สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 320 ชายชุดดำหลังพุ่มไม้
“เสี่ยวหวนเจ้าได้ยินหรือไม่ พุ่มไม้ด้านหน้านั้น คล้ายมีคน!”
หลังได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ซินเอ๋อร์อดหยุดฝีเท้าลงตั้งใจฟังไม่ได้ และเอ่ยเสียงเบากับเสี่ยวหวนข้างกาย
เห็นชัดว่าเสี่ยวหวนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในพุ่มไม้ หลังฟังอย่างเงียบๆ ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนดึงมือซินเอ๋อร์ไว้แน่น และเอ่ยขึ้น
“นายหญิง พวกเราไม่ต้องยุ่งเรื่องพวกนี้ดีกว่า รีบกลับกันเถิด ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ไม่รู้ผู้ใดอยู่ตรงนั้น หากเป็นคนเลวจะทำเช่นไร!”
เสี่ยวหวนยังคงหวาดกลัวกับเรื่องครั้งก่อนอย่างชัดเจน
ครั้งก่อนเสี่ยวหวนเพราะปวดท้อง จึงทิ้งซินเอ๋อร์ไว้บนถนนใหญ่ เมื่อกลับมาซินเอ๋อร์หายตัวไป ต่อมาจึงรู้ว่าซินเอ๋อร์ถูกคนจับตัวไป
โชคดีต่อมาปลอดภัย มิฉะนั้นเสี่ยวหวนต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
ดังนั้นตอนนี้ หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ เสี่ยวหวนพลันกลัวซินเอ๋อร์จะเข้าไปบริเวณนั้น หากคนตรงนั้นเป็นคนเลว พวกเธอสองคนล้วนเป็นหญิงสาวบอบบาง
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวหวนดึงมือซินเอ๋อร์ไว้แน่น เพื่อไม่ให้เธอเข้าไป
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ย่อมรู้ถึงความกังวลในใจเสี่ยวหวน
ทว่าพุ่มไม้ด้านหน้ามีเสียงลมหายใจติดขัดและครวญคราง คล้ายมีคนบาดเจ็บดังออกมาตลอดเวลา
หากมีคนบาดเจ็บ พวกเธอไม่เข้าไปช่วยเหลือ คนผู้นี้เสียชีวิตจะทำเช่นไร!
ช่วยชีวิตคน ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น!
ดังนั้น ซินเอ๋อร์ไม่อยากมองผ่านไปโดยไม่ช่วยเหลือ
และเอาใจเขามาใส่ใจเรา วันหน้าเธอตกอยู่ในอันตราย คงไม่อยากให้คนมองดูอยู่ด้านข้าง โดยไม่ช่วยเหลือ มิใช่หรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดเอ่ยเรื่องเหล่านี้กับเสี่ยวหวนไม่ได้
สุดท้าย เมื่อเห็นสีหน้าเสี่ยวหวนยังคงวิตกกังวล จึงตบมือเสี่ยวหวนเบาๆ และเอ่ยปลอบโยนว่า
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดมาก แม้จะเป็นคนเลว คงไม่จู่โจมในเวลานี้”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
แต่เวลานี้ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน แสงอาทิตย์แดงอร่ามดุจเลือด
แสงอาทิตย์สีแดงอมส้มนั้น สาดส่องลงมาทางท้องฟ้าทิศตะวันตกจนแดงก่ำ
ทำให้กลุ่มเมฆทางท้องฟ้าทิศตะวันตกเป็นประกาย สีสันตระการตา สวยงามเกินบรรยาย!
ตรงพุ่มไม้ที่ไม่ไกลจากพวกเธอเขียวขจี รวมทั้งท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงทำให้พุ่มไม้นั้นมืดสนิท มองไม่เห็นว่าด้านในมีสิ่งใด
หากไม่ได้มีเสียงครวญครางของคนดังออกมา พวกซินเอ๋อร์คงไม่รู้ว่าด้านในมีคนอยู่ตรงนั้น!
เวลานี้ซินเอ๋อร์ตัดสินใจเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนเสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้นก็จนใจ
เพราะเสี่ยวหวนรู้ว่า ปกติซินเอ๋อร์ที่อ่อนโยน แต่เมื่อเรื่องที่ตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนใจ
ดังนั้น เพียงถอนหายใจ และเดินเข้าไปช้าๆ พร้อมกับซินเอ๋อร์
เพราะไม่รู้ในพุ่มไม้เป็นคนดีหรือเลว เสี่ยวหวนจึงร้อนใจ แม้จะกังวลหวาดกลัว แต่ยังเดินไปข้างหน้า และกันซินเอ๋อร์ไว้ทางด้านหลัง
เพราะด้านหลังเธอคือชีวิตจิตใจของนายท่าน หากเส้นผมขาดไปแม้เส้นเดียว ชีวิตเล็กๆ ของเธอคงจบสิ้นแน่
สำหรับการปกป้องเธออย่างระมัดระวังของเสี่ยวหวน ทำให้ซินเอ๋อร์ซาบซึ้งอย่างหนัก
รู้สึกเพียงชาตินี้มีเพื่อนเช่นนี้ ช่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนเดินมาถึงหน้าพุ่มไม้เขียวขจีนั้น
ทว่าเมื่อเข้าใกล้พุ่มไม้ ไม่รู้คนด้านในรับรู้ว่ามีคนใกล้เข้ามาหรือไม่ จึงพลันหยุดเสียงลง
หากเมื่อครู่พวกซินเอ๋อร์ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากตรงนี้จริง อาจคิดว่าหูฝาดคิดไปเองก็เป็นได้!
