สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 338 ตั้งครรภ์
“มาเถิด ยาใกล้เย็นแล้ว เจ้ารีบดื่มก่อนเถิด”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม สายตาซินเอ๋อร์จึงมองมือชายหนุ่มที่กำลังถือถ้วยยาที่เพิ่งต้มร้อนกรุ่นนั้น
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดยื่นมือรับมาไม่ได้ และไม่พูดพร่ำทำเพลง เพลงก้มหน้าดื่มยาลงไป
ทว่าเมื่อรับรู้ถึงความขมในปาก ซินเอ๋อร์พลางดื่ม พลางขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น
“หืม เหตุใดยานี้จึงขมขนาดนี้”
แม้ซินเอ๋อร์จะไม่กลัวรสขม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดื่มยาที่มีรสขมขนาดนี้
และรสชาติยังแปลกประหลาด แตกต่างจากยาที่เธอเคยทานก่อนหน้านี้
ซินเอ๋อร์กำลังพูด เหลิ่งเม่ยเฉินที่อยู่ด้านข้างหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาคมอดเป็นประกายไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า
“นี่ไม่ใช่ยาลดไข้”
“เอ๊ะ”
หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ที่กำลังดื่มยาพลันชะงักงัน พลันเงยหน้ามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างสงสัย ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ใช่ยาลดไข้ เช่นนั้นคือยาใด!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์มีเพียงความสงสัย แต่ไม่ได้กังวลหรือระแวง เพราะเธอคิดว่าชายผู้นี้คงไม่ทำร้ายเธอ หากเขาคิดร้ายกับเธอ คงไม่พาเธอมาที่โรงหมอแห่งนี้แน่นอน
เธอตอนนี้แปลกใจก็คือ ในมือตนคือยาใดกันแน่
ขณะซินเอ๋อร์สงสัยและไม่เข้าใจ เหลิ่งเม่ยเฉินเพียงมองเธออยู่อย่างเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
และดวงตาแคบยาวนั้น มองซินเอ๋อร์อย่างสับสน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา
หรือเธอป่วยเป็นโรคร้ายแรง
พอคิดถึงตรงนี้ ใจของซินเอ๋อร์พลันตกใจ และเต้นระรัวอย่างรวดเร็ว
อาจเพราะรับรู้ถึงความไม่สบายใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งเม่ยเฉินจึงไม่ปิดบังอีก ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า
“คือยาบำรุงครรภ์”
เสียงของเหลิ่งเม่ยเฉินเย็นชา เรียบเฉย ไร้ความรู้สึก เอ่ยเพียงความจริงออกมา
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา กลับมีเสียง ‘เพล้ง’ ดังขั้น ชามกระเบื้องตกลงบนพื้น
หลังเสียงดังกังวานนี้ ภายในห้องเงียบงัน ซินเอ๋อร์และเหลิ่งเม่ยเฉินต่างไม่พูดจา
ภายในห้องเงียบงันราวสามารถได้ยินถึงเสียงเข็มที่ตกลงพื้น
ซินเอ๋อร์เวลานี้ ตกตะลึงอย่างหนักด้วยคำพูดนี้ของเหลิ่งเม่ยเฉิน
ร่างกายดุจถูกฟ้าผ่า แข็งทื่อกลายเป็นหินอยู่ตรงนั้น
ใบหน้างงงัน ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ปากเล็กอ้าค้างอย่างตกตะลึงและเหลือเชื่อ
หลังจากนั้น ซินเอ๋อร์ได้สติกลับมา ก่อนค่อยๆ ไตร่ตรองเรื่องที่กะทันหันนี้ และก้มหน้าลงพลางใช้มือลูบไล้หน้าท้องที่ยังคงแบนราบของตนอย่างเบามือ
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่งงงันยิ้มกว้างออกมา แต่ดวงตากลับปกคลุมด้วยชั้นหมอก ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างตกใจว่า
“ฮ่า ๆ ข้าจะเป็นมารดาแล้ว ข้าตั้งครรภ์ลูกของเซซียน ฮ่า ๆ เด็กคนนี้คือลูกของข้ากับเซวียน!”
หลังเอ่ยจบ ซินเอ๋อร์ดีใจอย่างบ้าคลั่ง
แม้หน้าท้องเธอยังเห็นไม่ชัดเจน ทว่าเธอกลับสามารถรับรู้ได้ว่าภายในท้องของเธอมีชีวิตน้อยๆ ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว
ฮ่า ๆ ดียิ่งนัก!
เธอตั้งครรภ์แล้ว!
