สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 301 ความร้ายกาจของอ้าวเทียนเสวี่ย (รีไรท์)
แต่เวลานี้ฝนเทกระหน่ำ จึงชำระล้างคราบน้ำตาบนใบหน้าของเขาไป จนแยกไม่ออก
รุ่ยอ๋องและพระชายาด้านข้างเห็นซินเอ๋อร์ได้สติ ต่างดีใจ
สุดท้ายเอ่ยกับเหลิ่งอวี้เซวียนว่า
“เซวียนเอ๋อร์ เร็ว อย่ามัวอยู่ตรงนี้ พวกเรากลับไป ให้หมอหลวงดูอาการเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ ซินเอ๋อร์ พวกเรากลับไปกันเถิด!”
หลังได้ยินคำพูดของมารดา เหลิ่งอวี้เซวียนได้สติ อุ้มร่างเล็กของซินเอ๋อร์ขึ้นจากพื้น เดินกลับไปยังตำหนักของตน
…
ขณะเดียวกัน ในตำหนักสวยงามแห่งหนึ่งในวังหลวง
เวลานี้เป็นช่วงกลางคืน โคมไฟถูกแขวนขึ้นสูง ด้านนอกสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ฝนเทกระหน่ำ
แต่ภายในตำหนักหลิงซิน
ม่านมุกเอนไหว ม่านโปร่งบางเบา โคมไฟสีเหลืองแสงเรืองรอง ทำให้ทั่วตำหนักสว่างไสว
ด้านในห้องอาบน้ำภายในตำหนักหลิงซิน ในถังน้ำขนาดใหญ่ ดอกไม้สดหอมอบอวล ควันลอยกรุ่น สาวงามผู้หนึ่ง กำลังนั่งอยู่ด้านในอย่างผ่อนคลาย สบายใจ ด้านข้างมีนางกำนัลวัยแรกแย้มผ ผู้หนึ่ง ช่วยนวดไหล่ ส่วนอีกคนสระผมให้แก่เธอ
นางกำนัลสระผมอย่างพิถีพิถันยิ่ง
ใช้แชมพูดอกกุหลาบรดลงบนเส้นผมของหญิงสาว กลิ่มหอมของดอกไม้นั้นจะติดอยู่นาน
ภายในถังน้ำโรยกลีบดอกกุหลาบที่เพิ่งเด็ดสดใหม่ลงไป
กลีบดอกกุหลาบอ่อนช้อยงดงามนั้น เข้ากับผิวขาวผ่อง ไร้รอยราคีของหญิงสาว
และหญิงสาวผู้นี้ ไม่ใช่ผู้ใด คืออ้าวเทียนเสวี่ย
เห็นเพียงเวลานี้ อ้าวเทียนเสวี่ยยิ้มมุมปาก หน้าตาดูภูมิใจ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเธอเวลานี้อารมณ์ไม่เลว
อ้าวเทียนเสวี่ยหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก้าวเดินออกมาจากถังน้ำ
นางกำนัลสองคนเห็นเช่นนั้น รีบหยิบผ้าขนหนูห่อหุ้มกายของเธอ หลังเช็ดร่างกายของเธอจนแห้งสนิท จึงสวมกระโปรงตัวบางสีแดงกุหลาบลงบนกายของเธอ
กระโปรงสีแดงนั้น เนื้อผ้าบางเบาดุจปีกจั๊กจั่น จึงเผยรูปร่างงดงามนั้นของเธอออกมาจนหมด
หญิงสาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะประทินโฉม กำลังหวีเส้นผมยาวดุจเส้นไหมของตน พลางสำรวจตนในกระจกทองแดงอย่างหลงตัวเอง ผ่านไปนานจึงเอ่ยขึ้น โดยไม่หันกลับไปมองนางกำนัลสองคนทางด้า านหลัง
“ข้างามหรือไม่”
หลังได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย นางกำนัลสองคนนั้นเอ่ยประจบขึ้นทันที
“องค์หญิง ย่อมงดงามแน่นอนเพคะ!”
