นนั้น ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนเย็นยะเยือก
ทันใดนั้น อดยื่นมือไปที่จมูกของซินเอ๋อร์อย่างสั่นเทาไม่ได้
เมื่อรู้สึกว่าซินเอ๋อร์ไร้ลมหายใจ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันดุจถูกฟ้าผ่า แข็งทื่อกลายเป็นหินอยู่ตรงนั้น!
ทันใดนั้น หลังผ่านไปนาน เสียงคำราม กังวานพลันดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม สั่นสะเทือนถึงท้องฟ้า
“ไม่…”
ชายหนุ่มตะโกนขึ้นอย่างกึกก้อง ภายในน้ำเสียงแฝงด้วยความโศกเศร้าอย่างที่สุด
คล้ายสัตว์ร้ายสูญเสียคู่รักไป
หลังเสียงตะโกนโหยหวนของชายหนุ่ม ไม่นานดึงดูดผู้คนเข้ามาไม่น้อย
หนึ่งในนั้นคือรุ่ยอ๋องและพระชายา
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ริมทะเลสาบ พระชายารุ่ยอ๋องพุ่งเข้ามา เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนกอดไว้ในอกมีสีหน้าซีดขาวดังกระดาษ พระชายารุ่ยอ๋องพลันคล้ายนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ก่อนใจหายวาบ และเอ่ยขึ้น
“สวรรค์ ซินเอ๋อร์เธอ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสด็จแม่ตน ดวงตาของเหลิ่งอวี้เซวียนตะลึงงัน คล้ายเสียสติ ก่อนกอดซินเอ๋อร์ที่ไร้การตอบสนองไว้แน่น ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างสั่นเทา
“เสด็จแม่ ซินเอ๋อร์เธอ…ตายแล้ว”
“อ๊า ซินเอ๋อร์!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเงยหน้าร้องตะโกนดังลั่น
เสียงตะโกนน่าเวทนานั้น ทำให้คนที่ได้ยินปวดใจ
ทุกคนที่ได้ยิน ต่างปิดปากร้องไห้อย่างเสียใจ
“สวรรค์ วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ น้องสามก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ซินเอ๋อร์เธอ…ฮือๆ”
พระชายารุ่ยอ๋องร้องไห้ขึ้น รุ่ยอ๋องเห็นจึงปวดใจอย่างมาก อดกอดเธอแน่นไม่ได้ ก่อนยื่นมือตบไหล่ของเธอเบาๆ พร้อมเอ่ยปลอบโยน
“อย่าเสียใจไปเลย อาจเพราะพวกเขาไร้วาสนาต่อกัน”
“ฮือๆ ซินเอ๋อร์ที่น่าสงสาร เซวียนเอ๋อร์ที่น่าสงสาร…”
พระชายารุ่ยอ๋องร้องไห้อย่างน่าสงสาร เพราะเธอเคยมีประสบการณ์พลัดพรากจากคนรักมาก่อน ย่อมเข้าใจความรู้สึกของบุตรชายตนเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นบุตรชายตนร้องไห้อย่างเสียใจเช่นนี้ ใจเธอจึงแทบแตกสลาย
พระชายารุ่ยอ๋องเสียใจ พลันเดินไปข้างกายเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนปลอบโยนว่า
“เซวียนเอ๋อร์ คนตายไม่อาจฟื้นคืนชีพ เจ้าอย่าทำเช่นนี้ แม่แทบใจสลายเมื่อเจ้าร้องไห้”
“เสด็จแม่ ซินเอ๋อร์ตายแล้ว ไม่ ซินเอ๋อร์ นางจะทำเช่นนี้กับลูกไม่ได้”
เหลิ่งอวี้เซวียนเงยหน้าตะโกนลั่น น้ำตานั้นไหลรินจากดวงตาแคบยาวนั้น หยดแล้วหยดเล่า ไม่ขาดสาย
อาจเพราะเสียงเหลิ่งอวี้เซวียนเศร้าโศกเกินไป กระทั่งสวรรค์ได้ยินยังอดสงสารไม่ได้
ทันใดนั้นพายุฝนเทกระหน่ำลงมา เสียง ‘ติ๋ง’ หยดลงมา จากหยดเดียวกลายเป็นนับพันนับหมื่นหยด เทลงมาไม่หยุด
ฝนเทกระหน่ำ ปกคลุมไปทั่วพื้นดิน
ทำให้ทั้งหมดนี้ยิ่งโศกเศร้ามากยิ่งขึ้น
เหลิ่งอวี้เซวียนกอดซินเอ๋อร์ เงยหน้าร้องตะโกนอยู่เช่นนี้ ร่างกายคล้ายหุ่น นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ไหวติง
ก่อนก้มมองซินเอ๋อร์ที่ไร้การตอบสนองอย่างตกตะลึง เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงชีวิตไร้ความหมาย
ดังนั้น จึงชูมือใหญ่ขึ้น หมายปลิดชีพตน
เหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้ คิดเพียงแม้เธอตาย เขาจะตายตามเธอไป
แต่รุ่ยอ๋องด้านข้างเห็นเข้า พลันหยุดยั้งการกระทำของเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างว่องไว
“เซวียนเอ๋อร์ เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ถึงต้องปลิดชีพตนเอง!”
