สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 334 ชายบนหลังคา
แม้จะเอ่ยอธิบายทั้งหมดกับต้าหู่ว่าเธอไม่ได้ชื่นชอบเขา และไม่คิดเรื่องแต่งงานกับเขา
เพราะในใจเธอมีคนผู้หนึ่งอยู่ตลอดเวลา และคนผู้นั้นคือชายที่เธอรักและไม่อาจรักใครได้อีก
ต้าหู่ได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ ก็เอ่ยปากว่าเข้าใจแจ่มแจ้ง
แต่ความเสียใจอ้างว้างบนใบหน้าเขา ยังคงทำให้ซินเอ๋อร์รู้สึกเกรงใจ
เรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่เธอควบคุมได้
หลังกลับไป มารดาของต้าหู่ยังคิดว่าเรื่องของพวกเขาจะสำเร็จ จึงมีสีหน้ายิ้มแย้ม
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าเสียใจของต้าหู่ จึงรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
เพียงขยับมุมปาก ก่อนพลันไม่พูดจา
ทว่าซินเอ๋อร์รู้ว่า มารดาของต้าหู่มีความสุขที่เห็นพวกเธอเดินอยู่ด้วยกัน
ตอนนี้พวกเขาเป็นเช่นนี้ เธอคงไม่พอใจแน่นอน
เย็นนั้นขณะที่ทุกคนทานอาหาร เพราะมีเรื่องในใจ บรรยากาศในการทานจึงอึดอัดเป็นพิเศษ
ซินเอ๋อร์ทานไม่เยอะ เมื่ออิ่มสุดท้ายแล้วหลังเก็บล้างจาน ก็กลับไปยังห้องพักของตน
และในใจเธอรู้สึกไม่สบายตลอดเวลา
และคิดว่าตนไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว
แม้ที่นี่เธอจะอยู่มากว่าครึ่งเดือนแล้ว และรู้สึกผูกพันไม่น้อย
ความจริงคิดว่า เธอจะค่อยๆ ซึบซับการใช้ชีวิตของที่นี่ไปทีละน้อย
ทว่าเมื่อเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น พวกต้าหู่ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่วันหน้าเมื่ออยู่ร่วมกัน คงรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจแน่
ดังนั้น เธอจากไปคงดีกว่า!
แต่เธอรู้ว่าหากเธอเอ่ยว่าตนจะจากไปกับพวกต้าหู่ พวกเขาต้องคิดว่าเป็นเพราะเรื่องในวันนี้ และไม่ให้เธอจากไปแน่นอน
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงเพียงมอบเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าพักอาศัยในเดือนนี้ไว้ จากนั้นเก็บเสื้อผ้าของตน ถือโอกาสตอนฟ้ายังมืดสลัว และทุกคนยังไม่ตื่นนอน จากไปอย่างเงียบเชียบ
ต้าหู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือน มองทุกอย่างนี้อย่างชินชา ส่วนซินเอ๋อร์รู้สึกหดหู่ในใจ
ทันใดนั้นจึงเงยหน้ามองแสงอาทิตย์ทางทิศตะวันออก แต่ในใจกลับสับสน
บนโลกที่กว้างใหญ่นี้ ไม่มีที่สำหรับเธอจริงหรือ!