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่ตื่นเต้นดีใจ เหลิ่งเม่ยเฉินด้านข้างเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของซินเอ๋อร์ เพียงเม้มริมฝีปากแดงแน่น
สำหรับเรื่องซินเอ๋อร์ตั้งครรภ์ เขาตกตะลึงในใจ และยังคล้ายไม่พอใจ
ทว่าเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าดีใจอย่างยิ่ง เห็นสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นประกายของความเป็นมารดาของเธอ เขาตกตะลึงในใจอย่างหนัก
เพราะหญิงสาวเวลานี้งดงามอย่างยิ่ง
แม้ที่ผ่านมาเธอจะงดงามอยู่แล้ว แต่ความงดงามของเธอเวลานี้ กลับแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่โดดเด่น ใบหน้าอ่อนโยนอย่างเต็มเปี่ยม ดวงตาวาววับ ยิ้มกว้างพร้อมน้ำตา ภายในแววตาแฝงความตื่นเต้นอย ย่างสุดขีด
เห็นเช่นนั้น ใจของเหลิ่งเม่ยเฉินค่อยๆ พรั่งพรูความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
คล้ายใจของเขา ถูกบางสิ่งพุ่งชนอย่างรุนแรง
ความตื่นเต้นค่อยๆ กระจายไปทั่วหัวใจของเขา
เวลานี้ เขาจึงพบว่าที่แท้การได้มองท่าทางดีใจมีความสุขของหญิงสาวผู้นี้ สามารถทำให้เขามีความสุขได้
…
ไม่รู้เพราะซินเอ๋อร์อารมณ์ดีหรือไม่ ร่างกายจึงหายดีอย่างรวดเร็ว
หลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงหมอหนึ่งวัน พวกซินเอ๋อร์ก็จากลาโรงหมอ
หลังผ่านพายุฝนเมื่อวาน อากาศรอบด้านจึงเย็นสดชื่นไม่น้อย
ท้องฟ้าหมื่นลี้ไร้เมฆ แสงอาทิตย์สวยงาม
บนถนนใหญ่ปูด้วยหินชิงสือ ถูกฝนชำระล้างอย่างสะอาดสะอ้าน
หลังเดินออกจากโรงหมอ ซินเอ๋อร์มองพระอาทิตย์สวยงามบนท้องฟ้า ถนนอันคึกคัก สูดอากาศอันสดชื่น จึงรู้สึกว่าตนคล้ายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เพราะช่วงที่จากเซวียนมา ทุกวันเธอต่างตกอยู่ในความทุกข์ สำหรับอนาคตของตน เธอยังสับสน
เธอไม่รู้ตนควรไปที่ใด ต่อไปควรทำเช่นไร
อาจเพราะผ่านชีวิตราวตายทั้งเป็นมา ความสุขจึงห่างหายไปจากเธอ
ทว่าตอนนี้เธอกลับแตกต่างออกไป
เพราะเธอตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียว เธอยังมีลูกในครรภ์ และเป็นลูกของเธอกับเซวียน
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดก้มลงใช้มือลูบไล้บนหน้าท้องตนไม่ได้ ก่อนใบหน้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยประกายความสุขของผู้เป็นมารดา
เหลิ่งเม่ยเฉินที่เดินอยู่กับซินเอ๋อร์ เมื่อเห็นท่าทางนี้ของเธอ รู้ว่าเธอกำลังคิดสิ่งใด
อาจเพราะรับรู้ได้ถึงความสุขของซินเอ๋อร์ ใบหน้าเย็นชาของเหลิ่งเม่ยเฉินนั้น ค่อยๆ ปรากฎร่องรอยการละลายของน้ำแข็งออกมา
ก่อนจะเอ่ยถามซินเอ๋อร์ว่า
“ต่อไป เจ้าคิดทำเช่นไร”
หลังได้ยินคำพูดเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์ตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นมองบนถนนใหญ่ที่ผู้คนพลุกพล่าน คึกคักวุ่นวายครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้น
“เมื่อครู่ท่านเอ่ยว่าที่นี่คือตำบลไป๋เหอ ห่างไกลจากเมืองหลวงอย่างมาก เช่นนั้นต่อไปข้าจะปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นี่”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น หลังเมื่อครู่เธอขบคิดว่าตนตั้งครรภ์แล้ว จะใช้ชีวิตเหมือนที่ผ่านมา และทำงานหนักไม่ได้ เพราะเช่นนี้จะไม่ดีกับบุตรในครรภ์
และเมื่อครู่เธอได้ยินว่าตำบลไป๋เหอนี้ มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ผู้คนอยู่เย็นเป็นสุข และไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้น
ดังนั้น เธอจึงคิดจะซื้อเรือนที่นี่ จากนั้นปักหลักถาวร
ต่อไปเธอและบุตรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่นี่
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ทันใดนั้นก้มหน้าลงลูบไล้หน้าท้องที่ยังแบนราบของตน ก่อนเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
“เด็กน้อย ต่อไปเจ้าต้องอยู่กับแม่ที่นี่ ชอบหรือไม่ ”
อาจเพราะรู้ว่าบุตรในครรภ์ยังไม่สามารถตอบสนองตนได้ เธอเอ่ยถามเช่นนี้คล้ายโง่งมบางส่วน ทว่าเธอตอนนี้รู้สึกว่าตนมีความสุขอย่างยิ่งจริงๆ
สวรรค์เมตตาเธอไม่น้อย แม้เซวียนจะไม่อยู่ข้างกายเธอ แต่กลับมอบบุตรของเขาให้แก่เธอ
ต่อไปพวกเธอสองแม่ลูก จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นี่!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปเอ่ยถามเหลิ่งเม่ยเฉินที่อยู่ข้างกายตน
“พี่เหลิ่งท่านเล่า ต่อไปคิดทำเช่นไร”
สำหรับชายหนุ่มตรงหน้านี้ ซินเอ๋อร์ไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย
และเธอไม่คิดเอ่ยถามสถานะที่แท้จริงของเขาว่าเขาคือผู้ใด
เพราะทุกคนต่างมีความลับของตน เธอเองก็เช่นกัน
ดังนั้น สำหรับเรื่องราวของชายผู้นี้ เธอจึงไม่เอ่ยถาม
และรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ แม้มักจะเย็นชา แต่กลับไม่ทำร้ายเธอ
ขณะซินเอ๋อร์กำลังคิดในใจ หลังเหลิ่งเม่ยเฉินได้ยินคำถามเธอ กลับไม่เอ่ยตอบทันที เพียงเอ่ยเสียงเข้มว่า
“เจ้าสตรีบอบบางเพียงคนเดียว ตอนนี้ยังตั้งครรภ์ อยู่ด้านนอกเพียงลำพัง ไร้ญาติขาดมิตร หากวันหน้าเกิดเรื่องใดขึ้น ผู้ใดจะดูแลเจ้า!”
