สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 304 แผนร้ายของอ้าวเทียนเสวี่ย (รีไรท์)
ดอกโบตั๋นนั้น แดงสดงดงาม คล้ายรังสรรค์ขึ้นมาจากหยดเลือดนับหมื่นนับพัน ท่ามกลางแสงยามค่ำคืน จึงสวยงามน่าหลงใหล
ซินเอ๋อร์เห็นตกตะลึงอย่างที่สุด
“อา ดอกไม้นี้งดงามยิ่งนัก งดงามจริงๆ ฮ่า ๆ”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่งามมองโบตั๋นสีเลือดนั้น อย่างตกตะลึงและชื่นชอบอย่างไม่ปิดบัง
ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ดอกโบตั๋นสีเลือดนี้ ดังนั้นจึงไม่รับรู้ว่า อ้าวเทียนเสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน เวลานี้พลันเปลี่ยนไปเป็นดุดันขึ้นมา
รอยยิ้มดูถูกที่มุมปาก พลันปรากฎขึ้นบนใบหน้าอ้าวเทียนเสวี่ย
ทันใดนั้น เห็นอ้าวเทียนเสวี่ยพลันยกผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้น ก่อนยื่นไปที่จมูกของซินเอ๋อร์
ซินเอ๋อร์ไม่ระวัง จึงรู้สึกเพียงหลังสูดดมกลิ่มกุหลาบหอมกรุ่มนั้น เธอยังไม่ทันได้สติ พลันถูกความง่วงงุนเข้าจู่โจม
ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงด้านหน้ามืดมน ร่างกายล้มลงบนพื้น
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ล้มลงบนพื้น อ้าวเทียนเสวี่ยอดแค่นเสียงเย็นชาออกมาไม่ได้
“ฮึ คิดแย่งบุรุษของข้า เจ้าคู่ควรหรือ!”
อ้าวเทียนเสวี่ยเอ่ยอย่างดูถูก พลันตะโกนเสียงเย็นขึ้น
“เด็กๆ!”
“องค์หญิง บ่าวอยู่นี่”
หลังคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย สวนที่เงียบสงบพลันมีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามา
เห็นเพียงนางกำนัลสองคนนี้ กำลังก้มหน้าหลุบสายตา ยืนอย่างนอบน้อบอยู่ตรงนั้น รอคอยคำสั่ง
อ้าวเทียนเสวี่ยเห็นเช่นนั้น เหลือบมองพวกเธอแวบหนึ่ง ก่อนเพียงเอ่ยกำชับอย่างเย็นชาว่า
“พาหญิงผู้นี้กลับไปส่งที่ตำหนักทอแสง จำไว้ ห้ามให้ผู้ใดพบเข้าโดยเด็ดขาด หากไม่มีคำสั่งของข้า พวกเจ้าห้ามเข้ามา”
“เพคะ”
หลังได้ยิน นางกำนัลสองคนนั้นรีบประคองซินเอ๋อร์บนพื้นขึ้น จากนั้นพากันออกไป
จนกระทั่งพวกเธอหายไปจากสายตา อ้าวเทียนฉีจึงดึงสายตากลับมาอย่างดูถูก
ความจริง หากเป็นไปได้ เธอไม่คิดส่งหญิงผู้นี้กลับไป แต่จะส่งเธอไปลงนรก
แต่เธอจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น หากหญิงชั้นต่ำเกิดเรื่องอยู่ที่นี่ เธอจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด!