รู้สึกเสียใจ ทว่าซินเอ๋อร์ยังสะพายห่อผ้า ออกจากหมู่บ้านดอกท้อไปอย่างช้าๆ
เธอไม่รู้ตนจะไปที่ใด จึงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย
เมื่อเดินจนเหนื่อยล้า เธอจะหาโรงน้ำชาพักดื่มชาและทานซาลาเปา
ไม่รู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นอันใด เธอจึงเปลี่ยนไปคล้ายทานจุขึ้น
ก่อนหน้านี้ตอนเช้าเธอทานเพียงโจ๊กหนึ่งชามและซาลาเปาหนึ่งลูก แต่ตอนนี้ทุกวันต้องทานเยอะมากขึ้น แทบราวสองเท่าของก่อนหน้านี้
โชคดีครั้งนี้ เธอพกเงินติดตัวออกมาด้วย
เงินพวกนี้ต่างเป็นเซวียนที่สั่งให้ห้องบัญชีมอบให้เธอ เพื่อให้เธอออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้
เงินจำนวนไม่น้อยนี้ หากเธอหาเรือนขนาดเล็กพักอาศัยอยู่ด้านนอก และใช้จ่ายอย่างประหยัด รวมทั้งเธอทำงานพวกเย็บปักถักร้อยได้ เพียงพอให้ใช้จ่ายไปได้ชั่วชีวิต
และเธอไม่ชอบความหรูหรา ไม่เลือกทาน ดังนั้นสำหรับค่าใช้จ่ายในวันหน้า ซินเอ๋อร์จึงไม่กังวล
แต่ในใจกลับมักรู้สึกว่างเปล่า คล้ายมีบางสิ่งขาดหายไป
และเพียงนึกถึงเซวียน ในใจซินเอ๋อร์เริ่มคล้ายเจ็บปวดขึ้น
ไม่รู้ตอนนี้เซวียนกำลังทำสิ่งใด!
หรือกำลังตามหาเธอ กังวลใจไม่หยุด เพราะการหายตัวไปของเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์แสบจมูก ดวงตาปรากฎชั้นหมอกขึ้นอย่างรวดเร็ว
น้ำตาเอ่อคลอไหลรินออกมา จนถึงมุมปาก เมื่อได้ลิ้มลองช่างขมขื่นยิ่งนัก
เซวียน ข้าคิดถึงท่านเสียจริง
…
ในป่าที่เขียวขจีคือภาพอันดุเดือด
เสียงอาวุธปะทะกันดังไม่ขาดสาย จากนั้นคือเสียงอาวุธเชือดเฉือนบนร่างกาย เสียงคนกรีดร้องโหยหวน เสียงของหนักตกดังอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นคาวเลือดอบอวลทั่วป่าที่เงียบงัน
ศพบนพื้นกระจัดกระจาย มือเท้าขาดสะบั้น เลือดไหลนองราวสายน้ำ เห็นแล้วน่าสยดสยอง!
ภายในการเข่นฆ่านี้ สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือ ชายหนุ่มหล่อเหลาสวมเสื้อคลุมหมางผาวสีดำ มือถือกระบี่ล้ำค่า
เห็นเพียงชายหนุ่มมีกระบวนท่าที่ว่องไว ราวกับประกายแสงดาว ฉวัดเฉวียน เสื้อผ้าพริ้วไหว ร่างกายแข็งแกร่ง กระบี่ดุจมังกร ทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน ต่างไร้ลมหายใจ!
ไม่รู้เป็นเพราะดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่ม หรือเพราะเหตุใด ไอสังหารที่กระจายออกมาจากกายเขา ทำให้เขาดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากขุมนรกที่สิบแปด ทำให้คนเห็นต่างอกสั่นขวัญแขวน
การเข่นฆ่าครั้งนี้ ไม่รู้ดำเนินไปนานเพียงใด แต่คล้ายเพียงชั่วขณะเท่านั้น
นักฆ่าชุดดำสิบกว่าคน เหลือเพียงสี่ห้าคน
ชายหนุ่มเห็นพลันดึงกระบี่ล้ำค่าในมือกลับมา ก่อนเม้มริมฝีปากแดง เอ่ยกับลูกน้องข้างกายว่า
“นำตัวพวกมันกลับไป ไม่ว่าใช้วิธีใด ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดส่งพวกมันมา”
“ขอรับ นายท่าน!”
เมื่อได้ยินคำพูดชายหนุ่ม บริวารของเขาพลันเอ่ยอย่างนอบน้อม พลันสั่งการให้นำตัวนักฆ่าชุดดำกลับไป
และส่วนที่เหลือเก็บกวาดความยุ่งเหยิงในป่า
เมื่อเห็นทุกคนรอบด้านต่างยุ่งวุ่นวาย และศพเกลื่อนกราดบนพื้น ชายหนุ่มอดเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามนั้นไม่ได้ ก่อนรู้สึกปวดร้าวในใจ
ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใดกันแน่ กลับมาเถิด!