“ใช่เพคะ ความงามขององค์หญิง ไม่เพียงชายหนุ่มจะใจเต้น แม้สตรีเช่นบ่าว ยังมองแล้วใจเต้น”
“ใช่เพคะ องค์หญิงงดงามจริงๆ เป็นสตรีที่งดงามที่สุดตั้งแต่บ่าวพบเจอมา!”
นางกำนัลสองคนเอ่ยประจบประแจงไม่หยุด
เห็นชัดว่าอ้าวเทียนเสวี่ยได้ยินแล้ว มีความสุขอย่างมาก
จึงยิ้มมุมปากอย่างถือดี หน้าตาดูลำพองใจ
ดวงตาคู่งามนั้น กวาดมองกล่องเครื่องประดับตรงหน้า ก่อนมือเรียวจะหยิบต่างหูที่ประณีตสองคู่ขึ้นมาจากกล่องนั้น ก่อนมอบเป็นสินน้ำใจให้กับนางกำนัลทั้งสองคน
“พูดได้ดี ต่างหูสองคู่นี้ ข้ามอบให้พวกเจ้า!”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
หลังรับต่างหูจากอ้าวเทียนเสวี่ย นางกำนัลสองคนดีใจอย่างยิ่ง ที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้
เพราะต่างหูสองคู่นี้ ฝีมือไม่เพียงประณีต แต่ยังราคาสูง
ต่างหูคู่นี้ มีค่ามากกว่าเงินเดือนในวังหลวงชั่วชีวิตนี้ของพวกเธอมหาศาล
พวกเธอจะไม่ดีใจได้เช่นไร!
ส่วนอ้าวเทียนเสวี่ยเมื่อเห็นนางกำนัลสองคนที่ดีใจเมื่อได้รับต่างหูจากเธอ บนใบหน้าโลภนั้น เวลานี้เผยออกมาทั้งหมด
เห็นเช่นนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยยิ้มมุมปาก แววตาปรากฎความดูถูกออกมา
จึงหลุบตาลง พลางยื่นมือเลือกปลอกเล็บ พลางเอ่ยขึ้นว่า
“เอาล่ะ เมื่อพวกเจ้ารับของจากข้า ตอนนี้ช่วยจัดการเรื่องหนึ่งให้ข้า!”
“ไม่รู้องค์หญิงจะทรงรับสั่งเช่นใด เพียงเป็นเรื่องที่พวกเราทำได้ พวกเราต้องจัดการแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย นางกำนัลสองคนเอ่ยขึ้นทันที
อ้าวเทียนเสวี่ยได้ยิน อดพยักหน้าอย่างพอใจไม่ได้ ดวงตาคู่งามนั้น อดมองกระจกทองแดงไม่ได้
เมื่อเห็นหญิงสาวงดงามโดดเด่นนั้นในกระจกทองแดง จึงเอ่ยออกมา
“ตอนนี้ หายาปลุกกำหนัดมาให้ข้า จากนั้น…”
…
“ท่านหมอหลวง ซินเอ๋อร์ปลอดภัยหรือไม่!”