“เรื่องนี้ ข้าจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี”
เมื่อได้ยินคำพูดเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์ตกตะลึง ก่อนพลันเอ่ยขึ้น
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เหลิ่งเม่ยเฉินเพียงเหลือบมองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ด้วยสายตาไม่เชื่อมั่น
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์นึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่เธอเพิ่งหายป่วยไข้ เช่นนี้เธอคงไม่สามารถดูแลตนเองได้!
แต่เธอตัวคนเดียว และไม่สามารถกลับไปเมืองหลวงได้ ย่อมต้องเพียงอาศัยอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง มิฉะนั้นจะทำเช่นใด!
ซินเอ๋อร์จนปัญญา และทราบดีว่าคำพูดนี้ของเหลิ่งเม่ยเฉินพูดได้อย่างมีเหตุผล
เธอตัวคนเดียว ร่างกายก็อ่อนแอ และยังตั้งครรภ์ เมื่อเกิดเรื่องใดขึ้น ความจริงไม่มีคนช่วยเหลือเธอจริงๆ
ต่อไปทั้งหมดต่างต้องพึ่งพิงตนเอง
ทว่าเธอไม่กลัว เพื่อตนและบุตร เธอต้องหนักแน่น
ขณะซินเอ๋อร์คิดอย่างหนักแน่นในใจ จู่ๆ หลังได้ยินประโยคต่อมาของชายหนุ่ม เธอตกตะลึงสุดขีด
“อะไรนะ!”
“ข้าเอ่ยว่าต่อไป ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเถิดถึงอย่างไรข้าไร้ที่ไป เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าไม่วางใจ”
เพียงเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย เสียงเหลิ่งเม่ยเฉินแผ่วเบาลง และไม่มองซินเอ๋อร์ เพียงมองไปรอบๆ ไม่หยุด
ทว่าบนใบหน้ากลับค่อยๆ แดงก่ำอย่างน่าสงสัย
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตะลึงบางส่วน พลันยิ้มมุมปาก ดวงตาอ่อนโยนลง และยิ้มอย่างอ่อนโยนจับใจ
“ฮ่า ๆ ขอบคุณพี่เหลิ่ง ท่านเป็นคนดีจริงๆ!”
เมื่อทราบว่าเหลิ่งเม่ยเฉินเป็นห่วงเธอ ดังนั้นจึงเลือกอยู่ที่นี่ ซินเอ๋อร์อดอบอุ่นใจไม่ได้ ก่อนเอ่ยขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
ส่วนเหลิ่งเม่ยเฉินหลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ กลับตะลึงงัน
เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เขาคือเด็กที่โดดเดี่ยวลำบาก ไร้ญาติขาดมิตร ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร ก่อนจะกลายเป็นนักฆ่าเย็นชาไร้ความรู้สึก ชำนาญในการสังหารผู้คน สองมือแปดเปื้อนเลือดผู้ คนมากมายจนนับไม่ถ้วน
เขาเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่เคยมีผู้ใดเอ่ยว่าเขาคือคนดีมาก่อน
และเขาเองก็ทราบดีว่าตนไม่ใช่คนดี
เขาเป็นนักฆ่าผู้หนึ่ง!
เขามีเพียงสังหารผู้คน!
ดังนั้น หลังได้ยินคำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ ในใจตกตะลึง ขณะเดียวคล้ายสับสนและรู้สึกอิ่มเอมใจ
ดวงตาเปี่ยมด้วยความสับสนนั้น จับจ้องที่ซินเอ๋อร์เงียบๆ อยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่ใช่คนดี”