เวลานี้เมื่อเห็นภายในพุ่มไม้เงียบงัน ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนสบตากัน ทันใดนั้นซินเอ๋อร์เอ่ยเรียกอย่างไพเราะขึ้น
“ด้านในมีคนต้องการความช่วยเหลือหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น แต่หลังเอ่ยจบ กลับไม่เห็นมีการตอบรับจากด้านใน
หลังขบคิด จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เอ่อ คือว่าพวกเราไม่ใช่คนร้าย ท่านวางใจได้ ไม่ต้องกังวล”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ด้านในยังไร้การตอบรับ จึงหันไปสบตากับเสี่ยวหวน
เสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้น อดดึงมือซินเอ๋อร์พร้อมเอ่ยขึ้นไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ เมื่อไม่มีคนตอบ พวกเราจากไปกันเถิด!”
เสี่ยวหวนเป็นคนประเภทมีเรื่องน้อย ย่อมทุกข์น้อย โดยเฉพาะตอนนี้ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ พวกเธอสองคนเป็นสตรีอ่อนแอไร้แม้แต่เรี่ยวแรงเชือดไก่ หากพบคนร้ายเข้าอีกครั้งจะทำเช่นไร!
ทว่าซินเอ๋อร์กลับคิดแตกต่างกับเสี่ยวหวน
เพราะในใจซินเอ๋อร์ มักสะอาดบริสุทธิ์ คิดว่าทุกคนมีจิตใจเมตตากรุณา บนโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนต่างคือคนเลว
ดังนั้น หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์กลับส่ายหน้า และเอ่ยขึ้น
“พวกเราไปดูก่อนเถิด หากมีคนต้องการความช่วยเหลือจริง พวกเราอาจช่วยเหลือได้”
หลังเอ่ยกับเสี่ยวหวนจบ ซินเอ๋อร์หันไปเอ่ยทางพุ่มไม้นั้นอีกครั้ง
“หากไม่มีผู้ใดตอบรับ พวกเราจะเข้าไปแล้ว”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์รออีกชั่วขณะ เมื่อเห็นไม่มีคนตอบรับ จึงก้าวเดินไปทางพุ่มไม้นั้นอย่างช้าๆ
เสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้น รู้ว่าตนโน้มน้าวซินเอ๋อร์ไม่สำเร็จ จึงเพียงเดินตามไปไม่ห่าง
ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานแสงอาทิตย์สีแดงหายลับไปจากขอบฟ้า
สายลมเย็นพัดเอื่อย จนยอดไม้ด้านข้างเกิดเสียง ‘ซ่าๆ’ ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้จึงชัดเจนเป็นพิเศษ
ทำให้รอบด้านเปลี่ยนไปเป็นวังเวงและลึกลับขึ้นมา
สำหรับเวลานี้ เสี่ยวหวนมักรู้สึกบรรยากาศไม่ดี กลัวว่าในพุ่มนั้นมีเรื่องน่าหวาดกลัวรอพวกเธออยู่ ดังนั้นจึงอารมณ์ตึงเครียดตลอดเวลา
ซินเอ๋อร์หวาดกลัว แต่ในใจแฝงด้วยความกังวล
ทว่าเมื่อพวกซินเอ๋อร์เข้าใกล้พุ่มไม้เรื่อยๆ และมองเข้าไปด้านใน ภาพที่เห็นต่างทำให้ทั้งสองคนตกใจจนใจหายวาบ!
เห็นเพียงด้านหลังพุ่มไม้ กำลังมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำ กำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้า
และนี่ยังไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญคือเหนือหน้าอกของชายผู้นี้มีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่
มีดบนกายชายหนุ่มเล่มนั้นเผยเพียงด้ามออกมา ทำให้รู้ว่ามีดเล่มนี้ ได้ปักเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม!
แม้ท้องฟ้าจะมืดและชายหนุ่มสวมชุดสีดำ จนมองไม่เห็นหยดเลือดพวกนั้น แต่กลิ่นคาวเลือดที่กระจายในอากาศ เพียงพอที่จะยืนยันว่าบนกายชายหนุ่มผู้นี้ ต้องมีร่องรอยบาดแผลแน่นอน ทว่าเพียงมองไม่เห็นเท่านั้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนต่างตกใจอย่างหนัก
เพราะพวกเธอสองคนต่างไร้เดียงสา จะเคยพบเห็นภาพเช่นนี้อย่างไร
ตกใจ จึงถือป็นเรื่องปกติ
หลังผ่านไปนาน เสี่ยวหวนได้สติ ดึงซินเอ๋อร์เข้ามา ก่อนเอ่ยตะกุกตะกักขึ้น
“ซินเอ๋อร์ นี่มันคนตาย พวกเราไปกันเถิด!”
