สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 317 การแต่งงาน
ซินเอ๋อร์อับอายอย่างหนัก ทันใดนั้นพลันเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น
“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”
“จริงหรือ หากไม่มี เหตุใดสายตาเจ้าจึงจับจ้องที่ตรงนี้ของข้า!”
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์เขินอายอย่างน่ารัก อดทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนมีใจหยอกเย้าไม่ได้
เพราะเมื่อคืน คนงามในอ้อมกอดกลับหลับสนิท เขาตัดใจปลุกเธอขึ้นมาไม่ได้ จึงเพียงกอดเธอแน่นหลับไป
ดังนั้น เมื่อคืนเขาหลับอย่างเจ็บปวดและหวานชื่น
กระทั่งต้องแช่น้ำเย็นหลายรอบ จึงจะสามารถข่มความปั่นป่วนทั้งหมดในใจนั้นลงได้
เวลานี้เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นขึ้น ใจที่เคยอดกลั้นของเหลิ่งอวี้เซวียน ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง
สายตาที่มองหญิงสาว แฝงด้วยความคลุมเคลือและร้อนแรง
คล้ายสัตว์ร้ายหิวโซตัวหนึ่ง เมื่อเห็นอาหารเช้าที่แสนอร่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้ ซินเอ๋อร์กำลังสับสนและเขินอาย หลังได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน เขินอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
สวรรค์ เซวียนเขารู้ว่าเธอเมื่อครู่มองสิ่งนั้นของเขาจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หน้ายิ่งแดงก่ำ ก่อนเอ่ยอู้อี้ขึ้น
“นี่ นี่ เพราะ…”
“เพราะอันใดหรือ หืม!”
เมื่อเห็นสาวน้อยอ้ำอึ้ง สองแก้มแดงก่ำ เหลิ่งอวี้เซวียนใจเต้น รีบพลิกตัวคร่อมบนตัวสาวน้อยทันที
สำหรับการกระทำของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดร้องตกใจไม่ได้ ดันหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มไว้ ก่อนเอ่ยอย่างตกใจ
“เซวียน ไม่ได้ เช้าแล้ว”
เวลานี้ไม่เหมือนกับตอนกลางคืน แสงเทียนมืดสลัว
แสงอาทิตย์สดใสนั้น ลอดเข้ามาทางหน้าต่างลายสลักที่เปิดอ้าบานนั้น จนทั่วห้องสว่างไสว
ทำให้ทั้งหมดดูกระจ่างชัด
จนกระทั่งไฟปรารถนาในแววตาของชายหนุ่ม เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ส่วนเหลิ่งอวี้เซวียนหลังได้ยินคำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ อดยื่นมือรัดมือเล็กของเธอไว้แน่น พลันจุมพิตลงบนหน้าผากอิ่มอย่างอดใจไม่ได้ และเอ่ยเสียงแหบพร่าขึ้น
“เช้าตรู่ทำไม่ได้หรือ!”
เสียงทรงเสน่ห์ แฝงความเกียจคร้านเพิ่งตื่นนอนนี้ กลับไพเราะอย่างยิ่ง
เอ่ยจบ ชายหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนเอ่ยต่อขึ้น
“ข้ารักเจ้า ทุกวันทุกเวลา!”
คำพูดเย้ายวนใจนั้นจบลง ซินเอ๋อร์ยังไม่ทันตั้งตัว ขณะคิดร้องออกมา พลันถูกชายหนุ่มประกบปากลงมาอย่างแม่นยำ
จุมพิตชายหนุ่มอ่อนโยน แฝงความดุดัน และลึกซึ้ง
แยกริมฝีปากอมชมพูของหญิงสาวนั้นออกอย่างรวดเร็วก่อนสอดลิ้นเข้าไปดูดกลืนน้ำหวานในปากหญิงสาว
สำหรับจุมพิตดุดัน รุนแรงของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์รับมือไม่ไหว จึงคิดดิ้นรน สุดท้ายกลับตกอยู่ในภวังค์จุมพิตของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
แสงอาทิตย์ยามเช้างดงาม แต่ภายในห้องกลับอบอุ่นอย่างไร้ขีดจำกัด
…
เมื่อซินเอ๋อร์ตื่นขึ้นและแต่งกายเสร็จ พระอาทิตย์เคลื่อนอยู่กลางท้องฟ้าแล้ว
เมื่อเห็นแสงอาทิตย์เรืองรองงดงามด้านนอก ซินเอ๋อร์ที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้นางกำนัลหวีผมแต่งตัว พลางค้อนชายหนุ่มด้านข้างที่ราวกับจิ้งจอกแอบขโมยกินไก่ของชาว วนา และเมื่อเห็นสีหน้าภูมิใจของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์โมโหอย่างหนัก
หลังจากนางกำนัลเกล้าผมแต่งกายให้ซินเอ๋อร์เสร็จ เหลิ่งอวี้เซวียนส่งสัญญานให้พวกนางออกไป
เวลานี้ซินเอ๋อร์เชิดใบหน้าเล็กงดงามเกลี้ยงเกลา แต่แดงก่ำขึ้น ก่อนกล่าวหาเหลิ่งอวี้เซวียนว่า
“เซวียน เป็นเพราะท่าน ตอนนี้สายมากแล้ว เวลานี้พวกเราเพิ่งไปเฝ้าคารวะท่านอ๋องและพระชายา ไม่รู้พวกท่านจะโมโหหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์กังวลเรื่องนี้ที่สุด
เพราะอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสของพวกเธอ เมื่อวานเซวียนให้คนไปทูลพระชายาว่าวันนี้จะไปเข้าเฝ้า
แต่ตอนนี้เวลาใดแล้ว จะให้เหล่าผู้อาวุโสรอคอยพวกเธอได้เช่นไร!