…
วันเวลาเดือนหก ราวกับใบหน้าของเด็กน้อยที่เพียงเอ่ยก็เปลี่ยนไปทันที!
ตอนเช้าท้องฟ้ายังแจ่มใส แต่กลางวันกลับมีกลุ่มเมฆดำทะมึนปกคลุมทั่วท้องฟ้า
เพียงมองดุจวังวนสีดำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ทำให้คนตกใจ
และเห็นชัดว่าไม่นานพายุฝนกำลังจะมาเยือน
เมื่อเห็นภาพของท้องฟ้า ซินเอ๋อร์อดเร่งฝีเท้าขึ้นไม่ได้
เพราะตอนนี้สถานที่ที่เธอเดินอยู่คือ ป่าที่ไร้ผู้คนสัญจร
ที่นี่บ้านเรือนผู้คนไม่มี อีกสักครู่เมื่อฝนตกลงมา เธอไม่รู้ควรหลบฝนที่ใด!
ซินเอ๋อร์กำลังกังวลใจ จู่ๆ ก็เกิดฟ้าแลบออกมา ก่อนฝนห่าใหญ่จะตกลงมา
ฝนตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ซินเอ๋อร์ที่ไม่ทันตั้วตัว เมื่อรู้สึกถึงเม็ดฝนที่เย็นเฉียบตกลงบนกาย เจ็บปวดเล็กน้อย
ทว่าโชคดีที่จู่ๆ ซินเอ๋อร์พบว่าไม่ไกลคล้ายมีวัดร้างแห่งหนึ่ง จึงพลันดีใจ ก่อนเร่งฝีเท้าพุ่งตรงไปที่วัดร้างแห่งนั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อซินเอ๋อร์มาถึงวัดร้าง ยังคงเปียกปอนราวลูกไก่ตกน้ำ
ตอนนี้แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่เปียกฝนไปทั่วกาย เสื้อผ้าทั้งหมดแนบติดกับร่างกาย จึงรู้สึกหนาวเย็นและไม่สบาย
ซินเอ๋อร์ร่างกายบอบบาง เมื่อมาถึงด้านในวัดร้าง สายลมเย็นพัดเข้ามาทันที เธอจึงอดจามออกมาไม่ได้
ดวงตาคู่งามมองสำรวจไปรอบๆ
เห็นเพียงวัดร้างนี้ เต็มไปด้วยใยแมงมุม พื้นเต็มไปด้วยหญ้าแห้งและฝุ่น เห็นชัดว่านานแล้วที่ไม่มีคนมาที่นี่ และรอบด้านไร้ผู้คน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น พลันเปิดห่อสัมภาระในมือ คิดผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก
เพราะสวมเสื้อผ้าเปียกชื้นไปทั่วกายเช่นนี้ จะป่วยไข้ได้ง่าย
ตอนนี้เธอตะลอนอยู่ด้านนอกเพียงคนเดียว หากป่วยไข้ จะทำเช่นไร
ดังนั้น หลังซินเอ๋อร์คิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาคู่งามมองไปรอบๆ ชั่วขณะ หลังมั่นใจว่าไร้ผู้คน ถอดสายรัดเอวออกอย่างรวดเร็ว ก่อนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นนั้นลง
กางเกงชั้นในก็เปียกชื้น
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงถอดมันลงเช่นกัน
เอี๊ยมเพราะสวมไว้ด้านใน เมื่อลองลูบคลำยังแห้งสนิท ดังนั้นซินเอ๋อร์ถึงไม่ถอดเอี๊ยมลง
เพียงยื่นมือออกแรงบิดเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่เปียกชื้นนั้นให้แห้ง พลันหยิบเสื้อผ้าและกางเกงที่สะอาดออกมาจากห่อสัมภาระ
ซินเอ๋อร์ความจริงคิดว่าที่นี่ไม่มีผู้อื่น แต่เธอกลับไม่รู้ว่าบนมุมใต้หลังคาเหนือศีรษะของเธอ กำลังมีดวงตาดำสนิทแคบยาวคู่หนึ่ง กำลังมองการกระทำของเธอที่อยู่ด้านล่างอย่างแจ่มชัด
เห็นเพียงคนด้านล่าง ผิวขาวเกลี้ยงเกลา แขนขาเรียวยาว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น
เส้นผมเปียกชื้น คล้ายยังมีละอองฝน และหยดน้ำนั้นไหลลงจากศีรษะไม่หยุด ไล้อาบไปที่แก้มของหญิงสาว
เส้นผมด้านหลัง แนบติดไปกับแผ่นหลังของเธอ
ผิวขาวผ่องดังหิมะและเส้นผมดำสนิทนั้น ทำให้สาวน้อยดุจปีศาจที่เย้ายวนใจตนหนึ่ง งดงามจนน่าตกตะลึง!
เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ก่อนดวงตาแคบยาวคู่นั้นจะมองคนด้านล่างอย่างไม่กระพริบตา ไม่กล้าพลาดโอกาสภาพที่หาได้ยากยิ่งนี้
ตรงข้ามกับชายหนุ่มที่กำลังตกตะลึง ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียว
เธอรู้เพียงว่าตนตอนนี้หนาวเย็นอย่างยิ่ง
หลังสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หยิบผ้าแห้งสนิทอีกผืนขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกชื้น
หลังทำทั้งหมดเรียบร้อย ซินเอ๋อร์ยังรู้สึกว่าตนหนาวเย็นอย่างยิ่ง
คล้ายร่างกายอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ
ดังนั้น เธอจึงอดจามขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
ทันใดนั้น ดวงตาคู่งามเงยขึ้นมองพายุฝนด้านนอก
ทราบว่าพายุฝนห่านี้ต้องไม่หยุดลงในเร็วๆ นี้แน่ ตอนนี้เธอทั้งหนาวเย็นและไม่มีไฟ ดังนั้นควรทำเช่นไรดี!
ขณะซินเอ๋อร์ร้อนรน รู้สึกเพียงภายในจมูกมีบางสิ่งไหลออกมาไม่หยุด
ความจริง ซินเอ๋อร์คิดเพียงคือน้ำมูก จึงยื่นมือเช็ดออก ผู้ใดจะรู้ หลังเห็นเลือดบนนิ้วมือนั้น ต่างตกใจจนตาเบิกกว้าง
สวรรค์ เธอเลือดกำเดาไหล!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจในใจ พลันเงยหน้าขึ้นสูงทันที
เพราะเธอได้ยินคนแก่เล่าว่า หากเลือดกำเดาไหล ให้เงยหน้าขึ้นสูง เช่นนี้เลือดจะหยุดไหล
ผู้ใดจะรู้ ซินเอ๋อร์ไม่เงยหน้าจึงไม่รู้ แต่เพียงหลังจากเงยหน้าขึ้นเห็นใต้หลังคา ในสมองพลันเกิดเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้นดุจถูกฟ้าผ่า จนตะลึงอยู่ตรงนั้น
สมองขาวโพลน ไม่นานหลังได้สติ ซินเอ๋อร์อ้าปากเล็กกรีดร้องออกมาทันที
“อา เจ้า ๆ…”
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของซินเอ๋อร์ ชายหนุ่มที่หลบอยู่ใต้หลังคาจึงตั้งตัวไม่ทัน และตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ความจริงเขาคิดว่าซินเอ๋อร์คงไม่เงยหน้าขึ้นมา และไม่พบเห็นเขาแน่ คิดไม่ถึงซินเอ๋อร์กลับเงยหน้าขึ้นมา และยังมองมาที่ตำแหน่งที่เขาซ่อนตัวอยู่พอดี
สำหรับเรื่องนี้ ชายหนุ่มเองก็ตกตะลึงเช่นกัน และต้องตกใจกับเสียงกรีดร้องของซินเอ๋อร์ ก่อนร่างกายพลันตกลงมาจากใต้หลังคา
………………………………………………………………..