เสี่ยวหวนเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เพราะเมื่อเห็นมีดปักบนร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้า และเขานอนนิ่งไม่ไหวติง เห็นชัดว่าตายสนิทแล้ว
และไม่รู้ว่าชายผู้นี้ถูกศัตรูไล่ล่าสังหารหรือไม่
ดังนั้น หากตอนนี้พวกเธอไม่จากไป เมื่อถูกศัตรูของชายผู้นี้พบเข้า สังหารพวกเธอไปด้วยจะทำเช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวหวนดึงซินเอ๋อร์ที่ตกใจ คิดไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
แต่ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์กลับร้องตกใจขึ้น
“เสี่ยวหวน เดี๋ยวก่อน ชายผู้นี้ยังไม่ตาย!”
“อะไรนะ ยังไม่ตาย เป็นไปไม่ได้!”
เพราะมีดเล่มนั้นปักเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม และกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเช่นนี้ ชายผู้นั้นจะไม่ได้ตายได้เช่นไร!
อาจเพราะล่วงรู้ความในใจของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์พลันชี้ไปทางชายหนุ่มนั้น ก่อนเอ่ยขึ้น
“เจ้าดู นิ้วของชายผู้นั้น ยังขยับอยู่!”
หลังได้ยิน เสี่ยวหวนมองตามที่ซินเอ๋อร์ชี้ไป
จริงดังที่คิด!
เห็นเพียงชายชุดดำที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนพื้นหญ้า ยังขยับนิ้วเล็กน้อย
ทว่าขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากมองไม่ละเอียด ยากที่จะสังเกตเห็น
เวลานี้ซินเอ๋อร์ที่เห็นชายหนุ่มยังไม่ตาย พลันสะบัดมือของเสี่ยวหวนออก ก่อนพุ่งเข้าไป พลันยื่นมืออังจมูกของชายหนุ่มผู้นั้น เมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มยังหายใจ อดดีใจไม่ได้
“เสี่ยวหวน จริงด้วย เขายังไม่ตาย ยังมีชีวิต!”
“จริงหรือ!”
หลังได้ยิน เสี่ยวหวนรีบเข้าไปดูลมหายใจของชายหนุ่ม แม้จะอ่อนแรง แต่ยังมีชีวิต เห็นเช่นนั้นเสี่ยวหวนไม่หวาดกลัวอีก
ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยขึ้น
“มา เสี่ยวหวน พวกเราสองคนร่วมแรงกัน หามชายผู้นี้กลับไปกันเถิด!”
เพราะชายผู้นี้ แม้จะยังไม่ตาย แต่กลับบาดเจ็บสาหัส หากไม่รีบรักษาให้ทันเวลา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์คิดหามชายผู้นี้กลับไปพร้อมเสี่ยวหวน
เสี่ยวหวนได้ยิน ไม่พูดมากความ ร่วมแรงกับซินเออร์คิดแบกคนกลับไป
ทว่าซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนต่างคือสตรีอ่อนแอ ร่างกายบอบบาง
ชายผู้นี้ สูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ร่างกายจึงหนักอย่างยิ่ง
ดังนั้น แรงของซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนไม่มีทางหามขึ้นได้
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นั้น พลางถอนหายใจและขบคิด รู้ว่าความคิดนี้ใช้การไม่ได้ ดังนั้นจึงเอ่ยกับเสี่ยวหวนว่า
“ไม่ได้ อาศัยเพียงพวกเราไม่มีทางหามได้แน่ เอาเช่นนี้ ที่นี่ห่างจากวังไม่ไกล ตอนนี้เจ้ารีบกลับไปที่วัง จากนั้นให้บ่าวชายที่แข็งแรงหลายคนมาที่นี่ และจำไว้ว่าต้องพาท่านหมอมาด้วย!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างละเอียดรอบคอบ
เสี่ยวหวนได้ยิน กลับพลันไม่ขยับตัว และขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างกังวลขึ้นว่า
“แต่ เจ้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง”
“ไม่เป็นไร เจ้ารีบไปรีบกลับมาเป็นพอ”
ทราบดีว่าเสี่ยวหวนเป็นห่วงตน ซินเอ๋อร์จึงอบอุ่นในใจ แต่กังวลว่าหากพวกเธอมัวอืดอาด ชายผู้นี้ไม่ตายถือว่าต้องตาย
เสี่ยวหวนได้ยิน ก้มลงมองชายหนุ่มที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนลังเลในใจชั่วขณะ แต่ยังหมุนตัวจากไป
เมื่อเห็นร่างเสี่ยวหวนรีบร้อนจากไป ซินเอ๋อร์ก้มลงมองชายหนุ่มที่หายใจรวยรินนี้อีกครั้ง คิ้วเข้มคู่งามนั้นขมวดเป็นปม
และเมื่อเห็นมีดเหนือหน้าอกของชายหนุ่ม แม้มีดนี้จะไม่ได้ปักบนร่างกายตน แต่เพียงเห็น เธอรู้สึกเจ็บปวด
………………………………………………………………..