สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 322 เหลิ่งเม่ยเฉิน
“อืม ตกลง”
หลังได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันหากระบอกน้ำของตนออกมาจากกองสิ่งของนั้น ก่อนหมุนตัวกลับไป
เห็นชายหนุ่มนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น อาจจะดื่มน้ำลำบาก
เธอจึงเห็นว่าชายหนุ่มดื่มน้ำด้วยตนเองไม่ได้
ดังนั้น จึงนำปากกระบอกน้ำวางลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม ก่อนเทป้อนลงไป
อาจเป็นเพราะชายหนุ่มกระหายน้ำ ไม่นานน้ำครึ่งกระบอกถูกดื่มจนหมด
จะโทษเขาก็ไม่ได้
เวลานี้อากาศร้อนอบอ้าว เขาไม่รู้นอนอยู่ตรงนี้มานานเพียงใด กระหายน้ำจึงถือเป็นเรื่องปกติ
หลังป้อนน้ำชายหนุ่มจนเสร็จ เวลานี้ดวงตาซินเอ๋อร์จึงเหลือบไปเห็นไม่ไกลมีคบไฟกำลังตรงมาทางนี้
จึงคิดในใจว่าอาจเป็นเสี่ยวหวนที่พาคนกลับมา พอคิดถึงตรงนี้ซินเอ๋อร์พลันดีใจ ทันใดนั้นหันกลับไปคิดเอ่ยบางสิ่งกับชายหนุ่ม
แต่เมื่อเธอหันกลับไป กลับเห็นชายหนุ่มขมวดคิ้ว และมีสีหน้าเคร่งเครียด
ซินเอ๋อร์ยังไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นตรงหน้าพลันลุกขึ้นมา
ทันใดนั้น เธอถูกโอบกอดไว้แน่นและถูกพลิกตัว จนถูกกดทับอยู่ด้านล่าง
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก
เพราะชายหนุ่มตรงหน้า เมื่อครู่ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด นอนนิ่งไม่ไหวติง เหตุใดตอนนี้จึงกลับมาคล่องแคล่วเช่นนี้
และสิ่งสำคัญคือ ตอนนี้เขาทับอยู่บนตัวเธอ!
สวรรค์!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจจนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างดุจระฆัง มองยังชายหนุ่มที่กดทับอยู่บนตัวเธอ
หลังได้สติ ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยขึ้นทันที
“ท่าน ท่านเข้ามา คิดทำอันใด อือ…”
ซินเอ๋อร์ยังเอ่ยพูดไม่จบ พลันถูกมือใหญ่ชายหนุ่มปิดปากไว้แน่น
เพียงส่งเสียงอืออาออกมา และศีรษะดิ้นไปด้านซ้ายขวาไม่หยุด
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ตกใจจนวิตกกังวล ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้ว หลังเห็นคบไฟและเงาคนเดินใกล้เข้ามาทางนี้เรื่อยๆ จึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นข้างใบหูซินเอ๋อร์
“แม่นาง ล่วงเกินแล้ว คนพวกนั้นต้องการสังหารข้า ดังนั้นขอแม่นางโปรดช่วยเหลือ ห้ามขยับได้หรือไม่!”
“อือ!”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ที่ดิ้นขัดขืนไม่หยุดพลันสงบลง
ทว่าแววตาปรากฎความตกตะลึงและแปลกใจขึ้นมา
สวรรค์!
คนพวกนั้น ไม่ใช่พวกเสี่ยวหวน แต่เป็นคนที่มาสังหารชายผู้นี้!
ชายผู้นี้คือผู้ใดกันแน่ เหตุใดจึงมีคนไล่ล่าสังหารเขา!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ และเห็นชายหนุ่มเวลานี้บาดเจ็บสาหัส เหนือหน้าอกยังมีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่
เวลานี้ชายหนุ่มคร่อมทับอยู่บนตัวเธอ อาจเพราะเมื่อครู่เคลื่อนไหวหนักเกินไป บาดแผลที่เลือดหยุดไหล ตอนนี้จึงมีหยดเลือดไหลซึมออกมา
และหยดลงบนตัวของซินเอ๋อร์พอดี
คล้ายดอกเหมยแดงเบ่งบ่านท่ามกลางหิมะ บาดตาน่าตกใจ!
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อกสั่นขวัญแขวน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางนั้น ใกล้เข้ามาทางนี้เรื่อยๆ
ได้ยินคนเอ่ยขึ้นว่า
“พวกเจ้าไปดูทางนี้ พวกเจ้าไปดูทางด้านนั้น หากพบคน สังหารโดยไม่ละเว้น!”
“ขอรับ!”
หลังคำพูดนั้น ซินเอ๋อร์ได้ยินมีคนเดินมาทางพวกเธอ
และคล้ายได้ยินเสียงมีดกวัดแกว่งใส่พุ่มไม้
เพียงได้ยิน รู้ทันทีว่าคนพวกนี้มีดาบในมือ!
หลังได้ยินเสียงพวกนี้ ซินเอ๋อร์พลันกังวลในใจ
เพราะเธอกลัวว่าคนพวกนั้นจะพบที่นี่เข้า
และจากเสียงฝีเท้านั้น มีจำนวนไม่น้อยทีเดียว
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนเธอนี้ยังบาดเจ็บสาหัส เธอเป็นเพียงสตรีบอบบางไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเชือดไก่
สวรรค์ ตอนนี้ควรทำเช่นไรดี!
ซินเอ๋อร์ร้อนรนในใจ
อาจเพราะสังเกตเห็นถึงความกังวลหวาดกลัวของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มจึงอดกระซิบข้างหูเธอไม่ได้
“ไม่ต้องกลัว แม้ข้าต้องตาย จะไม่ให้เจ้าเป็นอันตราย”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน
ดวงตาคู่งามแฝงความวิตก จับจ้องที่ชายหนุ่มด้านบนตน
เวลานี้เธอใกล้ชิดกับชายหนุ่มอย่างมาก
ร่างกายแนบชิดกันจนแทบไร้ช่องว่าง
ใบหน้าเย็นชาหยิ่งยโสนั้น อยู่ห่างเพียงคืบเดียว
ใกล้จนกระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
นอกจากเซวียน ซินเอ๋อร์แทบไม่ได้ใกล้ชิดกับชายอื่นเช่นนี้
หากเวลานี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย เธอต้องผลักชายหนุ่มด้านบนนี้ออกไปแน่
แต่ตอนนี้…
“หัวหน้า พวกเราไม่พบผู้ใดทางด้านนี้!”
“หัวหน้า พวกเราทางนี้ก็ไม่พบเช่นกัน!”
“ฮึ เหลิ่งเม่ยเฉินผู้นี้ เห็นชัดว่าโดนมีดของข้า จนบาดเจ็บสาหัส กลับยังหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว น่าชังยิ่งนัก!”
“หัวหน้า เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี!”
“ค้นหา ค้นหาต่อไป ข้าไม่เชื่อว่ามันจะมีปีก บินหนีได้รวดเร็วเช่นนั้น ไป!”
“ขอรับ!”
หลังเสียงผู้คนจอแจเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
ซินเอ๋อร์ที่กลั้นหายใจ จึงโล่งอกในที่สุด
เพราะเมื่อครู่เธอกลัวสุดขีด กลัวว่าคนพวกนี้จะพบพวกเธอเข้าจริงๆ!
ขณะที่ซินเอ๋อร์โล่งใจ ก็นึกถึงปัญหาอีกอย่างขึ้นมาทันที
เมื่อครู่อยู่ในอันตราย ชายหนุ่มกดทับอยู่บนตัวเธอ เธอจึงไม่ได้ผลักเขาออกไป
ตอนนี้คนพวกนั้นจากไปแล้ว ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงยื่นมือผลักชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยขึ้น
“ท่าน ท่าน คนจากไปแล้ว ท่านลงจากตัวข้าได้แล้วกระมัง”
เพราะกังวล ซินเอ๋อร์อดตะกุกตะกักไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางตะกุกตะกักนั้นของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มอดยิ้มมุมปากไม่ได้
และกลับไม่ได้พลิกตัวลงจากกายซินเอ๋อร์ แต่เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าตอนนี้ปวดแผลบนกาย จึงขยับลงไปไม่ได้”
“อะไรนะ!”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันตกใจ
และเพราะนึกได้ว่าชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สงสัย
ดังนั้นจึงขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นว่า
“เช่นนั้น ตอนนี้ข้าจะผลักท่านออกไปอย่างช้าๆ!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยจบ ยื่นมือผลักชายหนุ่มด้านบนลงไป
ทว่าเมื่อมือเธอแตะบนไหล่ชายหนุ่ม ไม่รู้ถูกบาดแผลบนกายชายหนุ่มเข้าหรือไม่
ได้ยินเพียงเสียงครางอย่างเจ็บปวดของชายหนุ่มพลันดังขึ้น
ซินเอ๋อร์พลันตกใจจนไม่กล้าผลักอีก
“ข้า เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจโดนบาดแผลของท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างร้อนใจ โดยไม่สนใจว่าชายหนุ่มยังกดทับอยู่บนร่างตน
เพราะมีดไม่ได้ปักเข้าไปในร่างกายชายหนุ่มมิดด้าม เขาจะเจ็บปวดหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ทำอะไรไม่ถูก และกังวลใจ
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ เวลานี้เต็มไปด้วยสีหน้ารู้สึกผิดและกังวล
เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มอดตาเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ ก่อนเม้มปากเงียบงันอยู่นาน จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ข้ากับเจ้าไม่รู้จักกัน เหตุใดเจ้าจึงห่วงใยข้าเช่นนี้!”
“เอ่อ”
จู่ๆ ได้ยินชายหนุ่มเอ่ยเช่นนี้ ซินเอ๋อร์จึงตะลึงงัน พลันเอ่ยความจริงว่า
“แม้พวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่เมื่อออกมาข้างนอก มักต้องพบกับอันตราย และต้องมีคนเข้ามาช่วยเหลือเสมอ ข้าไม่รู้ท่านคือผู้ใด แต่ข้ากลับไม่อาจทนเห็นคนตายต่อหน้า โดยไม่ ช่วยเหลือได้!”
หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ ดวงตาคมของชายหนุ่มนั้นจับจ้องในแววตาของเธอ
เห็นเพียงหญิงสาวที่ถูกกดทับไว้ใต้ร่าง กลางแสงจันทร์กระจ่างใสสาดส่องลงมา ขับให้ใบหน้าสาวน้อยดุจหยกงาม ขาวผ่องเกลี้ยงเกลา
โดยเฉพาะดวงตาทั้งกลมและโต กระจ่างใสคู่นั้น
คล้ายศูนย์รวมความกระจ่างใส ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ดังเทพธิดาเอาไว้
เขาเห็นผู้คนและแววตามามากมาย แต่ดวงตาของหญิงสาวผู้นี้ คือดวงตาที่งดงามและบริสุทธิ์ที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา
บนโลกนี้ทุกคนต่างละโมบโลภมาก ความบริสุทธิ์และความล้ำค่าเช่นนี้ พบเจอได้ยากยิ่งนัก
เห็นเช่นนั้น ดวงตาชายหนุ่มอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้
และหลังเม้มริมฝีปากนิ่งเงียบอยู่นาน จึงเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าช่างมีเมตตายิ่งนัก”
คำพูดนี้คล้ายอุทาน และถอนหายใจ
น้ำเสียงไม่กระจ่างชัด
ซินเอ๋อร์ไม่ได้ยินคำพูดชายหนุ่ม พลันเห็นชายหนุ่มฝืนตัวลุกขึ้น ลงจากร่างกายตนล้มลงนอนบนผืนหญ้าด้านข้าง
หลังชายหนุ่มลุกออกไป ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงน้ำหนักบนกายพลันสสายไป
จึงโล่งอก ขณะเดียวซินเอ๋อร์อดเขินอายในใจไม่ได้
เพราะชายผู้นี้ สำหรับเธอคือคนแปลกหน้าที่ไม่รู้กระทั่งนาม แต่คนแปลกหน้าผู้นี้ เมื่อครู่นี้กลับกดทับอยู่บนกายเธอ
สวรรค์!
แม้ไร้ทางเลือก แต่ยังคงทำให้ซินเอ๋อร์เขินอายอย่างหนัก
รู้สึกเพียงไอความร้อน กำลังพุ่งขึ้นจากในใจสู่เหนือศีรษะ ทำให้สองแก้มซินเอ๋อร์ร้อนผ่าว
แม้ไม่ส่องกระจก ซินเอ๋อร์ก็รู้ว่าตนต้องหน้าแดงแน่นอน
โชคดีตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ทำให้มองเห็นผิวของเธอไม่ชัดเจน มิฉะนั้นต้องน่าอายแน่นอน
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ จู่ๆ ชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เจ้ามีนามว่าเช่นไร”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน แต่ยังเอ่ยตามจริง
“ข้ามีนามว่าซินเอ๋อร์ ท่านคือเหลิ่งเม่ยเฉินหรือ!”
เพราะได้ยินคำพูดของกลุ่มคนเมื่อครู่ คล้ายเอ่ยถึงชื่อนี้ ดังนั้นซินเอ๋อร์อดเอ่ยถามไม่ได้
ผู้ใดจะรู้ เพียงซินเอ๋อร์เอ่ยคำนี้ออกไป ทันใดนั้นรู้สึกเพียงด้านหน้ามืดลง ร่างกายถูกกดลงอีกครั้ง
จากนั้นเสียงทุ้มต่ำแฝงลองเชิงของชายหนุ่มดังขึ้น
“เหตุใดเจ้าจึงรู้นามของข้า!”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา และสายตาที่มองเธอนั้นเยือกเย็นจนถึงกระดูก ทำให้คนอดขนพองสยองเกล้าไม่ได้
ชายหนุ่มเวลานี้ คล้ายหมาป่าอันตรายตัวหนึ่ง หากยั่วโมโหเขาเพียงเล็กน้อย เขาต้องกำจัดผู้นั้นให้สิ้นซากแน่นอน
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตกใจสุดขีด
เพราะเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะตอบสนองเร็วเช่นนี้
เมื่อครู่ยังดีๆ ไม่นานก็คิดสังหารเธอขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อกสั่นขวัญแขวน กระทั่งร่างกายยังสั่นเทา
เมื่อเผชิญกับสายตาเยือกเย็นดุจหมาป่าของชายหนุ่มนั้น ซินเอ๋อร์ตัวสั่นไม่หยุด ก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้า ข้า คือว่าข้าได้ยินคนพวกนั้นพูดคุยกัน พวกเขากำลังค้นหาเหลิ่งเม่ยเฉิน ดังนั้นข้าจึงคิดว่า คนผู้นั้นคือท่าน”
ซินเอ๋อร์เอ่ยอย่างตะกุกตะกักจบ ชายหนุ่มหลังได้ยินดวงตาเป็นประกายชั่วขณะ
ทันใดนั้น ร่างกายที่ตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง
พลันคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าเคยได้ยินชื่อเหลิ่งเม่ยเฉินนี้มาก่อนหรือ!”