หากพระชายาโมโห จะทำเช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ร้อนใจอย่างยิ่ง
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่วิตกกังวล เหลิ่งอวี้เซวียนกลับนิ่งเฉย โน้มตัวลงกอดซินเอ๋อร์
ก่อนวางคางลงบนศีรษะของเธอ ถูไถหน้าผากของเธออย่างช้าๆ กล่าวยิ้มๆ ว่า
“พวกท่านไม่โกรธเคืองแน่ พวกเรากำลังพยายามทำหลานให้พวกท่าน หากพวกท่านรู้เข้า ต้องดีพระทัยอย่างมากแน่!”
“พยายามทำหลานอันใดกัน ท่านช่างพูดได้อย่างไม่อายปาก!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ใบหน้าเก้อเขิน ก่อนตำหนิขึ้นทันที
ชายหนุ่มได้ยิน อดเลิกคิ้วงามไม่ได้ ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“น่าละอายสิ่งใด ข้าพูดความจริง เพราะพวกเราสองคนต่าง…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนตั้งใจหยุด พลันเล่นหูเล่นตาให้กับซินเอ๋อร์ ด้วยสีหน้าคลุมเคลือ
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์หน้าแดง จึงเอ่ยขึ้นต่อว่า
“สองวันนี้เราสองคนพยายามเช่นนี้ ภายในท้องของเจ้าอาจจะมีบุตรของพวกเราแล้วก็ได้”
“อะไรนะ บุตร!”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน พลันคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงก้มหน้าลงมองหน้าท้องที่ยังแบนราบของตน ก่อนคิดในใจ
ถูกต้อง เธอกับเซวียนทำเรื่องพรรค์นั้น ภายในท้องของเธออาจจะมีบุตรของเธอและเซวียนแล้วก็ได้
บุตร...
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ดูอ่อนโยนลง ก่อนมุมปากจะปรากฎรอยยิ้มละมุนจับใจออกมา
ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดก้มลงจุมพิตบนหน้าผากซินเอ๋อร์อย่างรักใคร่ไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ ข้าหวังจริงๆ ว่าพวกเราจะมีบุตรของตนเอง”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยเสียงแฝงความคาดหวังและอ่อนโยนอย่างที่สุด
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์แม้เขินอาย แต่กลับรู้สึกมีความสุขและคาดหวังอย่างยิ่ง ทันใดนั้นพยักหน้าเอ่ยขึ้นว่า
“อืม ข้าก็เช่นกัน”
…
หลังมาถึงเรือนที่พระชายาประทับอยู่ เป็นดังคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน พวกพระชายาไม่ได้โกรธเคือง และเมื่อห็นรอยแดงวับๆ แวมๆ บนคอของซินเอ๋อร์ ดีใจอย่างยิ่ง
“ดียิ่งนัก ความรักของพวกเจ้าสองคนก้าวกระโดดไปรวดเร็วจริงๆ เช่นนั้นงานอภิเษกของพวกเจ้า ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นวันหน้าอุ้มท้องอภิเษก คงไม่ดีแน่!”
พระชายาเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยรอยยิ้มสดใส
หลังได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ของพระชายา ซินเอ๋อร์สองแก้มแดงก่ำอย่างเขินอาย ก่อนก้มหน้าลง จนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างอดยื่นมือกุมมือนุ่มของซินเอ๋อร์ไว้แน่นไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
“เสด็จแม่ ตรัสเช่นนี้ ซินเอ๋อร์เขินอายสิพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฮ่าๆ ซินเอ๋อร์ขี้อายเสียจริง ทว่าสะใภ้เช่นนี้ ข้าชอบยิ่งนัก!”