ภายในห้อง เหลิ่งอวี้เซวียนหลังเห็นหมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จ เอ่ยถามขึ้นทันที
บนใบหน้าหล่อเหลานั้น แฝงห่วงใย กังวลอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเหลิ่งอวี้เซวียน หมอหลวงอดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“ทูลองค์ชาย แม่นางท่านนี้เพียงร่างกายอ่อนแอเล็กน้อย และได้รับลมเย็น เพียงดื่มยาสองวัน และพักผ่อนให้ดี จะหายเป็นปกติ”
“อืม เช่นนั้นท่านหมอสั่งยาที่ดีที่สุดให้แก่นางเถิด หากในวังหลวงไม่มี เพียงท่านเอ่ยบอกกับข้า ข้าจะส่งคนออกไปหากลับมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน หมอหลวงพยักหน้าตอบรับ
หลังจากส่งหมอหลวงกลับไป เหลิ่งอวี้เซวียนกลับมาภายในห้อง เวลานี้ซินเอ๋อร์นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง
เห็นเพียงบนเตียงมีสาวน้อยโดดเด่นผู้หนึ่งนอนอยู่ และเวลานี้เส้นผมของสาวน้อยสยายอยู่ด้านหลังและข้างไหล่ ทำให้ใบหน้าเล็กยิ่งบอบบาง งดงามยิ่งขึ้น
แต่สีหน้านั้น ยังคงซีดเซียว ทำให้เธอดูน่าสงสารขึ้นหลายส่วน
เมื่อเห็นสาวน้อยหลับใหล เหลิ่งอวี้เซวียนนั่งลงบนขอบเตียง พลันยื่นมือใหญ่เรียวยาวนั้น กุมมือเล็กเนียนนุ่มของสาวน้อยอย่างเบามือ ก่อนวางลงบนแก้มตน
“ซินเอ๋อร์ โชคดีที่เจ้าปลอดภัย”
มิฉะนั้น เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
ตรงข้ามกับภายในห้องที่กำลังซาบซึ้ง
มุมมืดด้านนอกห้อง มีเงาร่างสูงโปร่งราวกับปีศาจร่างหนึ่ง ไม่รู้มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใดอย่างเงียบเชียบ
แต่เขาเพียงยืนอยู่ที่มุมนั้นเงียบๆ มองภาพภายในห้องผ่านหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้านั้น
เมื่อเห็นสาวน้อยยังคงหลับใหล เขาเวลานี้หวังเหลือเกินว่าคนที่อยู่ข้างกายเธอคนนั้น คือเขา
น่าเสียดาย…
คนที่เธอต้องการไม่ใช่เขา…
พอคิดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มอดถอนหายใจเงียบๆ ไม่ได้ หลังยืนอยู่ตรงมุมนั้นอย่างเงียบๆ อยู่นาน จึงขยับปลายเท้า กระโดดจากไปอย่างไร้สุ้มเสียงดังเช่นขามา
…
“ทางตำหนักทอแสง ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวเช่นไร!”
กลางดึก ฝนที่เทกระหน่ำลงมาหยุดลงแล้ว
แม้ท้องฟ้าจะยังมีเมฆปกคลุม แต่เพราะฝนตกหนักตลอดทั้งบ่าย กลางคืนที่ร้อนอบอ้าว จึงเปลี่ยนไปเป็นเย็นสบายไม่น้อย
เวลานี้ ภายในตำหนักหลิงซิน หญิงสาววัยแรกแย้มงดงามผู้หนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นอนไม้จื่อถานอย่างสบายอารมณ์ มือขาวผ่องนั้น กำลังยกถ้วยชาที่รับจากนางกำนัลขึ้นจิบ พล ลางเสพสุขกับการทุบขาของนางกำนัล และเอ่ยถามขึ้น
หลังได้ยินคำพูดของหญิงสาว หนึ่งในนางกำนัลอดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เมื่อครู่บ่าวไปแอบฟังที่ตำหนักทอแสง คล้ายคู่หมั้นขององค์ชายใหญ่ตกน้ำเพคะ ทว่าสุดท้ายถูกช่วยขึ้นมาได้ทันเวลา เวลานี้เพียงต้องลมเย็นเท่านั้น จำเป็นต้องพักผ่อนให้ดี จึง งจะกลับมาเป็นปกติ”
“อะไรนะ หญิงชั้นต่ำนั้นยังไม่ตายหรือ!”
หลังได้ยินคำพูดของนางกำนัล อ้าวเทียนเสวี่ยที่กำลังอารมณ์ดี พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้
ใบหน้างามนั้น หลังได้ยินคำพูดของนางกำนัล เต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่พอใจ
ทันใดนั้นเขวี้ยงถ้วยชาในมือออกไป
เสียงกระเบื้องแตก ‘เพล้ง’ ดังกังวานขึ้น และชัดเจนเป็นพิเศษในคืนที่เงียบงันเช่นนี้
หลังเห็นสีหน้าโมโหเดือดดาลของหญิงสาว นางกำนัลสองคนนั้นตกใจร้องออกมา ทันใดนั้นรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“องค์หญิงโปรดอภัย องค์หญิงโปรดอภัย!”
นางกำนัลสองคนนั้นแม้จะเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง แต่ยังคงไม่สามารถลดความโมโหของอ้าวเทียนเสวี่ยลงได้
เพราะความจริงเธอคิดว่า การผลักเช่นนั้นที่ริมทะเลสาบวันนี้ หญิงชั้นต่ำนั้นจะเสียชีวิต
เพียงเธอตาย และอาศัยเสน่ห์ของเธอ เหลิ่งอวี้เซวียนผู้นั้น ช้าเร็วต้องยอมสยบอยู่ใต้กระโปรงเธอ
ชายหนุ่มโดดเด่นเช่นนั้น มีเพียงเธอที่คู่ควรยืนเคียงข้างเขา
หญิงชั้นต่ำนั้นอาศัยสิ่งใด!
มิใช่อาศัยเพียงท่าทางน่าสงสารไปดึงดูดชายหนุ่มพวกนั้นหรือ!
นอกจากนั้น ไม่ว่าสถานะ อำนาจ เธอมีสิ่งใดเทียบเท่าตน!
ยิ่งคิด อ้าวเทียนเสวี่ยยิ่งโมโห
ใบหน้างดงามนั้น เพราะโมโหเกรี้ยวกราด จึงยิ่งร้ายกาจ ดูคล้ายปีศาจที่เดินขึ้นมาจากขุมนรกชั้นที่สิบแปด ทำให้คนขวัญผวา!
เห็นเช่นนั้น นางกำนัลสองคนพลันตกใจ
เพราะองค์หญิงผู้นี้ ปกติแม้จะดูงดงาม หยิ่งยโสบางส่วน แต่ไม่เคยร้ายกาจน่าหวาดกลัวเช่นตอนนี้มาก่อน
สำหรับความหวาดกลัวของนางกำนัลสองคนนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอตอนนี้ โมโหจนขาดสติ
เดิมทีคิดว่าหญิงชั้นต่ำนั้นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เธอจึงคิดจะใช้อุบาย เหลิ่งอวี้เซวียนจะต้องรักเธอแน่นอน จากนั้น…
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยอดเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงไม่ได้
ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาคู่งามนั้นพลันปรากฎความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
ก่อนเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้น
“ฮึ ครั้งนี้ไม่ตาย ถือว่าเจ้าดวงแข็ง แต่…”
เธอต้องการให้คนผู้หนึ่งตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือ!
ซินเอ๋อร์ เจ้าจะโทษว่าข้าโหดเหี้ยมไม่ได้ ต้องโทษที่เจ้าสถานะต่ำต้อย และยังกล้าแย่งชายหนุ่มของข้า
ดังนั้น เจ้าต้องตาย!
…
“ฮัดชิ้ว” ซินเอ๋อร์จามออกมาอย่างหนัก ทันใดนั้นตื่นได้สติ
เมื่อเห็นภาพในสายตาแสนคุ้นเคย รู้ว่าตนกำลังอยู่ในตำหนักทอแสง
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ดวงตาตกตะลึง ภายในสมองขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก
อาจเพราะเพิ่งฟื้นจากความตาย ทำให้เธอยังคงหวาดกลัวในใจ และไม่เชื่อสายตา
เวลานี้ตน กลับยังมีชีวิต มีชีวิต…
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงใช้มือค้ำศีรษะกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ พลันลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย