สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 316 ความสุข
สำหรับการตอบโต้ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนดีใจอย่างหนัก
ดังนั้นจากจุมพิตเพียงแผ่วเบา กลับค่อยๆ กลายเป็นมิอาจถอนตัวขึ้นมา
ร่างกายล้มลง ก่อนเหลิ่งอวี้เซวียนจะคร่อมทับซินเอ๋อร์อยู่บนเตียง
มือใหญ่เกลี้ยงเกลานั้น เคลื่อนไปบนร่างกายซินเอ๋อร์อย่างช้าๆ และหยอกเย้าบนร่างกายอรชรงดงามของซินเอ๋อร์
หลังมีความสัมพันธ์แนบชิดกันมาเมื่อคืนและเมื่อเช้านี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเข้าใจร่างกายของซินเอ๋อร์มากกว่าตัวเธอเองเสียอีก
บริเวณใดคือจุดไวต่อสัมผัสที่สุดของเธอ เขารู้อย่างแจ่มแจ้ง
ดังนั้น ไม่นานซินเอ๋อร์ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนหยอกเย้าอย่างชำนาญ กระดูกบนร่างกายแทบอ่อนระทวย
ร่างกายนอนอ่อนแรงอยู่ใต้ร่างชายหนุ่ม
สองแก้มแดงระเรื่อ ปากเล็กแดงสด ดวงตาอ่อนละมุน
ขณะที่ทั้งสองจุมพิตกัน เสื้อผ้าบนตัวเธอ ค่อยๆ ถูกเลิกลงมากองที่เอว เผยผิวขาวผ่องดังหิมะ คอเรียวยาว ไหล่กลมมนน่าสัมผัส และหน้าอกที่ขาวผ่องของเธอออกมา
ผมยาวดำขลับนั้น นุ่มลื่นดุจเส้นไหม กระจายอยู่บนเตียง ทำให้ใบหน้าเล็กดังหยกนั้น ยิ่งประณีต สวยงามยิ่งขึ้น
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดตาเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ ก่อนดูลุ่มหลงและตกตะลึง
“ซินเอ๋อร์ เจ้างดงามจริงๆ!”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดเขินอายไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกเพียงจิตใจฟุ้งซ่าน ในใจคล้ายมีม้านับหมื่นตัววิ่งทะยาน ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
สายตาพลันดำมืด จับจ้องที่ริมฝีปากที่ถูกตนจุมพิตจนบวมเป่งของสาวน้อยนั้น พลันประกบลงไปอีก...
ครั้งนี้จุมพิตชายหนุ่มป่าเถื่อน ดุจพายุลมฝนอันบ้าคลั่ง
สำหรับความรุนแรงของชายหนุ่ม ทำให้ซินเอ๋อร์รับมือไม่ไหว อดส่งเสียงออกมาคำหนึ่งไม่ได้
แต่กลับไม่รู้เสียงนี้ของตน เมื่อชายหนุ่มได้ยินเย้ายวนใจเพียงใด
หลังได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนยิ่งจุมพิตหนักหน่วงมากขึ้น
ร่างกายสูงใหญ่ พลันคร่อมลงบนเตียงปกคลุมบนร่างเล็กของซินเอ๋อร์
บนเตียงใหญ่ ทั้งสองคนคลอเคลีย ส่งเสียงครวญครางไม่ขาดสาย ทำให้คนที่ได้ยินหน้าแดงใจเต้นแรง
แต่ขณะเข้าด้ายเข้าเข็ม ตัวก่อกวนกลับพลันปรากฎตัวขึ้น
ซินเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแรง รู้สึกเพียงจั๊กจี้ที่ฝ่าเท้า ตอนแรกคิดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนจุมพิตฝ่าเท้าตน ดังนั้นจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เซวียน ไม่ จักจี้ ฮ่าๆ”
“หืม”
เหลิ่งอวี้เซวียนกำลังมัวเมาจุมพิตบนคอซินเอ๋อร์ หลังได้ยินอดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้
ทันใดนั้นเงยใบหน้าที่ซบอยู่ซอกคอของซินเอ๋อร์ขึ้นมา
ดวงตาดำขลับเปี่ยมด้วยความปรารถนา แฝงไปด้วยความสงสัยหลายส่วน
เพราะเขาจำได้ว่าคอของซินเอ๋อร์ไม่ใช่จุดไวต่อสัมผัสของเธอ เหตุใดวันนี้เขาจุมพิตตรงนี้ของเธอ เธอกลับรู้สึกจั๊กจี้!
ตรงข้ามกับความสงสัยของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์กำลังหัวเราะ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นของชายหนุ่ม และรู้สึกยังคงจั๊กจี้ที่เท้า พลันดวงตาเบิกกว้าง ก่อนร้องอย่างตกใจ
“อา ไม่ใช่ท่านเลียเท้าข้า เช่นนั้นคือผู้ใด!”
ซินเอ๋อร์พลางร้องตกใจ พลันยื่นมือผลักชายหนุ่มที่กำลังทับอยู่บนร่างตนออก
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ตกใจเช่นนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็พลันตกใจด้วย มองไปที่เท้าของซินเอ๋อร์ทันที
เห็นเพียงตรงนั้นมีตัวสีขาวขนปุกปุยตัวหนึ่งกำลังเลียเท้าของซินเอ๋อร์
เวลานี้ลูกสุนัขรับรู้ถึงสายตาทั้งสองคนที่มองมัน จึงเงยศีรษะอย่างกล้าหาญ มองซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างไร้เดียงสา
เมื่อถูกลูกสุนัขจับจ้องเช่นนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ร้อง ‘อา’ ออกมา ก่อนหยิบผ้าห่มปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าของตนไว้
แม้นี้เป็นเพียงลูกสุนัขไม่เข้าใจสิ่งใดตัวหนึ่ง แต่เปลือยกายต่อหน้าลูกสุนัข ยังคงทำให้ซินเอ๋อร์อึดอัด
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตูมและเขินอายของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดรู้สึกขบขันไม่ได้
“ฮ่า ๆ มันเป็นเพียงลูกสุนัข เจ้ายังเขินอาย”
“เซวียน ท่านอย่าพูดเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการ ทำเรื่อง…เรื่องเช่นนั้นกับท่าน ต่อหน้าลูกสุนัข”
“ทำเรื่องใดกับข้าหรือ พูดสิ เจ้าพูดต่อไปสิ”
หลังเห็นซินเอ๋อร์เอ่ยจบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเปล่งประกายเขินอาย ท่าทางนั้นอ่อนช้อยงดงาม แฝงความน่ารักยั่วเย้า เหลิ่งอวี้เซวียนรักท่าทางเช่นนี้ของเธอยิ่งนัก
ดังนั้น จึงอดหยอกล้อเธอไม่ได้
ซินเอ๋อร์ทนกับการหยอกล้อของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ไหว ดังนั้นจึงเงยหน้ามองค้อนเขาอย่างโมโหและเขินอาย
คล้ายกำลังกล่าวหาเขา
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น อดหัวเราะดังลั่นขึ้นมาไม่ได้
“เอาล่ะ พวกเราจะไม่มีความสัมพันธ์กันต่อหน้าลูกสุนัข เรื่องนี้ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ ยื่นแขนใช้นิ้วหนีบคอลูกสุนัขขึ้น ก่อนชูตัวของมันขึ้นอย่างง่ายดาย
ก่อนโยนลูกสุนัขที่ไม่ยินยอมจากไปนั้น ออกไปนอกประตู
ดูไร้เมตตา แต่เหลิ่งอวี้เซวียนทำอย่างเบามือ
เพราะเขารู้ว่าซินเอ๋อร์ชอบสัตว์เลี้ยง เป็นชีวิตจิตใจ หากเขาทำร้ายเจ้าตัวเล็กจริง ซินเอ๋อร์ของเขาต้องกล่าวหาว่าเขาทรมานสัตว์เลี้ยงแน่
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ หลังโยนเจ้าตัวเล็กที่ทำลายเรื่องสำคัญของพวกเขาไป เหลิ่งอวี้เซวียนกลับขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว
ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงเตียง ก้มลงมองอดจนปัญญาไม่ได้
เพราะคนตัวเล็กหลังกระตุ้นจุดไฟปรารถนาของเขาขึ้น ตนเองกลับหลับสนิทไปแล้ว!