สังหารหญิงชั้นต่ำผู้หนึ่ง เธอไม่กลัว แต่เธอกลัวจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา
เธอได้โอกาสนี้มาไม่ง่าย คืนนี้เธอต้องได้ครอบครองชายผู้นี้!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของอ้าวเทียนเสวี่ยปรากฎประกายครอบครองออกมา
หมุนกายเดินเข้าไปในตำหนักหลิงซิน
เมื่ออ้าวเทียนฉีมาถึงห้องโถงใหญ่ เห็นเพียงด้านในเงียบงัน
บ่าวไพร่ทุกคนต่างถูกเธอสั่งให้ออกไป เวลานี้มีเพียงชายรูปร่างสูงใหญ่ กำลังหันหลังให้กับเธอ และนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
แสงจากโคมไฟเรืองรองนั้น ทำให้รอบๆ ห้องโถงใหญ่สว่างไสว
และการประดับประดาที่ประณีตรอบด้าน ยิ่งเรืองรองเจิดจรัส กลิ่นอายสูงศักดิ์น่าเกรงขาม
เวลานี้ เห็นเพียงชายหนุ่มกำลังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
แสงเทียนสลัวดุจสายน้ำนั้น ขับเน้นเค้าโครงสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มออกมา แม้จะเป็นเพียงแผ่นหลัง แต่ชวนหลงใหล
เส้นผมดำลื่นดุจน้ำตก ไหล่กว้างเอวคอด รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิกสูงส่ง ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด
เห็นเช่นนั้น แววตาของอ้าวเทียนเสวี่ย อดปรากฎความลุ่มหลงและตกตะลึงขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
เพราะชายผู้นี้ สูงส่งสมบูรณ์แบบ โดดเด่นไม่ธรรมดา และเพียงชายหนุ่มเช่นนี้ จึงจะคู่ควรกับเธอ
คืนนี้ ชายผู้นี้ จะกลายเป็นของเธอโดยสมบูรณ์แบบ
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจอ้าวเทียนเสวี่ยเอ่อล้นด้วยความปลื้มปิติ
จึงย่างเท้าเข้าไปด้านข้างชายหนุ่มทีละก้าว จากนั้นนั่งลงบนต้นขาทรงพลังของชายหนุ่มนั้นอย่างไม่เกรงใจ
ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยเรียกขึ้น
“เซวียน”
เสียงหญิงสาวอ่อนช้อย ทำให้คนฟังแทบอ่อนระทวย
ชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดของหญิงสาว ดวงตาดำขลับที่เหม่อลอย อดเปล่งประกายชั่วขณะไม่ได้ ทันใดนั้น อดหันมามองใบหน้าหญิงสาวช้าๆ ไม่ได้
ท่าทางนั้น คล้ายคนสติหลุดลอย
ทว่าหลังจากชายหนุ่มมองหญิงสาว ดวงตาเหม่อลอยค่อยๆ คล้ายมีกลุ่มไฟลุกโชนและร้อนแรงขึ้นมา
ท่าทางนั้น คล้ายสัตว์ร้ายที่หิวโซตัวหนึ่ง ต้องการกินเหยื่อตรงหน้าลงไปไม่ให้เหลือซาก
เมื่อเผชิญกับสายตาหื่นกระหาย ร้อนแรงของชายหนุ่ม อ้าวเทียนเสวี่ยเขินอาย แต่มากที่สุดกลับเป็นตื่นเต้นและดีใจ
เธอตั้งใจให้คนเลือกกลิ่นกุหลาบนี้ เพราะความจริงภายในมีกลิ่นหอมชนิดหนึ่งถูกใส่ลงไป กลิ่นหอมนั้นคือหอมรัญจวน
เพราะเครื่องหอมชนิดนี้คล้ายคลึงกับกลิ่นกุหลาบอย่างมาก เธอจึงกลัวชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาดผู้นี้ จะได้กลิ่นบางอย่างเข้า ดังนั้นจึงให้คนเพิ่มกลิ่นกุหลาบหอมฟุ้งนี้ลงไป เพื่อกล ลบกลิ่นของหอมรัญจวน
หอมรัญจวนนี้ มีความหมายตามชื่อ คือปลุกไฟปรารถนาบนกายของคนที่ต้องการได้ และสิ่งที่คนผู้นั้นเห็นตรงหน้าคือคนที่ตนรักที่สุด
และหอมรัญจวนนี้ มีผลกับเพียงบุรุษเท่านั้น เพียงบุรุษได้สูดดมมัน ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ยาจะออกฤทธิ์
ดังนั้น เธอจึงสั่งให้ทุกคนออกไป
เพราะคืนนี้ เธอจะทำให้เรื่องของพวกเธอ เปลี่ยนจากข้าวสารเป็นข้าวสุก ถึงเวลานั้นเธอไม่กลัวว่าชายผู้นี้จะรับผิดชอบเธอหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจ
ยื่นมือเรียวออกไปอย่างกล้าหาญ ก่อนลูบไล้หน้าอกของชายหนุ่มไม่หยุด
เมื่อรับรู้ถึงอุณภูมิร้อนระอุบนร่างกายของชายหนุ่ม ราวกับเตาอบขนาดใหญ่
และหน้าอกแกร่งนั้น ยิ่งกระเพื่อมหนักขึ้นตามการหยอกล้อของเธอ
ลมหายใจของชายหนุ่ม ยิ่งติดขัดมากขึ้น
เห็นเช่นนั้น อ้าวเทียนเสวี่ยยิ่งเขินอายและตื่นเต้นในใจ
เพราะจะพูดเช่นไร คืนนี้คือครั้งแรกของเธอ
แม้สำหรับเรื่องระหว่างชายหญิง เธอจะเข้าใจอยู่ก่อนแล้ว
เพราะสถานที่เช่นวังหลวงนั้น จะมีที่ใดขาวสะอาดบ้าง!
เธอคุ้นชินกับเรื่องระหว่างชายหญิง แต่กลับไม่พบชายที่ตนชื่นชอบมาก่อน เวลานี้ไม่ง่ายกว่าจะพบเจอ เช่นนั้นเธอจะพลาดไม่ได้
ชายผู้นี้ ต้องเป็นเพียงของอ้าวเทียนเสวี่ยเท่านั้น!
อ้าวเทียนเสวี่ยคิดในใจ ดังนั้น ใบหน้าประทินโฉมอย่างสวยงามนั้น ค่อยๆ เคลื่อนประชิดใบหน้าชายหนุ่ม
ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มอย่างอ่อนหวาน
“เซวียน ท่านรักข้าหรือไม่!”
เสียงหญิงสาวละมุน อ่อนหวาน ชวนลุ่มหลง
และชุดบางเบาสวมบนกายเธอ เผยรูปร่างน่าหลงใหลขาวผ่องนั้น แนบชิดกับกายชายหนุ่ม และลูบไล้หยอกล้อบนกายชายหนุ่มไม่หยุด
หญิงงามโดดเด่น ราวกับปีศาจสวยงามตนหนึ่ง มีชายใดที่เห็นแล้วใจไม่เต้นแรง!
แต่เวลานี้ หญิงสาวในแววตาของเหลิ่งอวี้เซวียน กับเหมือนกับคนตรงหน้านี้อย่างยิ่ง
เห็นเพียงสาวน้อยตรงหน้า สวมกระโปรงหลัวฉวินสีแดงบางเบาบนกาย
สีแดงเย้ายวนใจนั้น เมื่อสวมลงบนกายหญิงสาว ขับผิวของหญิงสาวให้ขาวผ่องเกลี้ยงเกลา เนียนนุ่ม ดุจเต้าหู้ ทำให้คนอดกลืนกินสักคำไม่ได้
และใบหน้างดงามของสาวน้อย คิ้วเข้มโก่งงอน ดวงตากระจ่างใส ริมฝีปากแดงสดนั้น ดุจดอกเหมยเพิ่งเบ่งบานในเดือนสิบสอง ทำให้คนมองอดอยากเข้าไปเชยชมไม่ได้
หลังจากเหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินคำพูดสาวน้อย อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“รัก ข้าย่อมรักเจ้า!”
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ใบหน้าอ้าวเทียนเสวี่ยปรากฎรอยยิ้มดีใจขึ้นมา
แต่อ้าวเทียนเสวี่ยยิ้มได้ไม่นาน เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของชายหนุ่ม ร่างกายพลันตะลึงงัน
“ซินเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า!”
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น
อ้าวเทียนเสวี่ยรู้สึกเพียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
แม้เธอจะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ได้รักเธอ เขารักหญิงอื่น แต่เวลานี้ หลังได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากชายหนุ่ม ทำให้เธอโมโหยิ่งนัก
ซินเอ๋อร์ หญิงชั้นต่ำผู้นั้น อาศัยสิ่งใด เจ้ามีสิ่งใด เหตุใดคนที่ชายผู้นี้รักจึงเป็นเจ้า!
อ้าวเทียนฉีร้องตะโกนในใจ ซินเอ๋อร์ต้องตาย
แต่เมื่อเห็นดวงตาแฝงความร้อนแรงของชายหนุ่มตรงหน้า อ้าวเทียนฉีเม้มริมฝีปากแดงแน่น ในใจคิดอย่างภูมิใจ
ฮึ แม้ชายผู้นี้จะไม่ได้รักข้า แล้วจะเป็นเช่นไร!
เพียงผ่านคืนนี้ไป เธอคือคนของเขา ต่อไปเขาต้องแต่งงานกับเธอเพียงเท่านั้น!
ถึงเวลานั้น เธอมีวิธีที่จะทำให้ชายผู้นี้รักเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยทำปากจู๋ ดวงตาปิดแน่น รอการเชยชมจากชายหนุ่ม
เมื่อเห็นสาวน้อยในอ้อมกอด ทำปากจู๋ รอเขาเชยชม เหลิ่งอวี้เซวียนที่จิตใจฟุ้งซ่าน รู้สึกเพียงทั่วร่างกายคล้ายถูกไฟแผดเผา ความร้อนระอุทะลักออกมาจากในใจ พลันทะลุทั่วร่างกาย ย สุดท้ายพุ่งรวมไปที่ท่อนล่างนั้นไม่หยุด
ความร้อนแรงนั้น เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกความปรารถนาในก้นบึ้งหัวใจที่รุนแรง คล้ายสัตว์ร้ายที่หลับใหลมาหลายพันปีนั้น ในที่สุดตื่นขึ้นมา
ตอนนี้เขาหิวโหย ต้องการอย่างมาก
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาที่เหลิ่งอวี้เซวียนมองสาวน้อย ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้น ร่างกายโน้มเข้าใกล้สาวน้อยเรื่อยๆ
ด้านหน้าจุมพิตของชายหนุ่มกำลังจะประทับลงบนริมฝีปากเชื้อเชิญของสาวน้อย
แต่ช่วงสุดท้าย ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายถูกค้อนขนาดใหญ่กระแทกอย่างหนัก ทันใดนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนได้สติ ร่างกายฟื้นคืนกลับมา
ดวงตาเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นประกายชั่วขณะ เห็นหญิงสาวกำลังนั่งแนบชิดในอ้อมกอดตน และไม่ใช่ซินเอ๋อร์คนที่เขารัก ดวงตาดำขลับตกตะลึงจนเบิกกว้าง ทันใดนั้น เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดขึ้ น
“เหตุใดเป็นเจ้า ซินเอ๋อร์เล่า!”
ระหว่างเอ่ย เหลิ่งอวี้เซวียนผลักอ้าวเทียนเสวี่ยที่นั่งอยู่บนต้นขาตนลงบนพื้น
การผลักอย่างไร้เยื่อใยของเหลิ่งอวี้เซวียนนั้น คล้ายที่นั่งบนต้นขาเขา ความจริงคือขยะชิ้นหนึ่งที่ไม่ควรสนใจ
อ้าวเทียนเสวี่ยที่ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนผลักลงบนพื้น รับมือไม่ทัน หลังได้สติ รู้สึกเจ็บปวดบนร่างกาย ทันใดนั้นอดร้องตกใจขึ้นไม่ได้
ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา
“เจ้า เจ้าผลักข้า!”
อ้าวเทียนเสวี่ยร้องขึ้น ก่อนมองดวงตากระจ่างใสของชายหนุ่ม ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตาว่า
“นี่ จะเป็นได้เช่นไร!”
เขาไม่ได้ถูกยาหอมรัญจวนหรือ เหตุใด…