พระชายาเอ่ยจบ ท่านอ๋องที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ด้านข้างมาตลอด เอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเรารีบเลือกฤกษ์ยามมงคล ให้พวกเขาอภิเษกกันเถิด!”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
หลังได้ยินคำพูดของบิดาตน เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก และกุมมือของซินเอ๋อร์แน่นขึ้น
สายตาที่มองซินเอ๋อร์ อ่อนโยนดังสายน้ำไหลไม่ขาดสาย จนซินเอ๋อร์แทบอ่อนระทวย จนไม่อาจถอนตัว
ตรงข้ามกับการสบตากันอย่างรักใคร่ มีความสุขของเหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์ ท่านอ๋องและพระชายามองหน้ากัน ด้วยแววตาอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความรักที่ไม่เสื่อมคลาย
…
พระชายานิสัยใจร้อน หลังทราบว่าบุตรชายตนจะอภิเษกสมรส พลันให้คนเปิดตำราคำนวณดูฤกษ์ยามวันมงคล และกำหนดเป็นวันที่ยี่สิบแปดของเดือนหน้า
เพราะจากตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน จึงถือว่ากระชั้นชิดอย่างมาก
ทว่าพระชายานิสัยใจร้อน หลังได้วันมงคล รีบจัดการเรื่องงานอภิเษกของพวกเขาทันที
เรื่องนี้ทูลเกล้าให้ฮ่องเต้ทรงทราบเรียบร้อยแล้ว หลังฮ่องเต้ทรงทราบทรงปลื้มปิติ และส่งมอบของขวัญแสดงความยินดีให้แก่พวกซินเอ๋อร์ไม่น้อย
เพราะต้องจัดการเรื่องงานอภิเษกสมรส เหลิ่งอวี้เซวียนจึงพาซินเอ๋อร์เข้าเฝ้ากราบทูลลาฮ่องเต้ เพื่อกลับไปยังวังของตน
ฮ่องเต้ย่อมทรงรับสั่งตกลง
แต่ทันใดนั้น ก็มีคนในวังเข้ามารายงานว่าองค์ชายสามและองค์หญิงสี่จากแคว้นฉีจะออกจากวังหลวงเช่นกัน
หลังทรงได้ยิน ฮ่องเต้เพียงเงียบงัน ก่อนทรงอนุญาต
หลังคนในวังจากไป ฮ่องเต้ทรงรับสั่งกับเหลิ่งอวี้เซวียนขึ้น
“สองวันก่อน ไม่รู้องค์ชายสามแคว้นฉีเป็นอันใด เมามายจนไม่ระวังจมน้ำ โชคดีคนในวังพบเข้าและช่วยขึ้นมาได้ทันเวลา”
หลังได้ยินรับส่งของฮ่องเต้ ซินเอ๋อร์ที่กำลังเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง พลันดวงตาเบิกกว้าง บนใบหน้าก็ปรากฎความแปลกใจและกังวลขึ้น
เพราะหลังได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ ซินเอ๋อร์อดนึกถึงสองวันก่อน คืนนั้นเธอพบกับองค์ชายสามที่ศาลาพักร้อนมิใช่หรือ!
และเธอจำได้ว่าด้านข้างศาลานั้น คือแม่น้ำ
หรือคำพูดของเธอนั้นทำร้ายองค์ชายสาม จนเขาคิดไม่ตก กระโดดลงน้ำฆ่าตัวตาย!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจ และแฝงไปด้วยความกังวลและเสียใจ
เพราะแม้องค์ชายสามผู้นี้จะพบกับเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอทราบดีว่าเขามีนิสัยที่ไม่เลว
แม้จะคิดร้ายกับเธอสองครั้ง
แต่เธอรู้สึกถึงความเสียใจเจ็บปวดของเขา
พอคิดถึงตรงนี้ เพราะกังวลในใจ สองมือที่วางบนหัวเข่าของซินเอ๋อร์นั้น จึงอดพันกันแน่นไม่ได้
แต่เธอไม่รู้ตัวว่า สีหน้าและท่าทางของเธอเวลานี้ กำลังตกอยู่ในสายตาของบางคนทั้งหมด
ดวงตาดำขลับคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนพลันปรากฎความสับสนขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ในตำหนักหลิงซิน
“อะไรนะ พี่สามไม่ยอมเสวยหรือ!”
อ้าวเทียนเสวี่ยยืนอยู่หน้าประตูเรือน เห็นบ่าวในวังยกอาหารเช้าที่ไม่มีการแตะต้องออกมา อดขมวดคิ้วเอ่ยถามไม่ได้
บ่าวในวังได้ยิน พลันก้มหน้าหลุบตา เอ่ยขึ้น
“เพคะ องค์หญิง”
เมื่อได้ยิน อ้าวเทียนเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น แววตาแฝงด้วยความกังวลโมโหมองไปยังประตูไม้บานสลักที่ปิดแน่นนั้น
ทันใดนั้น เมื่อเห็นบ่าวรับใช้จากไป กวักมือเรียกขันทีผู้หนึ่งเข้ามา และเอ่ยถามขึ้น
“เสี่ยวเต๋อจื่อ เจ้าปรนนิบัติอยู่ข้างกายพี่สาม วันนั้นเหตุใดเขาจึงตกน้ำ เจ้าเห็นผู้อื่นอยู่ตรงนั้นหรือไม่!”
ไม่แปลกที่อ้าวเทียนเสวี่ยจะสงสัย
เพราะพี่สามของตนผู้นี้ ว่ายน้ำเป็น
แม้จะดื่มสุรามากมาย จนตกลงไปในน้ำ ควรได้สติกลับมา!
แต่เหตุใด หลังเขาตกลงไปในน้ำ กลับไม่ยอมขึ้นมา!