เมื่อเห็นลมหายใจปกติของคนตัวเล็ก ใบหน้าหลับสนิท เหลิ่งอวี้เซวียนขุ่นเคือง และเอ็นดูในใจไปพร้อมกัน
ทว่าเมื่อก้มลงมองท่อนล่างที่พร้อมรบของตน อดกัดฟันอย่างหงุดหงิดไม่ได้
น่าตายนัก ดูท่าคืนนี้ เขาต้องใช้น้ำเย็นดับความปรารถนาเสียแล้ว
…
วันถัดมา ซินเอ๋อร์หลับสนิทตลอดคืน
และเธอยังหลับอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นที่โอบล้อมบนกาย และกลิ่นอำพันทะเลหอมกรุ่น แสนสบายและรู้สึกปลอดภัยนั้น ทำให้ซินเอ๋อร์รู้สึกตนเวลานี้มีความสุขยิ่งนัก
เพราะเมื่อเธอลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือชายที่ตนรักที่สุด ความรู้สึกหวานชื่นนั้น ยากที่จะเขียนบรรยายออกมาได้เสียจริง
ซินเอ๋อร์ปลื้มใจ พลันใช้ดวงตาแฝงด้วยความสุข สำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเงียบๆ
เห็นเพียงเวลานี้เป็นช่วงเช้าตรู่
แสงอาทิตย์ยามเช้าในฤดูร้อนอันอบอุ่น สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเปิดอ้าไว้จนสว่างไปทั่วห้อง
สายลมเย็นพัดเอื่อย หอบเอากลิ่นดอกไม้หอมสดชื่นเข้ามาส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วห้อง
ม่านมุกห้อยย้อยลงมานั้นถูกลมพัดจนไหวเอน กระทบกันไปมา เสียงกุ๊งกริ๊งน่าฟัง ไพเราะยิ่งนัก
ม่านโปร่งยาวนั้น ถูกสายลมพัดจนพริ้วไหว ทำให้ห้องดูงดงามมากขึ้นหลายส่วน
เวลานี้ชายหนุ่มข้างกายยังหลับสนิท
เมื่อเห็นใบหน้าหลับสนิทของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดมีสีหน้าอ่อนลงไม่ได้
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเห็นใบหน้ายามหลับของชายหนุ่มในระยะใกล้เช่นนี้
เมื่อวานตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกเพียงเขินอายอย่างยิ่ง จึงรีบร้อนหนีไป ดังนั้นจึงไม่ได้มองสำรวจชายหนุ่มอย่างละเอียด
เวลานี้เมื่อเห็นชายหนุ่มหลับสนิท ลมหายใจดูปกติ ท่าทางงดงามนั้น ช่างชวนหลงใหล จนทำให้เธอมองอย่างเหม่อลอย
แสงแดดอบอุ่น ทะลุผ่านม่านโปร่งเข้ามาสาดส่องลงบนกายชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
เห็นเพียงชายหนุ่มกำลังนอนตะแคง มือหนึ่งโอบเอวเล็กของเธอไว้ ส่วนอีกข้างถูกเธอใช้หนุนแทนหมอน
ท่าทางนี้อบอุ่นยิ่งนัก และแฝงความเผด็จการ
คล้ายต้องการโอบล้อมเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอจากไป
หรือกระทั่งในความฝัน เขายังคิดถึงเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หวานชื่นในใจ
ก่อนรอยยิ้มหวานจะปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ทำให้อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าโดดเด่นของเธอ อ่อนโยนยิ่งขึ้น
ดวงตากระจ่างใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำคู่นั้น จับจ้องที่ชายหนุ่ม
เห็นเพียงท่อนล่างของชายหนุ่มถูกผ้าห่มปกปิดไว้ เผยเพียงหน้าอกแกร่งและหน้าท้องนั้นออกมา
ร่างกายนี้ มีเพียงคนที่ฝึกฝนร่างกายเป็นประจำเท่านั้น
ผิวสีน้ำตาลให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรง
ไหล่กว้างเอวขอด กล้ามเนื้อแน่นขนัด
กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกนั้น อัดแน่นอยู่รวมกัน ลายกล้ามเนื้อเด่นชัด เมื่อชายหนุ่มหายใจ หน้าอกจะกระเพื่อมขึ้นลงตามไปด้วย ทำให้ดูคล้ายเก็บซ่อนพลังที่ไร้ขีดจำกัดเอาไว้
เมื่อมองต่ำลงไปจากกล้ามเนื้อแข็งแกร่งของชายหนุ่ม จะเป็นหน้าท้องไร้ไขมันส่วนเกิน
และเมื่อมองต่ำลงไป
ไม่มีแล้ว
เพราะท่อนล่างของชายหนุ่มถูกผ้าห่มคลุมปิดไว้
ทว่าแม้ตอนนี้จะมองไม่เห็น แต่สำหรับส่วนนั้น ซินเอ๋อร์กลับไม่แปลกตาแม้แต่นิดเดียว
เพราะพวกเขาสองคนพัวพันกันมาสองวันแล้ว ทั้งสองต่างไร้สิ่งติดกาย เปิดเผยซึ่งกันและกัน
ร่างกายของอีกฝ่าย เห็นหมดจดทุกซอกทุกมุม
ทว่าเมื่อเห็นตรงนั้นของชายหนุ่ม มักทำให้ซินเอ๋อร์หน้าแดงเขินอาย
เพราะสิ่งนี้ทรมานเธอไปมาอย่างรุนแรงกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงความร้อนรุ่ม ทะลักจากในใจขึ้นสู่เหนือศีรษะ
กระทั่งสองแก้มยังร้อนผ่าว
สวรรค์!
เธอเป็นสตรี เหตุใดมักสนใจสิ่งนั้นของบุรุษ โดยไม่เขินอาย
ทว่าโชคดีที่ตอนนี้ชายหนุ่มหลับสนิท มิฉะนั้นหากถูกผู้อื่นเห็นเข้า จะคิดว่าเธอเป็นคนเช่นไร!
ซินเอ๋อร์หงุดหงิดในใจ พลันดึงสายตากลับมา และไม่กล้ามองตรงนั้นของชายหนุ่มอีก
แต่ทันใดนั้น เสียงเกียจคร้านแฝงแหบพร่า กลับดังขึ้นเหนือศีรษะเธอ
“ซินเอ๋อร์ กำลังมองสิ่งใดหรือ เจ้าต้องการมันหรือ!”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงแฝงความแหบพร่าเจ็ดส่วน หยอกเย้าสามส่วน
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงสมอง ‘ตูม’ ขึ้นมา ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
สวรรค์!
ฟ้าดิน!
สังหารเธอเถิด!
เซวียนตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดเธอไม่รู้ตัว!
และคำพูดนี้ของเขาหมายความเช่นไร!
สวรรค์ เขาต้องเห็นเธอจับจ้องสิ่งนั้นของเขาแน่ น่าอับอายยิ่งนัก!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อับอายในใจ กระทั่งอยากกัดลิ้นตาย
เพราะเธอตอนนี้ อับอายจริงๆ เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฮือๆ