สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 329 พบหน้าเหลิ่งเม่ยเฉินอีกครั้ง
หลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มเพียงเม้มปากแน่น พลันล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอก ก่อนส่งให้กับซินเอ๋อร์
“เอ๊ะ!”
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดตะลึงอย่างไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“น้ำตา”
“น้ำตาหรือ!”
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์ตะลึงงัน ก่อนยื่นมือขาวผ่องเรียวยาวลูบไล้แก้มของตน ก่อนสัมผัสถึงความเปียกชื้น จึงพบว่าตนน้ำตาไหลไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตกตะลึง พลันรับผ้าเช็ดหน้าตรงหน้ามาเช็ดน้ำตาบนแก้ม ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้าว่า
“ขอบคุณ”
“เจ้าเอ่ยไปแล้ว”
สำหรับการเอ่ยขอบคุณอีกครั้งของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เย็นชา
แต่เขาเป็นคนเช่นนี้ ไม่ว่าเวลาใด ใบหน้าต่างเฉยชา
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ชายหนุ่มมองซินเอ๋อร์โดยไม่กระพริบตา ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้น
“ครั้งก่อน เจ้าก็เคยช่วยเหลือข้า”
“ข้าเคยช่วยเหลือท่านหรือ!”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดตะลึงงันไม่ได้ แววตาแฝงด้วยความแปลกใจ
ตอนแรกเธอรู้สึกชายตรงหน้านี้คุ้นตา แต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยพบหน้าเขาที่ใดมาก่อน เวลานี้เธอยังคิดว่าตนจำคนผิด
ตอนนี้หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม พวกเขาต้องเคยพบกันมาก่อนแน่
“เช่นนั้น พวกเราเคยเจอกันเมื่อใดหรือ”
ซินเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มได้ยิน กลับเพียงเม้มริมฝีปากแน่น
หลังชะงักเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่กี่วันก่อน เจ้าจำข้ามิได้หรือ”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงชายหนุ่มยังคงเย็นชา ทว่าหากฟังให้ละเอียด จะสามารถรับรู้ถึงความเสียใจผิดหวังในคำพูดของเขา
หลังซินเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของเขา ภายในสมองนึกย้อนถึงเรื่องหลายวันก่อนไม่หยุด
หลายวันมานี้ เธอต่างเดินเล่นกับเสี่ยวหวน ไม่ได้พบเจอชายใด นอนจากคืนนั้น…
คืนนั้นหรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตาเป็นประกาย พลันเอ่ยขึ้นว่า
“อา ข้านึกออกแล้ว ท่านคือชายที่บาดเจ็บในคืนนั้น!”
“ในที่สุดก็จำได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ ดวงตาดำขลับของชายหนุ่ม พลันปรากฎประกายแห่งความดีใจออกมา
ทว่าประกายนี้เกิดขึ้นเพียงแวบเดียว ก่อนจะสลายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนยากที่จะสังเกตเห็นได้
ซินเอ๋อร์จึงย่อมไม่รับรู้เรื่องนี้ หลังนึกออกว่าชายหนุ่มคือผู้ใด ซินเอ๋อร์คล้ายนึกถึงบางอย่างขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้น
“จริงสิ ครั้งก่อนท่านบาดเจ็บสาหัส เหตุใดสุดท้ายกลับจากไป ตอนนี้ท่านเป็นเช่นไรบ้าง บาดแผลเป็นเช่นไร หายดีแล้วหรือไม่”
ซินเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัยและกังวลใจไม่หยุด แต่เมื่อเอ่ยจบ ชายหนุ่มกลับไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เพียงยิ้มมุมปากเท่านั้น
ชายหนุ่มท่าทางเย็นชา คำว่ายิ้มนี้ ไม่เคยปรากฎขึ้นบนร่างกายเขามาก่อน
เพราะเป็นนักฆ่ามืออาชีพมานานหลายปี เขาจึงลืมความรู้สึกยิ้มแย้มไป ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
แต่เวลานี้เขากลับยิ้ม
เพราะเขาดีใจ
ซินเอ๋อร์ไม่รู้ความในใจของชายหนุ่ม เพียงมองรอยยิ้มของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตกตะลึง
เห็นเพียงชายหนุ่มสวมชุดสีดำ ท่าทางหยิ่งยโสเย็นชา แต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้น แม้จะเพียงจางๆ แต่กลับอ่อนโยน คล้ายก้อนน้ำแข็งหมื่นปีหลอมละลาย
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดตกตะลึงไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“ท่านยิ้มอันใดหรือ”
“ฮ่า ๆ เจ้า ห่วงใยข้าหรือ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อบอุ่น แฝงความระแวงและคาดหวังหลายส่วน
ซินเอ๋อร์ได้ยิน แม้ไม่รู้ความในใจชายหนุ่ม ทว่ายังพยักหน้าตามจริงและเอ่ยขึ้น
“อืม”
แม้เธอจะรู้จักกับชายหนุ่มนี้เพียงคืนนั้น แต่ขณะนั้นชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส และจู่ๆ พลันหายตัวไป เธอจึงกังวลใจอย่างมาก
แต่เธอไม่รู้เขาคือผู้ใด และเขาหลบหนีไปเอง ดังนั้นหากเธอต้องการตามหาเขา ไม่รู้ตามหาจากที่ใด
เรื่องนี้ติดอยู่ในใจเธอมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดได้พบชายหนุ่มผู้นี้ และเขายังปลอดภัย ซินเอ๋อร์จึงสบายใจลงได้ในที่สุด
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่คิดในใจ ชายหนุ่มล่วงรู้ความคิดของเธอจากใบหน้า
เห็นเช่นนั้นความซาบซึ้ง ทะลักขึ้นในใจชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
กี่ปีมาแล้วหรืออาจชั่วชีวิตนี้ เขาต่างโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดห่วงใยเขามาก่อน
และโลกของเขา นอกจากการสังหาร ไม่มีสิ่งอื่น
มือของเขาแปดเปี้ยนเต็มไปด้วยเลือดของผู้อื่น ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นมาก่อน
แต่ในตอนนี้สุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่าสิ่งใดคือความอบอุ่น
ความจริงการถูกคนห่วงใย คือเรื่องดีใจมีความสุขเช่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของชายหนุ่มปรากฎความอบอุ่นขึ้นหลายส่วน และสายตาที่มองซินเอ๋อร์ซับซ้อนอย่างยิ่ง และจับจ้องเพียงซินเอ๋อร์อย่างไม่ละสายตา
เมื่อรู้สึกถึงสายตาแปลกประหลาดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันรู้สึกอึดอัด
จึงยื่นมือลูบไล้แก้มของตน ก่อนกระพริบตาอย่างสงสัยชั่วขณะ และเอ่ยถามขึ้น
“บนหน้าข้า…สกปรกหรือ เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนี้”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มที่เย็นชาพลันเก้อเขิน ทันใดนั้นสองแก้มแดงระเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาจเพราะซินเอ๋อร์เห็นเข้า ชายหนุ่มอดเบี่ยงหน้าออกไปไม่ได้ ทันใดนั้นเพื่อปกปิดความเขินอายบนใบหน้า ชายหนุ่มจึงยื่นนิ้ว เขี่ยจมูกพลางไอออกมา ก่อนคล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึ งเอ่ยถามว่า
“เมื่อครู่ เจ้าเป็นอันใดหรือ”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ก็อดนึกถึงเรื่องที่ได้ยินในโรงเตี๊ยมขึ้นมาไม่ได้
เรื่องเกี่ยวกับบุตรสาวของเจ้าลัทธินอกรีตนั้น
บนไหล่ของเธอมีปานรูปผีเสื้อ และอายุของเธอยังเท่ากับบุตรสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีของเจ้าลัทธินอกรีตนั้น
บนโลกนี้ เหตุใดจึงมีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้น!
หรือเธอคือบุตรสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีของเจ้าลัทธินอกรีตจริง
หากเป็นเช่นนี้ เธอควรทำเช่นไร เธอและเซวียนควรทำเช่นไร!
เซวียนคือเชื้อพระวงศ์ เป็นองค์ชาย เขาล้ำเลิศเช่นนี้ ความจริงควรอภิเษกสมรสกับหญิงที่มีฐานะเทียบเท่ากับเขา
ทว่าเซวียนรักเธอ ต้องการอภิเษกกับเธอ คือโชคดีที่หาได้ยากของเธอไปแล้ว
แต่หากเธอคือบุตรสาวของเจ้าลัทธินอกรีตจริง เมื่ออภิเษกกับเซวียน นั่นมิใช่การทำร้ายเขาหรือ!
เพราะลัทธินอกรีตต่อต้าน ไม่ลงรอยกับราชสำนักมาโดยตลอด และเพียงมีความเกี่ยวข้องกับลัทธินอกรีต ต้องได้รับโทษ
เธอไม่อยากให้เซวียน เพราะเธอต้องได้รับโทษความผิดใดๆ
แต่ตอนนี้เธอควรทำเช่นไร!
ยังเหลืออีกห้าวัน จะถึงวันอภิเษกสมรสของเธอและเซวียน เธอควรทำเช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์สับสนขึ้นมา
เวลานี้ไม่รู้ควรทำเช่นไร
คิ้วเข้มนั้นขมวดเป็นปม
เหลิ่งเม่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น พลันเอ่ยถามอย่างกังวล
“เจ้าเป็นอันใดหรือ”
“ท่านอย่าถามข้าได้หรือไม่ ได้โปรด อย่าถามข้า ให้ข้าอยู่เงียบๆ สักพักเถิด!”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ยิ่งสับสน ในใจว้าวุ่น คล้ายกดทับด้วยหินขนาดใหญ่ จนเธอแทบหายใจไม่ออก
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มพลันเอ่ยขึ้น
“ตกลง ข้าจะไม่ถามเจ้า เจ้าใจเย็นก่อนเถิด อย่าคิดมากเลย”
“อืม เช่นนั้นข้าขอตัว”
เมื่อได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พยักหน้า ก่อนเดินผ่านชายหนุ่มออกไป
เพราะเธอตอนนี้สับสนวุ่นวายในใจ เพียงอยากหาที่ไร้ผู้คนอยู่เงียบๆ สักพัก เพื่อคิดทบทวนให้กระจ่าง
เหลิ่งเม่ยเฉินเห็นเช่นนั้น รู้ว่าตอนนี้ซินเอ๋อร์ต้องการอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นจึงไม่ส่งเสียง เพียงปล่อยให้ซินเอ๋อร์เดินไปเพียงลำพัง
หลังซินเอ๋อร์เดินผ่านชายหนุ่มไป ไม่ได้กลับไปที่วังเหลิ่ง แต่หาที่นั่งบริเวณทะเลสาบที่ไร้ผู้คน และนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งบ่าย
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าช่วงบ่ายนี้ เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังไม่ไกลจากเธอ มีร่างสีดำหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบตลอดเวลา และยืนอยู่ตลอดทั้งบ่าย
เมื่อท้องส่งเสียงประท้วงขึ้นไม่หยุด ซินเอ๋อร์จึงพลันได้สติกลับมา
เมื่อเงยหน้าขึ้น จึงตกใจหลังรู้ว่าตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
เธอรู้สึกเพียงพริบตาเดียว ยามบ่ายผ่านพ้นไป
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตกใจในใจ ก่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนบ่าย เธอรีบร้อนพุ่งออกมาจากโรงเตี๊ยม สุดท้ายไม่เห็นเสี่ยวหวน
และไม่รู้เสี่ยวหวนตอนนี้จะเป็นเช่นไร จะกังวลตกใจเพราะการหายตัวไปของเธอหรือไม่!
เพียงนึกถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หวาดหวั่นใจ ทันใดนั้นจึงลุกยืนขึ้นจากพื้นหญ้า ก่อนหมุนกายไปยังทิศวังเหลิ่ง
เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดบ่ายในที่สุดก็ขยับตัว ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ จึงขยับตัวตาม จากนั้นติดตามเธอทางด้านหลังไปอย่างไร้สุ้มเสียง
สำหรับเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ย่อมไม่รับรู้
เธอเวลานี้คิดเพียงต้องการกลับไปที่วังให้เร็วที่สุด และไม่รู้ว่าเซวียนรู้เรื่องนี้เข้าแล้วหรือไม่
หากเซวียนรู้ ต้องกังวลอย่างมากแน่อน!
เพียงคิดถึงเซวียน ในใจซินเอ๋อร์ดุจมีขวดเครื่องปรุงห้ารสตกแตกกระจายอยู่จึงสับสนวุ่นวาย
เซวียน ชายที่เธอรักที่สุด!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดปวดใจไม่ได้ และยังรู้สึกหายใจไม่ออก
แต่ทันใดนั้น ด้านหน้าไม่ไกลออกไปจากเธอ มีเสียงม้าวิ่งทะยานเข้ามา
จากนั้น มีเสียงแฝงความกังวล ร้อนใจ ว้าวุ่น แต่กลับคุ้นหูดังขึ้นมา
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใด ซินเอ๋อร์!”
“เซวียน เป็นเซวียน!”
เพียงนึกถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตะลึงงันหลังเอ่ยพึมพำ ก่อนเงยหน้าขึ้นเห็นร่างที่คุ้นตาปรากฎขึ้นตรงหน้าตน
ประจวบกับชายหนุ่มที่อยู่บนม้าเห็นร่องรอยของซินเอ๋อร์เข้า จึงพลันสะบัดแส้ยาว เร่งม้าให้พุ่งทะยานตรงมาทางซินเอ๋อร์
เมื่อมาถึงข้างกายซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มพลันดึงเชือกม้าไว้ ก่อนกระโดดลงมาจากหลังม้าอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงกลิ่นกายอันคุ้นเคยโหมเข้ามาปะทะเธอ จากนั้นเธอถูกอ้อมกอดอันอบอุ่นและคุ้นเคยกอดรัดเอาไว้แน่น