“เสด็จพ่อ ซินเอ๋อร์ตายแล้ว นางตายแล้ว ลูกอยู่ไปก็ไร้ความหมาย!”
เมื่อมือใหญ่ถูกหยุดยั้ง เหลิ่งอวี้เซวียนจึงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเสียใจ
บนใบหน้าโศกเศร้าอย่างไม่ปิดบัง
พระชายารุ่ยอ๋องด้านข้างเห็นเช่นนั้น ก็ร้องไห้อย่างเสียใจด้วย โผเข้ากอดเหลิ่งอวี้เซวียนข้างกายทันที ก่อนกล่าวพร้อมร้องไห้ว่า
“เซวียนเอ๋อร์ เจ้าจะทำเรื่องโง่ๆ ไม่ได้ เจ้าตายแล้ว แม่จะอยู่ได้เช่นไร”
“เสด็จแม่…”
เมื่อเห็นมารดาร้องไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าหากตนตายไปเช่นนี้ มารดาต้องรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แน่
แต่ซินเอ๋อร์ เหตุใดเจ้า เหตุใดจึงจากข้าไปเช่นนี้
เหลิ่งอวี้เซวียนปวดใจอย่างยิ่ง ก่อนกอดร่างของซินเอ๋อร์แน่นขึ้น ราวนำร่างของเธอฝังเข้าไปในร่างกายตน เช่นนี้พวกเขาจะไม่แยกจากกันอีก
แต่ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์ที่คล้ายไร้การตอบสนอง กลับพลันไอออกมาอย่างหนัก ก่อนจะสำลักน้ำออกมาจำนวนมาก
หลังการกระทำนี้ของซินเอ๋อร์ ทุกคนต่างตะลึงงัน
สายตามองไปยังซินเอ๋อร์อย่างพร้อมเพรียงกัน
เห็นเพียงดวงตาที่ปิดสนิทของซินเอ๋อร์ ค่อยๆ กระพริบขึ้น ก่อนลืมขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน
เห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างดีใจ
“ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไร เจ้าฟื้นแล้ว ฮ่า ๆ เจ้าฟื้นแล้ว”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ลืมตาขึ้น เหลิ่งอวี้เซวียนดีใจจนคุ้มคลั่ง
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียนที่ดีใจ ซินเอ๋อร์หลังไอและสำลักน้ำออกมา กลับร้องไห้
“ฮือ เซวียน ข้าคิดว่าข้าตายไปแล้ว ข้าจะไม่ได้พบหน้าท่านอีก ฮือๆ”
“ซินเอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลย ตอนนี้เจ้าไม่เป็นไร เด็กดี ซินเอ๋อร์ของข้า”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย เสียงร้องไห้นั้น ทำให้ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนแทบแตกสลาย
และแม้ซินเอ๋อร์จะฟื้นขึ้นมาแล้ว เหลิ่งอวี้เซวียนยังคงหวาดกลัว
เพียงนึกถึงร่างกายเย็นเฉียบเมื่อครู่ของซินเอ๋อร์ สีหน้าซีดขาวดังกระดาษ ท่าทางราวกับคนตาย เขาตกใจจนหัวใจแทบแตกสลาย
เขาไม่อยากคิดถึงความรู้สึกที่สูญเสียซินเอ๋อร์ไป นั่นต้องเหมือนตายทั้งเป็นแน่นอน
ทว่าตอนนี้ดีแล้ว ซินเอ๋อร์ของเขาในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา ดียิ่งนัก
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนแสบจมูก น้ำตาไหลเป็นสายลงมา
…………………………………………………………………………………..